วันรำลึกกันแล้ว สำหรับคนที่เข้ามาในแดนของ ASTV หรือ MgrOnline
หรือเรียกตัวเองว่าเป็นคนเสื้อเหลืองคงจะนึกถึงอะไรหลายต่อหลายอย่างในรอบปี
ที่ผ่านมา
ผลงานเพลงชิ้นนี้เป็นของคุณพี่ตั้ว ศรันยู วงศ์กระจ่าง
แกนนำรุ่นสองของพวกเรา เป็นผู้ประพันธ์เนื้อร้องและทำนอง
ส่วนการเรียบเรียงนั้นเป็นผลงานของคุณ สมิทธิ์ บัณฑิตย์
ซึ่งทั้งตัวและหัวใจเป็นพันธมิตรร้อยเปอร์เซ็นต์
ส่วนผู้ที่ถ่ายทอดเป็นฝีมือของนักดนตรีและนักร้องรวมไปถึงบรรดาผู้ประกาศและ
บรรดาบุคคลที่เคยขึ้นเวทีพันธมิตรกันแล้วทั้งสิ้น...ใครดูมิวสิกวิดีโอเพลงนี้
ก็คงจะชื่นอกชื่นใจกันละครับ
จะว่าไปนี่คือผลงานทางวัฒนธรรมที่ 'เข้มข้น'
ที่สุดของพี่ตั้วที่บรรดาพลพรรคเสื้อเหลืองได้เห็นหลังจากผ่านการต่อสู้มา
แล้ว ก่อนหน้านั้นได้ผลิตรายการจอเหลืองและออดิชั่นมาซึ่งก็เป็นที่เพลินตาเพลิน
อารมณ์กัน แต่ผมเชื่อว่าหลายคนคิดเหมือนผมว่า ผลงานเพลงๆ นี้คือ
สิ่งที่พันธมิตรควรค่าแก่การภาคภูมิใจที่สุด
ไม่ ใช่ว่ารายการจอเหลืองไม่ดีนะครับ เพียงแต่ถ้าต้องการปลุก
'ความทรงจำแบบรวมหมู่'
ชนิดที่ทรงพลังและปลุกขึ้นที่สุดก็ต้องเป็นเรื่องของเพลงและดนตรีเท่านั้น
ผมพูดเสมอว่า
อาวุธทางวัฒนธรรมนั้นเป็นเรื่องสำคัญถ้าเผื่อคุณจะเอาชนะทางการเมือง
รัฐบาลที่ฉลาดจะต้องใช้ส่วนนี้ให้เป็น
เพราะมันเป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่จะฝังอยู่ในหัวของผู้ที่ได้เข้าร่วมกัน
เหมือนติดชิพโปรแกรมกันทีเดียวแหล่ะ
แล้วเมื่อไหร่ที่จะรวมพลหรือระดมพลทางการเมือง
ขอเพียงส่งรหัสเข้าไปสู้ชิพนี้ได้ถูกต้อง
บุคคลเหล่านั้นก็จะตื่นขึ้นมาร่วมทำภารกิจในใจอย่างไม่มีทางย่อท้อ
เพราะในเวลาไม่กี่นาที
บทเพลงแห่งการต่อสู้ที่ดีจะปลุกความทรงจำทุกอย่างให้ตื่นขึ้นมาในใจเราเลยทีเดียวละ
นี่คืออาวุธสำคัญที่ผมว่า พันธมิตรใช้มันอย่างคุ้มค่า เพราะ ตลอด
193 วัน เรามีอาวุธทางวัฒนธรรมแบบนี้หลากรูปแบบมาก
เอาแค่เพลงที่ย้ำเตือนสิ่งที่พันธมิตรลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อสถาบัน
ก็มีทั้งบทเพลงพระราชนิพนธ์เราสู้ของพี่หรั่ง ร็อคเคสตร้า
มีบทเพลงเรารักพระเจ้าอยู่หัว แม่ของแผ่นดิน ของแฮมเมอร์
มีเพลงร่มฉัตรของ อุมาพร บัวพึ่ง
เรามีเพลงย้ำความชั่วของระบอบทักษิณอย่าง ไอ้หน้าเหลี่ยม
มีเพลงปลุกใจปลุกอารมณ์ อย่างเพลง เดิน เดิน เดิน ของซูซู และ
เราจะไม่ถอย ของประทีป ขจัดพาล มีเพลงถามคนไทย ที่วง ก.ไก่ เอามาร้อง
