++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เผื่อรถเสียตอนกลางคืนจะได้มีคนช่วยแบบ ( แบบไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นมิจฉาชีพ)

ผู้ใช้รถ หรือผู้ที่ไม่ได้ใช้รถส่วนตัว จะไปบอกต่อกันก็ ได้ ช่วยกันบอกต่อๆ ไป รถเสีย กด 1137


ชาวกรุงซึ้งน้ำใจรถเสียช่วยฟรี 24 ชม.
รถ เสียกลางกรุงไม่ต้องตกใจ กด 1137
เรียกใช้บริการช่างซ่อมอาสาได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ตามโครงการ
ช่วยป้องกันทั้งโจรในคราบพลเมืองดีและภัยสุภาพสตรีที่รถเกิดเสียกลางทาง

คนยังเรียกใช้น้อย เพราะส่วนใหญ่ยังไม่ รู้จัก วอนรัฐช่วยส่งเสริมสนับสนุน ขณะที่ ผู้คนในสังคมต่างดิ้นรนเอาตัวรอด
ส่งผลให้ผู้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้นเสีย สละต่อผู้อื่นน้อยลง และไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของคน อื่น

แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่งแม้จะไม่มากนัก
แต่ก็พร้อมจะทำงานที่เสียสละช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทน
อย่างกลุ่มคนในโครงการ ' ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง '
นายกฤตวิทย์ ศรีพสุธา เจ้าของโครงการ ' ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง ' กล่าวถึงที่มาโครงการนี้ ว่า

เห็นข่าวผู้หญิงรถเสียในเวลากลางคืนและเกิดปัญหาอาชญากรรมตามมา โดยพวกมิจฉาชีพคอยทำร้ายชิง ทรัพย์
รวมไปถึงทำตัวเป็นพลเมืองดีในคราบโจรแล้วน่าเป็นห่วง นอกจากนี้จากการสำรวจดู ยังพบ่า มีรถเก่าจอดเสียอยู่ข้างทางไกลบ้านและไม่มีใครดูแลจึงได้หารือกับ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล ผบก.จร .
เพื่อหาทางแก้ไขให้ประชาชนมีที่พึ่ง เพราะเชื่อว่าในสังคมไทยยังมีคนดีอยู่อีก จำนวนมาก

บทสรุปที่ได้ คือ
ให้ตำรวจแต่ละท้องที่จัดหาอู่ซ่อมรถ จัดซื้อรถลากรถยกไว้ให้ บริการ โดยมีตำรวจโครงการพระราชดำริมาร่วมด้วยช่วย กันปรากฏว่าเจ้าของอู่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยไม่คิดค่าแรง และบอกว่า ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็ม ที่ เพราะต้องการช่วยประชาชนอยู่แล้วแต่ ไม่มีโอกาส
นายกฤตวิทย์ กล่าวว่า เพื่อสร้างความ เชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่ จึง กำหนดให้เจ้าหน้าที่ที่ออกให้บริการต้องติดบัตรใส่ชุดฟอร์ม และไม่รับค่าตอบ แทน เพราะทุกคนทำด้วยใจรัก ' บริษัทได้ทำประกันอุบัติเหตุให้เป็นค่า ตอบแทน 1 ปี ถึงขณะนี้ การช่วยเหลือยังน้อยอยู่เดือนหนึ่งประมาณ 50-60 ราย
เฉลี่ยวันละ 4-5 รายแต่ในช่วงคืน ฝนตกจะมีคนเรียกใช้มากถึงวันละ 10 ราย '

ผู้ริเริ่มโครงการนี้กล่าวและยอมรับ ว่า โครงการ ' ปันน้ำใจช่วย เหลือรถจอดเสียกลางทาง ' ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย เนื่องจากประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนยังไม่ทราบว่ามีโครงการนี้ หากมีการประชาสัมพันธ์มากกว่าที่เป็นอยู่เชื่อว่าจะมีคนที่เดือดร้อนขอใช้ บริการมากกว่านี้ และน่าจะมีอู่ซ่อมรถยนต์มาร่วมช่วยเหลือมากขึ้น

' ถ้าผู้ใช้รถไม่ฟัง จส. 100 จะไม่ รู้ว่ามีโครงการนี้ อย่างไรก็ดียังมีประชาชนส่วนหนึ่งยังไม่เชื่อใจว่าจะช่วยเหลือจริงหรือเปล่า หวังอะไรหรือไม่ ถ้าทำอย่างโปร่งใส คนจะเชื่อใจและใช้บริการมากขึ้นเราก็พร้อมจะขยายขอบข่ายการช่วยเหลือออก ไป

เพราะโครงการนี้ตั้งเป้าใช้งบไว้ 4 ล้านบาท แต่ทำจริงๆใช้เงินเพียง 1.69 ล้านบาทเท่านั้น '

นายกฤตวิทย์กล่าวและย้ำว่า คนที่ต้อง การความช่วยเหลือจากรถเสีย กดโทรศัพท์แจ้งเรื่องได้ที่ 1137

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น