++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2553

เทศกาลสัมภาษณ์

ฮิวเมอริสต์


                "พ่อ - ใครเขามาหาแน่ะ  เขาว่าเขาจะมาขอสัมภาษณ์"
                "ว้า - สัมภาษณ์อีกแล้ว  สัมภาษณ์รายวันเสียละกระมังนี่หว่า - - คนเมื่อวานนี้ใช่ไหม"
                "ไม่ใช่ ถ้าเป็นคนเมื่อวาน ก็จะไม่มาปลุกพ่อหร็อก -"
           
                ตรงนี้ ก็ขอแทรกให้รู้เสียหน่อยว่า คนเมื่อวาน น่ะใครกัน คนเมื่อวานที่ว่านี้ ผมก็ไม่รู้จักชื่อ เพราะเห็นว่าไม่สำคัญน่ะอย่างหนึ่ง  แล้วก็มักจะลืมก็อีกอย่างหนึ่ง ทำให้ต้องเสียเวลานึก ไม่รู้เสียเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องนึก แล้วเราก็ตั้งชื่อให้ใหม่โดยไม่ต้องนึกว่า คนเมื่อวาน แล้วก็เรียกได้ทุกวันว่า คนเมื่อวาน เพราะแกมาหามาคุยมาโต้เถียงกับผมทุกเมื่อวาน แม้จะเว้นไปบ้างเป็นวานซืน ผมก็เรียกคนเมื่อวาน เพราะแกไม่ได้เว้นบ่อยนักจนจะกลายเป็นคนเมื่อวานซืนไปได้

                คนเมื่อวาน เริ่มมาหาตั้งแต่เมื่อกี่วานมาแล้วก็จำไม่ได้ มาทีแรกก็มาแนะนำตัวว่า มาขอสัมภาษณ์ บอกชื่อตัวเองไว้ด้วย แต่ผมขี้เกียจจำ ก็ลืมเสีย เพราะลืมนั้นทำได้ง่ายกว่า เวลาอยากจะรู้ก็ไม่ต้องเสียเวลานึกด้วย  เพราะรู้ตัวเองอยู่แล้วว่าไม่ได้จำเอาไว้ ไม่ต้องเกาหัว ไม่ต้องกระพริบตามองเพดานห้อง  ถามแกว่าจะสัมภาษณ์เอาไปลงหนังสือพิมพ์อะไร แกบอกว่ายังไม่รู้แน่ ถามว่า แล้วทำยังไงถึงจะรู้ล่ะ แกถามว่าจะรู้เอาไปทำไม แล้วก็สอนเสียด้วยว่า สัมภาษณ์น่ะก็คือถามแล้วก็ควรตอบไปตามความจริง ส่วนจะโกหกบ้างก็ให้อยู่ในขอบเขตของความจำเป็นที่จะต้องโกหก คือ อย่าให้จับได้

            ผมย้ำถามว่าจะเอาไปลงหนังสืออะไร เพราะหมู่นี้กำลังอยู่ในฤดูโดนมรสุมสัมภาษณ์ มีหนังสือพิมพ์แผ่นพิมพ์เล่มมาสัมภาษณ์บ้างแล้ว จะได้ไม่เสียเวลาถ้าหากว่าจะไปซ้ำกัน แกบอกว่า แกเป็นนักสัมภาษณ์อิสระ ไม่อยู่ในสังกัดใครหรือฉบับไหน ที่เรียกว่า ฟรีลานศ์ เจอร์แนลิสต์ นั่นแหละ แกเขียนคำนี้ให้ดูด้วยว่า ภาษาฝรั่งเขาใช้  lance  ตัว ซี กับ อี อยู่ท้ายออกเสียง ซ. ต้องใช้ตัว ศ การัตน์ สะกด จะใช้ ส.ไม่ถูก เพราะนักภาษารุ่นเก่านิยมวางกฎเกณฑ์ไว้ยังงั้นแล้ว เช่น ออฟฟิศ โปลิศ แม้คำที่มีตัว ซี เป็นเสียง ซ ก็ใช้ ศ เช่น สหศินิมา แล้วก็ยังมีคำทับศัพท์เกิดใหม่ คือ สอบเอ็นทรานศ์ ซึ่งเป็นคำที่มีตัว ซี อยู่ท้าย เป็นเสียง ซ ก็ใช้ตัว ศ ตามนิยมแต่เก่าก่อนด้วย