ที่ย้ำเตือนความจัญไรของลูกหลานที่ขายชาติ
มีเพลงเฉพาะกิจที่ว่าด้วยความชั่วเฉพาะรายอย่างผลงานของป้า กรรณิกา
อารีย์สมาน ทิน่า เทอร์เนอร์ เมืองไทยอย่าง 'เพลงสุดท้าย'
ที่ว่าด้วยสมชายกับซาลาเปาไส้หมูแดง
และตู้เย็นของซาลาเปาไส้หมูดำที่สมชายพาไปซื้อ
แถมยังมีเพลงบันทึกความเมินเฉยของภาคอื่นในสังคมอย่างเพลง แอ๊ดบาว
ซึ่งร้องโดยศิลปินโปรดของผมคือวงโฟล์คเหน่อและซาเล้งจากสุพรรณ
บนเวทีมีประโยคที่เป็นความทรงจำอยู่บนเวทีอาทิ ท้ากกกกษิณณณ
ออกกกไป!! และ ใช่มั้ยใช่ !! ของคุณสนธิ
หรือประโยคของอาจารย์สมเกียรติอย่าง รัฐบาลสัตว์นรกขายชาติ
เราจำได้ถึงเสียงโห่และหอนนำบนเวทีจากพี่สมศักดิ์ โกศัยสุข และ
เราจำเสียงย้ำเตือนของคุณลุงจำลองให้เก็บขยะ รักษาความสะอาด
และที่สำคัญประโยค..เมื่อยเราก็ไม่เมื่อย เหนื่อยเราก็ไม่เหนื่อย
เราไล่ไปเรื่อยๆ เราไม่เมื่อย เราไม่เหนื่อย
นี่ยังไม่นับเสียงย้ำเตือนจากคนบนเวทีทุกช่วงที่ว่า อย่าง
สมัคร...ออกไป สมชาย...ออกไป เฉลิม...ออกไป
แน่นอนเรายังมีมือตบ
นวัตกรรมอีกแบบของการต่อสู้ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มพันธมิตรไปเรียบร้อยแล้ว
สิ่งเหล่านี้คือผลงานศิลปินพันธมิตรบนเวทีตลอด 193
วันจนกลายเป็นความทรงจำแบบรวมหมู่ซึ่งถือเป็นความทรงจำอันทรงพลัง
ที่พอได้ยินหรือเห็นภาพเหล่านั้นเมื่อไหร่ ความรู้สึกว่า
'ภารกิจในการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ยังไม่จบ' ก็จะบังเกิดขึ้นมา
เหมือนท่อนหนึ่งของบทเพลงที่ต้องร้องให้ได้
"จดจำขึ้นใจ เราทำเพื่อใคร เผ่าพันธุ์เชื้อไทย ไม่ให้ใครครอบครอง
เรารักชาติไทย แผ่นดินขวานทอง หมู่ไทยทั้งผอง เรารักพระเจ้าอยู่หัว"
บทเพลงนี้มาถูกที่ถูกเวลากับการสัมมนาเรื่องที่ว่าพันธมิตรจะตั้งพรรคการ
เมืองหรือไม่ หรือถ้าไม่ตั้งจะทำอย่างไรที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศให้ได้
หรือจะเอาแบบเดิมคือ พอมีเรื่องก็ออกมาอยู่บนถนนและสู้พอสู้จบ
ก็ปล่อยให้คนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ไปจับมือรวมหัวกัน 'คอรัปชั่ว' กันต่อ
หรือปล่อยให้ความเหนื่อยยากตลอด 193
วันกลายเป็นบันไดให้คนไปทำไม่ดีกับประเทศนี้กันต่อ
แต่ก่อนที่จะทำอะไร
มาร่วมร้องเพลงนี้กันให้ได้ก่อนวันครบรอบปีพันธมิตรกันดีกว่าครับ
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000058002
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น