ได้ยินถึงความเดือดร้อนของคนทั้งหลาย รวมทั้งบริษัทห้างร้านต่าง ๆ
เกี่ยวกับค่าลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์แล้ว
จึงจำเป็นต้องออกความคิดความเห็นในเรื่องนี้สักครั้งหนึ่ง
และมุ่งให้รัฐบาลท่านได้พิจารณาหาหนทางช่วยเหลือหรือแก้ไขปัญหานี้โดยเร็ว
เพราะการแก้ไขหรือช่วยเหลือในเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน
ในประเทศไทย เป็นประโยชน์ต่อคนไทยทุกๆ คน
และจะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลเป็นอย่างมาก
เพราะจะได้รับความนิยมชมชอบจากทุกคนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้และกำลังเดือดร้อนในเรื่องนี้กันอยู่
เดือดร้อนกันอย่างไรเล่า?
ก็เพราะกฎหมายของเราต้องคล้อยตามสมัยนิยมของนานาชาติ
แต่คล้อยตามมากไปหน่อย
จึงมีการตรากฎหมายให้การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์เป็นทั้งความ
ผิดทางแพ่งและความผิดทางอาญา
ทั้งยังเปิดช่องให้มีการใช้อำนาจตามกฎหมายกลั่นแกล้งข่มเหงรังแกได้อย่างไม่
มีขอบเขต
ทั้งๆ ที่เรื่องละเมิดทั้งหลายนั้นเป็นเรื่องทางแพ่ง
ที่ทั่วโลกเขาก็ถือว่าเป็นเรื่องทางแพ่ง
คือใครทำการละเมิดก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ถูกละเมิด
ไม่มีการเอาผิดกันถึงติดคุกติดตะราง หรือยึดทรัพย์สินเอาไปเป็นประกัน
จนกระทั่งไม่เป็นอันทำมาหากินกันดังที่เป็นอยู่ในบ้านเรา
แต่ถึงจะมีผู้เรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายนี้ให้เป็นไปตามแบบฉบับที่นานา
ชาติเขาใช้กันอยู่ คือให้เป็นแค่ความผิดทางแพ่งก็ไม่สำเร็จ
และดูเหมือนว่าไม่มีใครสนใจ
ดัง นั้นเมื่อมีกรณีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์
จึงเปิดช่องให้ดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญา
โดยเรียกค่าปรับและค่าใช้จ่ายจนเกินจริงไปเป็นจำนวนมาก
ทำให้คนไทยต้องเสียหายเกินความจริงซึ่งเป็นความไม่เป็นธรรมอย่างหนึ่ง
นอกจากนั้น ในกระบวนการที่ทำกันอยู่
เมื่อตรวจพบว่าใครละเมิดลิขสิทธิ์ก็จะยึดเอาเครื่องคอมพิวเตอร์ไปทั้งหมด
เอาไปกองไว้ตามสถานีตำรวจจนกว่าคดีจะเสร็จ
ทำให้เจ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่สามารถใช้งานได้ ไม่สามารถทำงานได้
เมื่อได้รับกลับคืนมาก็ชำรุดเสียหายไปเกือบทั้งหมดและแทบจะเอากลับมาใช้ใหม่
อีกไม่ได้เลย
เป็นการกระทำที่เกินไปจริงๆ
เพราะในเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งๆ
นั้นมีเรื่องราวและทรัพย์สินอื่นๆ รวมอยู่ในนั้นมากมาย
อาจจะมีของละเมิดลิขสิทธิ์อยู่เพียงส่วนหนึ่ง ซึ่งถ้าหากล็อก
ไม่ให้ใช้เฉพาะส่วนที่ละเมิดก็จะไม่เกิดความเสียหายเกินออกไปจากที่พึงเป็น
แต่เพราะเจ้าหน้าที่ขาดความรู้ ขาดความเข้าใจ ยกไปทั้งเครื่อง
ยกไปทั้งระบบ จนทำให้ส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการละเมิดลิขสิทธิ์ได้รับผลกระทบและเกิดความ
เสียหายด้วย ซึ่งความจริงตรงนี้ต้องมีความรับผิด ทั้งทางแพ่งและทางอาญา
แต่เพราะประชาชนไม่รู้ ไม่เข้าใจ จึงไม่ได้ตอบโต้ให้สาสมแก่กัน
ดัง นั้นจึงขอบอกกล่าวมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพึงระมัดระวังและทำความเข้าใจใน