            ผมออกจะเลื่อมใสที่เอาใจใส่ในเรื่องนี้ จึงชมว่าคุณเข้าใจการถ่ายอักษรพอใช้ แกว่าก็ผมอ่านคำแนะนำของคุณน่ะซี แล้วจำเอาไว้ใช้ ผมก็เลยยอมให้แกสัมภาษณ์แต่โดยดี แม้จะเป็นสัมภาษณ์เถื่อน คือ ไม่สมบูรณ์แบบเต็มฉบับ ไม่มีกล้องถ่ายรูป ไม่มีเครื่องบันทึกเสียง และมักจะไม่มีค่ารถกลับ ซึ่งแกก็สารภาพว่า เครื่องบันทึกเสียงนั้น ยังเห็นจำเป็นน้อย เพราะยังใช้จดยิกแทนได้ ขาดตกบกพร่องหรือเลยล้ำก้ำเกินไปบ้าง ก็ยังพอตามซ่อมแซมที่ขาด ตัดทอนที่เกินได้ แต่กล้องถ่ายรูปนี่สำคัญ เพราะจะใช้วาดรูปแทน ก็เรียนมาไม่ถึง แค่เขียนดอกไม้ใบไม้ก็ยังได้คะแนนไม่ถึงครึ่ง จึงขวนขวายหาไว้ได้กล้องหนึ่ง กำลังอยู่ในระยะหัดถ่าย ก็สู้ค่าฟิล์มไม่ไหวเสียแล้ว เลยต้องยอมให้มันช่วยเป็นค่าครองชีพไปพลางก่อน เอาไว้ขายงานสัมภาษณ์ได้สักชิ้น ก็จะไปเอาคืนมาคล้องไหล่ให้ภูมิฐานหน่อย ถึงจะใช้มันตามหน้าที่ของมันยังไม่ได้ก็ยังเป็นศรีสง่า

            ผมถามถึงสนนราคาของงามสัมภาษณ์ว่าชิ้นละเท่าไหร่ แกว่าผมไม่กำหนดตายตัวหรอก แต่ยิ่งมากก็ยิ่งดีเป็นธรรมดา ทั้งทั้งที่ยอมลดราคาลงได้ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์จากที่กำหนด ก็ยังหาไม่ได้สักราย เขามักบอกว่าคนที่สัมภาษณ์มานี้ ยังไม่อยู่ในสายตา ยังไม่อยู่ในความสนใจของประชาชน ทีนี้ไปเจอข่าวท่านกำลังฮิต ผมก็เลยรีบมาสัมภาษณ์ เขาก็บอกว่าให้คนข่าวมาสัมภาษณ์เสียก่อนแล้ว ก็เลยอดไป แต่ก็ยังไม่สิ้นหวัง เพราะอาจจะล้วงได้อะไรที่รายอื่นล้วงไม่ถึง

            ผมก็ปล่อยให้แกล้วงตามสบาย รวมทั้งล้วงค่ารถกลับด้วย โดยแกก็ขอเอาดื้อๆซื้อซื้อไม่ได้กระมิดกระเมี้ยนเลย

            แล้วชินชินกันเข้าหน่อย มาแทบทุกวัน เพื่อสัมภาษณ์ ซักถามเอาเรื่องราวไปว่าจะลงหนังสือพิมพ์ แล้วยังสัมพันธ์เกี่ยวข้องฐานคุ้นเคยเกี่ยวข้องผูกพันฉันท์ผู้คุ้นเคย ยังสัมภัตโดยเห็นว่า พูดคุยไม่ค่อยจบเรื่องง่ายๆ เลยล้ำเข้ามาในเวลาอาหาร เลยให้ร่วมกินอาหารเสียด้วย แล้วยังสัมผัสถูกต้องกันบ้างตามความจำเป้น เช่น ในการที่จะช่วยให้ผมลุกขึ้นนั่งลงให้สะดวกกว่าที่จะทำตามลำพัง ด้วยเข่าด้วยขาที่ชำรุดทรุดโทรมไปด้วยกาลเวลา

