เด็กไม่กล้าปฏิเสธเพื่อนชวนเสพยา-มีเพศสัมพันธ์ก่อนวันอันควร
กรมอนามัยเผยเด็กไทยมีสถิติฆ่าตัวตายถึงร้อยละ 8
เตรียมออกคู่มือป้องกันฆ่าตัวตายเร็วๆ นี้
วันนี้ (30 มิ.ย.) ที่รัฐสภา
คณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ
คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ที่มี นางยุวดี นิ่มสมบุญ ส.ว.สรรหา
เป็นประธานฯ ร่วมกับแผนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชน
สำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
และสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ร่วมจัดสัมมนาหัวข้อ
"การสร้างต้นทุนชีวิตเพื่อการแก้วิกฤติเด็กและเยาวชนในประเทศไทย"
นพ.สุริยเดว ทรีปาตี หัวหน้าคลินิกเพื่อนวัยทีน
สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีและผู้จัดการงานพัฒนาคุณภาพเด็กและเยาวชน
กล่าวรายงานสภาวการณ์ต้นทุนชีวิตของเยาวชนไทยในภาพรวมเกี่ยวกับต้นทุนเด็ก
ไทยกับยาเสพติดระบุว่า เราเก็บรวบรวมข้อมูล 2 กลุ่ม
กลุ่มแรกเป็นเยาวชนทั่วไปที่ปลอดจากยาเสพติดที่อยู่ในสถานศึกษา
และกลุ่มที่ 2 เป็นเยาวชนกลุ่มเสี่ยงที่มีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเป็นเยาวชนที่อยู่ใน
หน่วยงานรองรับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดอายุระหว่าง 14-18 ปี
โดยสุ่มตัวอย่างจาก 4 ภาคทั่วประเทศ แบ่งเป็นภาคเหนือ 4 จังหวัด ภาคอีสาน
5 จังหวัด ภาคกลาง 5 จังหวัด และภาคใต้ 4 จังหวัด กรุงเทพฯ และปริมณฑล
พบ ข้อมูลว่า
กลุ่มเยาวชนทั่วไปทำกิจกรรมร่วมกับชุมชนน้อยเพียงร้อยละ 34.52 ต่อสัปดาห์
ส่วนเยาวชนที่อยู่ในสถานพินิจทำกิจกรรมกับชุมชนร้อยละ 33.39 ต่อสัปดาห์
ทั้งนี้พบอีกว่าทั้งสองกลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมไม่กล้าปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยง
การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร รวมถึงหลีกเลี่ยงยาเสพติดและความรุนแรง
โดยกลุ่มที่อยู่ในโรงเรียนกล้าปฏิเสธพฤติกรรมดังกล่าวเพียงร้อยละ 45.74
นายโสภณ เมฆธน รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า
หลังจากที่กรมอนามัยได้สำรวจเด็กทั่วประเทศเมื่อเร็วๆ นี้
โดยใช้แบบสอบถามขององค์การอนามัยโลกพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า
เด็กมีปัญหาด้านสุขภาพจิตและคิดจะฆ่าตัวตายประมาณร้อยละ 8
ส่วนใหญ่อยู่ในชั้นมัธยมศึกษาที่ 1-3 ส่วนอีกร้อยละ 26
ระบุว่าผู้ปกครองไม่ค่อยให้ความสนใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยมีปัญหา
ขาดคนพูดคุยดูแลเด็ก ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ถือเป็นการทำวิจัยครั้งแรก
จึงถือเป็นตัวเลขที่น่าตกใจพอสมควร
นอกจากนี้ผลการสำรวจยังพบว่าเด็กและเยาวชนยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพอนามัย
ยาเสพติด และความรุนแรงในโรงเรียนถึงร้อยละ 30
"โดย ผลสำรวจเหล่านี้เราจะรวบรวมเป็นข้อมูลเพื่อประมวลหาสาเหตุการคิดฆ่าตัวตาย
ของเด็กว่ามาจากเหตุอะไร
โดยเชื่อว่ากรมสุขภาพจิตและกระทรวงศึกษาธิการน่าจะรับทราบข้อมูลเหล่านี้
อยู่แล้ว โดยจากนี้เราคงต้องร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อ
แก้ไขปัญหาและเฝ้าระวังต่อไป
ทั้งนี้เรากำลังจัดทำคู่มือสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพจิตและควบคุม
พฤติกรรมการฆ่าตัวตายของเด็ก ซึ่งจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้"นพ.โสภณ กล่าว
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000073858
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น