++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แม้ว - ฮุนเซน - เกาะกง และภาษีคนไทย

โดย อุษณีย์ เอกอุษณีษ์ 12 พฤศจิกายน 2552 16:28 น.
เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนักโทษชายทักษิณกับฮุนเซน
ก่อนจะมากลมเกรียวข้าวเหนียวนึ่งกันเหมือนทุกวันนี้
เชื่อว่าหลายคนคงจะมีคำถามคาใจ
สถานการณ์มันหักมุมพัฒนามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ในเมื่อย้อนกลับไป 29
มกราคม พ.ศ. 2546 ในยุครัฐบาลทักษิณเอง สายสัมพันธ์ระหว่าง 2
รัฐบาลไทย-กัมพูชา ถึงขั้นเขม็งเกรียว มีเหตุการณ์เผาสถานทูตไทย
และที่หนักไปกว่านั้นก็คือ
ธุรกิจเครือชินวัตรในขุมข่ายของนักโทษชายทักษิณก็ได้รับความเสียหายพอสมควร

จากการให้สัมภาษณ์ของอดีต ส.ว.ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ผ่านวิทยุ 97.75
Mhz บอกด้วยซ้ำไปว่า สำนักงานของเอไอเอสกรุงพนมเปญ ในนาม บริษัท ชินวัตร
คัมโบเดีย หรือ Camshin ณ วันนั้น ถูกเผาวอดจากชั้นบนลงล่างร่วมกับอีก 38
บริษัท รวมมูลค่าความเสียหายนับพันล้าน ทำให้ทักษิณโกรธจัด
ถึงขั้นขู่สั่งปิดสถานทูตกัมพูชาในไทย
และเตรียมส่งคณะทูตกัมพูชาทั้งหมดกลับประเทศ
เพื่อเรียกร้องให้กัมพูชาออกมารับผิดชอบ

ความสัมพันธ์ระหว่างฮุนเซน-ทักษิณมากระจ่างอีกครั้งในช่วงเดือนถัดมา
เมื่อผลการประเมินความเสียหายของบริษัทไทยในกัมพูชา
ครั้งนั้นมีมูลค่าสูงถึงกว่า 2,000 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลฮุนเซนต้องส่ง
พล.อ.เตีย บัญ รมว.กลาโหมกัมพูชาออกมาชี้แจงว่า "กัมพูชา
จะใช้ค่าเสียหายแน่นอน โดยจะพยายามหาเงินมาให้ได้
แต่บางส่วนที่เป็นก้อนใหญ่อาจให้คืนในลักษณะของสัมปทาน
โดยยืดอายุสัมปทานให้ หรือให้เป็นสินทรัพย์อื่น เช่น
โรงแรมรอยัลพนมเปญนั้น อาจยกที่ดินพื้นนั้นให้เจ้าของโรงแรมไปเลย"
(ที่มา: เขมรให้ที่ดิน - ยืดสัมปทาน ชดเชย "เผาธุรกิจไทย",
ผู้จัดการออนไลน์ 10 ก.พ. 46)

ไม่มีใครรู้ว่า บริษัทของนักโทษชายทักษิณได้รับการชดเชยอย่างไร
แต่โดยสามัญสำนึกของนายทุนส่วนใหญ่ เมื่อมีโอกาสเรียกร้อง
ก็ต้องขอค่าตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุดเข้าไว้เท่าที่จะสามารถเรียกได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่นายทุนมีอำนาจรัฐเป็นเครื่องมือต่อรอง
และมีสถานการณ์เป็นใจ

ต้นปีนั้นสถานทูตไทยในพนมเปญถูกเผา ธุรกิจคนไทยได้รับความเสียหาย
นักการทูต-เจ้าหน้าที่ต้องหนีตายออกมาอย่างจ้าละหวั่น
ตกในปีเดียวกันคนไทยต้องมาซวยซ้ำ
เมื่อรัฐบาลไทยภายใต้การนำของพรรคไทยรักไทยขณะนั้น
ได้กระทำการที่จะทำให้ไทยต้องเสียดินแดน
และโอกาสในการครอบครองทรัพยากรพลังงานที่มีมูลค่ามหาศาลในอ่าวไทย

การให้สัมภาษณ์ของนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต
เลขานุการรัฐมนตรีต่างประเทศไทยเมื่อต้นพฤศจิกายน ที่ผ่านมา
กรณีบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู)
เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชาที่มีการลงนามเมื่อวันที่
18 มิถุนายน 2544 นั้นน่าสนใจมาก

นายชวนนท์ชี้ว่า "...แม้เอ็มโอยูดังกล่าว
จะได้มีการตกลงกันตั้งแต่ในช่วงรัฐบาลนายชวน หลีกภัย
แต่การทำเอ็มโอยูนั้นไม่สามารถทำได้ภายในเวลาไม่กี่เดือน
ซึ่งหลายรัฐบาลที่ผ่านมา ได้มีการเจรจาเรื่องเอ็มโอยูทางทะเลกันมาตลอด
แต่ยังไม่สามารถตกลงกันได้
เนื่องจากยังมีบางจุดที่กลัวว่าจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
การเจรจาผ่านมาหลายปี จึงยังไม่สามารถลงนามกันได้ แต่รัฐบาล
พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาเพียง 4 เดือน ก็ลงนามในเอ็มโอยูที่ยังไม่มีใครกล้าทำ
พ.ต.ท.ทักษิณใช้เวลาเพียง 4
เดือนในการพิจารณาเรื่องที่รัฐบาลอื่นใช้เวลาเป็นปีแล้วมีการลงนาม
และเป็นปัญหามาจนทุกวันนี้