            คนนี้แหละคือ คนเมื่อวาน เมื่อไม่ใช่คนเมื่อวาน และแม่ (ของลูกลูก) ต้องมาปลุก ก็เลยต้องรีบลุกขึ้นแต่งตัวพลาง ฟังบรรยายเพิ่มเติมไปพลาง บรรยายเพิ่มเติมนั้นมีว่า แหมมากันเยอะแยะ สะพายกล้องถ่ายรูปกันแทบทุกคน หิ้วเครื่องบันทึกเสียง มีกระเป๋าใหญ่ใส่อะไรก็ไม่รู้

                ผมรีบกะโผลกกะเผลกอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยกว่าพื้นฐานนิดหน่อย แต่ไม่ถึงแก่ผูกเน็คไทอะไรหรอก และทั้งผมก็ไม่เคยผูกเน็คไทอยู่กับบ้านเสียที กลัวหลานหลานมันตบมือเกรียวกันตลอดเวลา

            ได้ความว่ามาจากหนังสือพิมพ์หน่วยราชการหนึ่ง ชื่อยาวจำไม่ได้ถนัด มาด้วยกันี่คนก็นับไม่ถ้วน ไม่ได้จำนวนที่ถูกต้องสักที เพราะเดินกันไปทางโน้น เดินกันมาทางนี้ คนที่นั่งอยู่เมื่อกี้ลุกขึ้นไปโน่น คนที่เมื่อกี้ยืนให้เห็นอยู่โน่น มานั่งแทนที่นี่ ประมาณเอาหลวมๆว่า สิบกว่าคนก็แล้วกัน ไม่รู้แน่ว่าเกินสิบเท่าไหร่ หรือต่ำสิบเท่าไหร่  เอาสิบไว้เป็นเกณฑ์ประมาณใกล้เคียง

            ในจำนวนนี้ก็มีผู้ถือไมโครโฟนของตนเองคนหนึ่ง ผู้ถือไมโครโฟนให้ผมคนหนึ่ง คุมเครื่องเท้ปคนหนึ่ง คุมสวิตช์ที่ล้วงเข้าไปเสียบใต้โต๊ะโทรทัศน์คนหนึ่ง เที่ยวได้ยืนเดินนั่งหมอบคลาน เพื่อถ่ายรูปตู้หนังสือ เล่มหนังสือ กองหนังสือ อีกแห่งละคน ออกไปถ่ายรูปมุมต่างๆของบ้านอีกมุมละคน แล้วยังมีผู้ไม่มีอะไรจะทำ ต้องเที่ยวได้ยืนดูคนอื่นเขาทำ พร้อมที่จะโจนเข้าไปช่วยทำทันที ถ้าเรียกร้องให้ช่วย อีกสองหรือสามคม บ้านใกล้ๆนึกว่าบ้านผมมีงานอะไร ผู้คนถึงได้เยอะแยะยังงั้น หลานผมก็ต้องออกไปกระซิบบอกว่า เขามาสัมภาษณ์คุณปู่เท่านั้นเอง คุณปู่คุณย่ายังอยู่ดีกินดีหรอกครับ