เรื่องนี้ให้ดี เพราะคอมพิวเตอร์นั้นไม่ใช่ของผิดกฎหมาย
และไม่ได้ใช้เพื่อทำผิดกฎหมาย
หากมีซอฟต์แวร์ส่วนใดส่วนหนึ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ก็มีสิทธิ์ที่จะจัดการได้
เฉพาะส่วนที่ละเมิดนั้น
การยกไปทั้งเครื่อง ยกไปทั้งระบบ จนเขาใช้การงานในเรื่องอื่นๆ
ที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้ แล้วเกิดความเสียหายขึ้น
แม้กระทั่งรับคืนมาแล้วก็ชำรุดเสียหาย
จึงเป็นความรับผิดที่ผู้กระทำต้องรับผิดด้วย
เป็นความผิดทางอาญา ฐานปฏิบัติหรือใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรับผิดในฐานะตัวการ
และคนนำจับต้องรับผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน มีโทษจำคุกสูงถึง 10 ปี
และยังมีความรับผิดทางแพ่งอีกด้วย
ดังนั้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพึงสังวรไว้
จะได้ไม่เอาชีวิตราชการไปเสี่ยงโดยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
อันค่าลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์นั้น
ผู้เป็นเจ้าของกำหนดเอาเองและตั้งอัตราเอาเอง
ไม่ได้แสดงต้นทุนและอัตรากำไรมาตรฐาน
และที่ผ่านมาก็ปล่อยให้ทดลองใช้หรือปล่อยให้ใช้
จึงใช้กันเกร่อเกลื่อนกันทั้งประเทศ
ครั้นวันนี้ก็เอาจริงเอาจังกันแล้ว
ตรวจสอบติดตามและเตือนให้จ่ายค่าลิขสิทธิ์ซึ่งผู้ใช้จำนวนมากก็ต้องจ่าย
เพราะถ้าไม่จ่ายก็ผิด แต่จ่ายมากก็ไม่ไหว เพราะเป็นอัตราที่สูง
จนกระทั่งบางกิจการอาจได้รับผลกระทบกระเทือน แม้ตามส่วนราชการต่างๆ
ก็ใช้ซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้จ่ายค่าลิขสิทธิ์กันเป็นส่วนใหญ่
ถ้า จะให้เป็นต่างคนต่างจ่าย
ต่างคนก็จะต่างเดือดร้อนและต่างก็จะได้รับความเสียหาย
และเงินที่จ่ายนั้นก็เป็นเงินของประเทศไทย
ที่ถ้าหากจ่ายกันเต็มอัตราหมดทั่วทั้งประเทศ
ก็จะเป็นรายจ่ายก้อนมหาศาลที่จะเป็นภาระของประเทศไทยไปไม่มีที่สิ้นสุด
ตรงนี้แหละที่รัฐบาลจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง
เพราะถ้าปล่อยให้เป็นไปเช่นนี้เห็นทีว่าประเทศไทยและคนไทยจะรับภาระไม่ไหว
แน่ ทั้งการเบียดเบียนข่มเหงกลั่นแกล้งก็จะเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า
เรามาดูกันว่าเขาแก้ปัญหานี้กันอย่างไร
ซึ่งพอจะบอกได้ว่าเขาแก้ปัญหากันโดยสองวิธี
วิธีแรก คือการส่งเสริมสนับสนุนให้ใช้ซอฟต์แวร์เปิด
หรือที่เรียกว่า Open Source ซึ่งไม่มีการสงวนลิขสิทธิ์
ไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ใครๆ ก็สามารถเอามาใช้ได้ แต่ความนิยมยังน้อย
และไม่ค่อยสะดวกนัก ก็ต้องทนกันไปและต้องพัฒนากันต่อไป
ประเทศไทยของเราก็มีการพัฒนาเรื่องนี้กันอยู่แล้ว และใช้กันอยู่บ้างแล้ว
ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการที่ชื่อว่าลีนุกซ์นั้น
ดูเหมือนจะได้รับความนิยมมากกว่าอย่างอื่นๆ
รัฐบาลจึงควรให้ความสนใจในเรื่องนี้
และส่งเสริมสนับสนุนให้มีการใช้และพัฒนาต่อไป
ในประเทศจีนนั้น
รัฐบาลจีนได้ส่งเสริมสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างเต็มที่