ที่ น่าพิจารณาไปกว่านั้น ในปี 2546 รัฐบาล
พ.ต.ท.ทักษิณมีการแปลงเอ็มโอยูดังกล่าว โดยเติมข้อความในวงเล็บเข้าไปว่า
หมายถึงแผนที่ 1 ต่อ 200,000
ซึ่งถือเป็นคนละฉบับกันและเราไม่ยอมรับแต่กลับมีการผนวกเข้าไปกับแผนที่ที่เราปักปันร่วมกัน..."
(ที่มา: ชวนนท์โต้นพเหล่ชี้พิรุธแม้วใช้ 4 เดือน เซ็น MOU แฉ
เติมข้อความรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน, ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 8 พ.ย. 52)

เป็นการอนุมัติเติมข้อความที่ผูกมัดไทยให้เสียประโยชน์โดยเฉพาะทาง
ทะเล โดยที่ไม่ได้มีการให้เหตุผลว่า ทำไมต้องระบุลงไปเช่นนั้น
ถามว่ารัฐบาลขณะนั้นรู้หรือไม่ถึงผลเสียของมัน...แน่นอนพวกเขาจำเป็นต้อง
รู้... ถามว่ารู้แล้ว ทำไมยังดึงดังให้มีการเติมมันลงไป
ถามว่าตอนนั้นในใจทักษิณ และฮุนเซน คิดอะไรเกี่ยวกับการลงนามครั้งนี้
พวกเขาคุยและเจรจาอะไรกันบ้างในปี 2546 พวกเขารู้หรือไม่ว่า
ใต้อ่าวไทยมีอะไร และมันมีค่ามากมายแค่ไหน แน่นอนพวกเขารู้ดี

กรกฎาคมปี 2546 และสิงหาคม 2548
เป็นช่วงระยะเวลาที่ถูกอ้างถึงอยู่ในรายงานการตรวจสอบทุจริตของสำนักงานตรวจ
เงินแผ่นดินหรือ สตง. (ผู้จัดการรายสัปดาห์, 18 สิงหาคม 2551)

เป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลไทยรักไทยภายใต้การนำของนักโทษชายทักษิณได้ออกมติครม.อนุมัติเงินกู้รวมหลายพันล้านเพื่อนำไปใช้เป็น
เงินให้เปล่า และ เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่กัมพูชา
เอาไปใช้ในการก่อสร้างถนนสองสายกับสะพานอีกสี่แห่งในจังหวัดเกาะกงและเสียมราฐ

และไม่กี่ปีต่อมา
เกาะกงที่มีการคมนาคมสะดวกสบายเชื่อมโยงยาวตั้งแต่ตราด-เกาะกง-พนมเปญ
-เวียดนาม ก็ตกเป็นทรัพย์ในครอบครองภายใต้กรรมสิทธิ์ของ นช.ทักษิณ นายกฯ
ตกเก้าอี้ ผ่านการเช่าระยะยาวหลายชั่วโคตรรวม 99 ปี นั่นยังไม่รวมว่า
ในอนาคตอันใกล้นี้ เขาอาจจะหาวิธีทำให้มันตกเป็นทรัพย์สินของเขาถาวร
ด้วยแรงสนับสนุนของฮุนเซน

จะมีอะไรพรั่งพร้อมน้อยไปกว่านี้ แม้จะมีเคราะห์กรรมต้องพลัดบ้าน

แต่นักโทษชายก็มีฐานที่มั่นใหม่ ที่จะใช้ทำลายไทย

ฐานที่มั่นใกล้แหล่งพลังงานใต้ทะเลไทย

แหล่งพลังงานที่รัฐบาลสมัยตนแก้เอกสาร เพื่อเปิดทางขโมยสิทธิคนไทยทั้งชาติ

มีถนนลาดยางที่ภาษีคนไทยช่วยสร้าง มีรองนายกฯ, รัฐมนตรี
ตปท.ไทยช่วยทำพิธีเปิดให้

มีงบประมาณที่บริษัทวงศ์วานว่านเครือได้เข้าไปร่วมแสวงหาประโยชน์อย่างอิ่มหนำ

หมายเหตุ : กลุ่มธุรกิจสหการฯ ทราบกันว่าอยู่ในเครือข่ายนายสมยศ
ปัญญาเลิศ สามีนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้สัมปทานสร้างถนนหมายเลข 48
ในจังหวัดเกาะกง การก่อสร้างถนนครั้งนั้นทำให้ที่ดินรอบถนนสายดังกล่าว
ราคาถีบตัวสูงขึ้นอีก 10 เท่า ขณะที่มีนักลงทุนไทยหน้าเดิมๆ
เข้าไปกว้านซื้อที่รอปั่นราคาไว้ก่อนแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น