++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

พับกระดาษ...สร้างความหวัง / นพวรรณ สิริเวชกุล

โดย นพวรรณ

โดย นพวรรณ สิริเวชกุล

คลิกที่ไอคอนด้านบนเพื่อ ชม และ ฟัง ในรูปแบบ MULTIMEDIA

เคยพับกระดาษเล่นไหมคะ... พับเป็นรูป นก รูปเรือ เป็นกระทงใส่ของ
หรือแม้กระทั่งทำเป็นจรวด บินร่อน เล่นกับเพื่อนในยามเด็ก เชื่อว่าหลายคน
คงผ่านช่วงวัยเหล่านั้นกันมาบ้าง...

กระดาษ วัสดุที่คุ้นชินกับคนเรามาเนิ่นนาน...
อยู่ในแทบทุกภาคส่วนของชีวิต...ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแสวงหาความรู้
การจดบันทึก หรือแม้กระทั่งเรื่องของพิธีกรรม ผู้คนแถบบ้านเรา
มักจะมีกระดาษเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรมเผากระดาษ หรือพิธีกรรมตัดกระดาษให้เป็นรูปต่างๆ
ตามความเชื่อ

ที่ญี่ปุ่นเองก็มีศิลปะการพับกระดาษที่เลื่องชื่อเช่นกันค่ะ...
พวกเขาเรียกมันว่า โอริกามิ คำว่า
โอริ แปลว่า พับ ส่วนคำว่า กามิ แปลว่า กระดาษ
เมื่อนำสองคำมารวมกัน โอริกามิ จึงแปลได้ว่า พับกระดาษนั่นเอง

โอริกามิ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเมื่อราวศตวรรษที่ 12
ในประเทศญี่ปุ่น
พวกเขาจะพับกระดาษในรูปแบบที่หลากหลายไม่ว่าจะห่อเป็นของขวัญ
เป็นกระดาษสำหรับห่อของเก็บที่บ้าน
หรือแม้กระทั่งพับเป็นของที่ระลึกผูกติดไปกับของขวัญ

วิธีการพับกระดาษของญี่ปุ่นได้รับการพัฒนาไปหลากหลายรูปแบบ
กระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
มันถูกนำไปเผยแพร่ยังประเทศซีกโลกตะวันตก
มีการตั้งศูนย์พับกระดาษแบบญี่ปุ่นในนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
และต่อมายังขยายความนิยมไปถึงประเทศอังกฤษมีการก่อตั้ง british origami
society ที่นั่นในปี 1969 อีกด้วย

กล่าวกันว่ารูปแบบการพับกระดาษของญี่ปุ่นในช่วงปี 1603 - 1867
นั้นมีสองรูปแบบที่ได้รับความนิยม นั่นก็คือ รูปกบและนก
ผู้นำในการพับกระดาษแบบ โอริกามิของญี่ปุ่นได้กล่าวไว้ว่า
การพับกระดาษแบบโอริกามินั้น เป็นการพับกระดาษที่สวยงาม
มีสีสันที่หลากหลาย ยิ่งโดดเด่น จะยิ่งสวยงาม

ในเวลาต่อมา โอริกามิถูกนำมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาสมองเด็ก
ช่วยเพิ่มทักษะการใช้นิ้วและมือ
รวมทั้งการบริหารสมองทั้งสองข้างให้พัฒนาเรื่องการควบคุมการเคลื่อนไหวและ
รับรู้ภาพ ในต่างประเทศมีการนำศิลปะการพับกระดาษเช่นนี้ไปบำบัดผู้ป่วยโรคความจำสั้น
แน่นอนส่วนใหญ่คือผู้สูงอายุ เรียกกันว่า โอริกามิบำบัด
เพราะมันจะกระตุ้นให้ผู้เข้ารับการบำบัดมีความคิดที่เป็นระบบและช่วยฝึกความ
จำอีกถ่ายหนึ่งด้วย

ย้อนกลับไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
เรื่องของเด็กหญิงคนหนึ่งที่มีความหวังว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดจากโรคร้าย
ด้วยการพับกระดาษเป็นรูปนกกระเรียน
ทำให้กลายเป็นตำนานเล่าขานกันมากระทั่งปัจจุบัน ซาดาโกะ ซาซากิ