            ทีนี้ผู้ทำอะไรอะไรด้วยวิธีสั่งให้คนอื่นทำแทน ก็สั่งให้คนนั้นยกเก้าอี้ของผมไปตั้งตรงโน้น แล้วเชิญให้ผมไปนั่งเก้าอี้ของผมเอง นั่งพิงสบายสบาย มือวางตรงนี้ข้างหนึ่ง วางตรงนั้นอีกข้างหนึ่ง อ๊ะ ไม่ดี วางตรงโน้นดีกว่า ให้ยิ้มนิดนิด นัยน์ตามองโน่น แล้วก็กดแกร๊ก อ๊ะอย่าเพิ่งลุกขึ้นครับ  เอาอ้ายนี่ไปถือไว้ หันไปทางโน้นหน่อย อ้อ ให้คุณย่ามานั่งด้วยอีกคน ไปยกเก้าอี้ตัวนู้นมาเร็ว วางอย่าให้ติดกันซี ห่างกันนิดหน่อย เอาล่ะครับ นั่งเอียงทางนี้นิด ให้เป็นธรรมดาธรรมชาติ อย่าให้เป็นนั่งเกร็งให้ถ่ายรูป อย่ากำมือ ปล่อยหลวมหลวม นิ้วอย่าตั้งใจให้ติดกัน เอาละนะครับ อย่ากลั้นลมหายใจ ปล่อยให้เป็นธรรมดา อย่าให้รู้ตัวว่าจะโดนถ่ายรูป เอาละครับ ฮ่า เรียบร้อย

            แล้วก็เชิญผมไปนั่งเก้าอี้อีกตัว เพราะตัวนั้นไกลที่ตั้งเครื่องบันทึกเสียง ทำให้สายไมโครโฟนตึงเกินไป แล้วจะได้เข็นเก้าอี้ที่นั่งถ่ายรูปเข้าที่ให้ด้วย ไม่ขวางทาง เอ้าทีนี้เล่าไปครับ เรื่องราวตั้งแต่เกิด หรือถ้ารู้อะไรก่อนเกิดบ้างก็เล่าประกอบด้วย  คุณย่าของคุณครูชื่อไรครับ แหมน่าจะจำได้ เพราะเป็นคนสำคัญ ที่ตั้งชื่อให้คุณครู แหมจำไม่ได้จริงจริงครับ นึกเท่าไรก็ไม่ออก บางทีคุณถามอะไรมากมากเข้า ชื่อผมเองก็ทำท่าจะลืมด้วยซ้ำ เอายังงี้ดีกว่า คุณเอาไปอ่านเอง ที่หนังสือรายเดือนรายปักษ์ รายสัปดาห์เขามาสัมภาษณ์ไว้แล้วนั้น สักสิบกว่าฉบับ เอาไปปะติดปะต่อกันเข้า อะไรที่ผิดกันค้านกันก็เอาข้างมากเป็นถูกก็แล้วกัน  วันเดือนปีหรือจำนวนเลขอะไร ถ้าผิดกัน ก็หาส่วนเฉลี่ยเอาเอง แต่ที่ถูกต้องน่าเชื่อที่สุดเห็นจะเป็นที่เขารวมประวัติยี่สิบสามสิบราย พิมพ์รวมเป็นเล่มปกแข็งขายนั่นแหละ เอายังงี้ มีที่พิมพ์แล้วกี่รายกี่รายขนเอาไปพิจารณาให้หมดเลยครับ จะได้ส่วนเฉลี่ยที่ใกล้ความจริงที่สุด แล้วรูปถ่ายเก่าๆมีเท่าไหร่เท่าไหร่ขนเอาไปเลือกเองเลย ขออย่างเดียว เมือเสร็จธุระแล้วขอคืนทั้งหมดเลยนะครับ ครับครับ สงสัยข้องใจไม่แน่ใจอะไร โทรศัพท์ก้ได้ครับ ทุกเวลาเลยอย่าเกรงใจ ครับครับสวัสดีทุกท่านทุกท่าน

                เฮอ เหนื่อย
                อ้าวใครมาอีกล่ะ กี่คน เขาบอกว่าเป็นนักศึกษามากันหลายคนด้วย บอกเขาว่าบ่ายค่อยมาอีกรอบ รอบเช้านี่ขอพักผ่อนสักครึ่งวันก่อน




ที่มา ต่วย ตูน เดือนกรกฎาคม ๒๕๓๐ ปีที่ ๑๖ เล่มที่ ๑๑

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น