++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557

เคยคิดบ้างหรือเปล่าว่า “มองข้าม” ก็ไม่ต่างอะไรจากคำว่า “ลืม” เลย



ลูกสาวที่กำลังจะออกเรือน วันนี้ย้ายของออกจากบ้าน
ตู้เสื้อผ้า 3 หลัง
โต๊ะเครื่องแป้งและหมอน 2 ใบ
ของเล่นและของใช้ 4 กล่อง
สุดท้าย เธอยกทีวีเครื่องเล็กส่วนตัวในห้องออกมา
แม่ผู้คอยเปิดประตูให้ลูกสาวขนของ เมื่อเห็นทีวีเครื่องเล็ก ก็ปล่อยโฮออกมา
ผู้เป็นลูกสาวตกใจมาก รีบวางทีวีไว้กับพื้น เข้าไปกอดปลอบแม่
“แม่เป็นอะไรไปคะ?”
“แม่เห็นทีวี ก็เลยอดไม่ได้” แม่พูดออกไปทั้งๆ ที่ยังสะอื้น
“ทีวี” ลูกสาวโพล่งออกไป
“แต่หนูซื้อมาเองนะคะแม่!”
“แม่รู้ แม่ร้องไห้เพราะทีวี ไม่ใช่เพราะเสียดายทีวี!”
เมื่อผู้เป็นแม่ปรับอารมณ์ได้ ก็ค่อยๆ พูดกับลูกสาวว่า
“เมื่อก่อนตอนที่ลูกยังเป็นเด็ก บ้านเรายากจนมาก ไม่มีทีวีดู หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ เราก็พูดคุยกันที่ห้องรับแขก”
“แล้ววันหนึ่งเราก็มีเงินซื้อทีวี แต่เราก็ยังนั่งรวมกันอยู่ที่ห้องรับแขก แม้ตาเราจะจ้องไปที่ทีวี แต่เมื่อโฆษณาออกเราก็หันมาคุยกันต่อ”
“แต่เมื่อลูกๆ โตขึ้น ต่างคนต่างซื้อทีวีเครื่องเล็กเป็นของตัวเอง หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ ลูกต่างก็เข้าห้องใครห้องมัน ดูรายการที่ตนเองชอบ แต่แม่ก็ยังแอบมองลูกผ่านช่องประตู ”
นางนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าไปมา สะอื้นไห้
“แต่วันนี้ ลูกจะย้ายบ้าน เสื้อไหมพรมที่แม่ถักให้กับมือ ลูกกลับทิ้งไว้ในตู้ รูปวาดที่แม่วาดให้ลูกก็ทิ้งไว้บนผนังห้อง ”
“ของที่แม่ให้ลูก ลูกทิ้งไว้ที่บ้าน แต่ว่า ลูกกลับไม่ลืมที่จะเอาทีวีไปด้วย!.....”
ลูกสาวได้ฟังก็ตะลึงงัน นึกถึงความรักที่แม่ให้มาเป็นเวลา 20 ปี ก็รู้สึกละอายใจ
เธอจึงรีบกอดแม่ไว้แน่น ร้องไห้เสียใจในสิ่งที่ตนเองกระทำ

.....................
ความรักความผูกพันในครอบครัวเป็นสิ่งที่ไม่อาจลบลืม แต่มักจะถูกมองข้าม แต่คุณเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่า “มองข้าม” ก็ไม่ต่างอะไรจากคำว่า “ลืม” เลย

นุสนธิ์บุคส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น