ได้ตั้งหน่วยงานของรัฐในรูปของบริษัทขึ้นมารับผิดชอบโดยตรง ชื่อว่าบริษัท
ลีนุกซ์ หงฉี ซึ่งแปลได้ว่าบริษัทลีนุกซ์ธงแดงก็ได้
และ เพื่อแสดงถึงความเอาจริงเอาจังในการรณรงค์ให้มีการใช้และการพัฒนาโดยไม่ต้อง
เสียเงินค่าลิขสิทธิ์
เขาต้องลงทุนถึงขนาดให้ประธานาธิบดีของจีนเข้าดำรงตำแหน่งประธานของบริษัท
ลีนุกซ์ หงฉี ด้วย
วิธีที่สอง
คือการรับเป็นเจ้าภาพเจรจาตกลงและจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์
โดยตรง เป็นการจ่ายเหมาสำหรับการใช้ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการทั่วทั้งประเทศจีน
โดยเหมาจ่ายเป็นเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
เจ้าของลิขสิทธิ์เขาก็พอใจ
เพราะไม่ต้องไปยุ่งยากไล่ล่าเรียกเก็บเอากับผู้ใช้แต่ละราย
ซึ่งเป็นความยากลำบากเหลือล้นประมาณในประเทศจีน
ทั้งการได้รับค่าลิขสิทธิ์เป็นการเหมาจ่ายเช่นนี้ย่อมเป็นการสะดวกและเป็น
รายได้ก้อนมหาศาล ทำให้ราคาหุ้นพุ่งกระฉูดไปในพริบตา
คน จีนมีถึง 1,300 ล้านคน เมื่อรัฐบาลจ่ายค่าลิขสิทธิ์เพียง 1,000
ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นเมื่อเฉลี่ยค่าใช้ลิขสิทธิ์แล้วก็ตกคนละไม่ถึง 1
เหรียญสหรัฐ หรือไม่ถึง 33 บาท นับว่าเป็นอัตราและราคาที่ถูกที่สุดในโลก
นั่นคือความฉลาดและมีวิสัยทัศน์ของรัฐบาลจีน
และเป็นการทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชนที่มีผลจริงในทางปฏิบัติ
ทำให้ประชาชาติจีนทั้งปวงพากันแซ่ซ้องสรรเสริญ
และได้รับประโยชน์ถ้วนหน้ากัน
ในประเทศไทยของเรา เมื่อคนทั้งหลายกำลังประสบปัญหานี้อยู่
จึงควรที่รัฐบาลจะได้พิจารณานำเอาวิธีการทั้งสองนี้มาช่วยเหลือประชาชนและ
แก้ไขปัญหาเรื่องนี้ในทางที่จะบังเกิดประโยชน์แก่ทุกภาคส่วนให้ทันท่วงที
นั่น คือเร่งส่งเสริมสนับสนุนให้มีการใช้และพัฒนาระบบเปิดให้มากที่สุด
โดยเริ่มต้นที่ภาครัฐและรณรงค์ต่อไปอย่างกว้างขวางในสถาบันการศึกษาต่างๆ
เพื่อทำให้ประเทศไทยได้ใช้ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการที่ไม่ต้องมีภาระราย
จ่าย ถือเป็นการปลดแอกประเทศไทยและคนไทยจากเรื่องนี้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ในขณะเดียวกัน ในช่วงระหว่างเวลาการรณรงค์พัฒนาระบบเปิด
ก็ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
ซึ่งควรที่รัฐบาลจะรับเป็นเจ้าภาพเจรจาตกลงจ่ายค่าลิขสิทธิ์กับเจ้าของ
ให้ได้ใช้กันทั่วประเทศโดยเหมาจ่าย ซึ่งถ้าคิดอัตราเดียวกับประเทศจีน
ก็คงใช้เงินงบประมาณเพียง 65 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นเงินไทยก็ไม่ถึง
2,000 ล้านบาท
แต่จะทำให้ทั่วทั้งประเทศไทยได้ใช้คอมพิวเตอร์ทั้งซอฟต์แวร์และระบบ
ปฏิบัติการทั้งหลายอย่างเต็มที่ด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกลง
โดยประชาชนและผู้ใช้ทั้งประเทศไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์อีกต่อไป
ใช้ เงินเพียง 2,000 ล้านบาท
ประโยชน์จะบังเกิดแก่คนไทยและประเทศไทยเป็นอเนกอนันต์
รัฐบาลก็จะได้รับคะแนนเสียงในเรื่องนี้เป็นอเนกอนันต์เช่นเดียวกันด้วย.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น