เธอเกิดและอาศัยอยู่ใกล้ๆ กับสะพานมิซาสะในเมืองฮิโรชิมา ในวันที่
6 สิงหาคม 1945 ครั้งที่ระเบิดปรมาณูถล่มฮิโรชิมา เธอมีอายุเพียงสองขวบ
แน่นอนซาดาโกะเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิต
แต่...ไม่อาจรอดพ้นจากพิษร้ายของนิวเคลียร์ที่เข้าไปทำลายระบบการทำงานของ
ร่างกาย

ซาดาโกะเติบโตขึ้น คล้ายจะเป็นคนแข็งแรง
เธอเป็นนักวิ่งของโรงเรียน แต่แล้ววันหนึ่ง... ขณะที่ซ้อมวิ่ง
เธอก็ล้มลงและเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลและพบว่า
เธอเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาวซึ่งมันคือผลสืบเนื่องจากปรมาณูลูกนั้นนั่นเอง

เธอยังมีความหวังค่ะ...หวังว่าเธอจะหายจากมะเร็งและกลับไปใช้ชีวิต
ได้ตามปกติ เช่นเด็กสาวทั่วไป
เธอเริ่มต้นความหวังของตัวเองด้วยการพับนกกระเรียนตามความเชื่อ ว่า
หากเธอพับได้ถึง หนึ่งพันตัวคำอธิษฐานของเธอก็จะสัมฤทธิ์ผล
แต่.....เธอก็ทำมันไม่สำเร็จ เธอพับมันได้เพียง 644 ตัว ในวันที่ 25
ตุลาคม ปี 1953 เธอสิ้มลมหายใจ ด้วยอายุเพียง 12 ปี

14 เดือนที่เธออยู่กับความหวังและแรงอธิษฐาน
...ขอให้ฉันหายป่วย...แต่มันก็ไม่อาจเป็นจริง ....

หลังการจากไปของซาดาโกะ เพื่อนๆร่วมชั้นเรียนของเธอ
ต่างช่วยกันพับนกกระเรียนกระดาษให้ครบ
หนึ่งพันตัวและนำไปฝังพร้อมกับร่างของซาดาโกะ...เรื่องของเด็กหญิงนกกระ
เรียนผู้นึ้จึงกลายเป็นตำนานไปทั่วโลก

ในปี 1954
อนุสาวรีย์ซาดาโกะก็สร้างสำเร็จและถูกนำไปตั้งไว้เป็นสัญลักษณ์ที่สวนสันติภาพ
ฮิโรชิมา ด้วยท่วงท่าเหยียดชูนกกระเรียนขึ้นท้องฟ้า
คล้ายเป็นเครื่องเตือนใจต่อผู้คนทั้งโลกให้ตระหนักถึงพิษภัยของสงคราม
ที่มันไม่ได้อยู่เพียงชั่วขณะ
แต่มันเหมือนแผลร้ายที่กัดกินใจผู้คนที่ยังอยู่และอาศัยร่วมกันในสังคมมาอีก
เนิ่นนาน...สงครามไม่มีวันสิ้นสุด ...ตราบใดที่มนุษย์ยังเห็นแก่ตัว....

ทุกปีในเดือนสิงหาคม
ผู้คนจากทุกสารทิศต่างพากันเดินทางมาที่อนุสาวรีย์ของซาดาโกะและนำนก
กระเรียนกระดาษมาวางไว้ที่หน้ารูปปั้นของเธอ
เพื่อเป็นการระลึกถึงและต่างก็ภาวนาให้โลกนี้มีสันติภาพ...แม้ถ้อยคำที่
จารึกไว้ที่อนุสาวรีย์ของเธอจะก่อความสะเทือนใจให้แก่ผู้คนที่ได้อ่าน
แต่ก็นั่น...มันไม่อาจสะเทือนไปถึงใครบางคน ที่มีใจอำมหิตไปได้....

"...นี่คือ คำร้องขอของเรา นี่คือ คำภาวนาของเรา
สันติภาพจนบังเกิดขึ้นบนโลก..."

สามารถรับฟังย้อนหลัง รายการ คาเฟ่หลากมิติ โดย นพวรรณ สิริเวชกุล ได้ทาง
www.managerradio.com

http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000058662

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น