สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวอ้างอิงต่อๆ
กันมาเป็นทิวแถวกับคิวที่รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์แต่งตั้งทักษิณ
ชินวัตร นักโทษหนีคุกคดี "ที่ดินรัชดาฯ"
ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาส่วนตัวนายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชารวมถึงตั้งแต่ให้
ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชา
โดยมีสมเด็จนโรดมสีหมุนีลงพระนามรับรองพระราชกฤษฎีกาแต่งตั้ง
ทั้งรายงานข่าวยังอ้างว่าแถลงการณ์ได้ถูกเผยแพร่ผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่ง
ชาติกัมพูชา เมื่อเวลา 21.00 น.ของวันที่ 4 พฤศจิกายน
และเนื้อหายังระบุทำนองว่า ทักษิณถูกรังแกด้วยคดีทางการเมือง
ฉะนั้นหากจะตัดสินใจหนีมาพำนักที่กัมพูชา
รัฐบาลก็จะไม่ส่งตัวกลับยังไทยเหมือนกรณีที่รัฐบาลแคนาดาทำกับราเกซเป็นอัน
ขาด
ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง
ด้านหนึ่งก็คงจะต้องแสดงความยินดีกับนายทักษิณที่ผลงานโกงชาติจนศาลฎีกา
พิจารณาลงโทษด้วยการสั่งจำคุก 2 ปี
ได้กลายเป็นผลงานเข้าตารัฐบาลกัมพูชาที่ตัดสินใจเลือกใช้บริการนายทักษิณให้
เข้ามาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวผู้นำและเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา
ประเทศที่ถูกจับตาและวิพากษ์วิจารณ์มากเหลือเกินจากองค์กรระหว่างประเทศว่า
ในขณะที่ประชาชนค่อนประเทศหรือเกือบ 78
เปอร์เซ็นต์ใช้ชีวิตอยู่ใต้เส้นแบ่งความยากจน
มีค่าครองชีพต่อหัวต่อวันระดับต่ำกว่า 2 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 70
กว่าบาท (อ้างอิงรายงานของสำนักงานโครงการพัฒนาสหประชาชาติ หรือ UNDP
ประจำปี 2007 ที่จัดอันดับกัมพูชาอยู่ในอันดับ 131 จาก 177
ประเทศในเรื่องการพัฒนา)
แต่ขณะผู้นำประเทศกลับกำลังสุขสบายกับการร่วมด้วยช่วยกันโกงประเทศ
ด้วยการรีดเถือหนังทรัพยากรของชาติแบ่งชาตินักลงทุนต่างประเทศ
หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง
เคยสัญญาผู้อ่านว่าจะเอาเนื้อความในรายงานชื่อ "Country for sale"
ของ Global witness องค์กรตรวจสอบที่มีสำนักงานในกรุงลอนดอน
ต่อกรณีการทุจริตคอร์รัปชันอย่างมโหฬารของรัฐบาลนายฮุนเซนมาเล่าให้ผู้อ่าน
ฟังต่อเนื่อง ก็พอดีกับจังหวะที่กัมพูชากำลังได้ตัวที่ปรึกษารัฐบาลคนใหม่
ทำให้ผู้เขียนคิดว่า
เป็นโอกาสเหมาะอย่างยิ่งที่จะได้เอาสาระในรายงานฉบับดังกล่าวมาตีแผ่
เพื่อให้ผู้อ่านได้รู้จัก "ที่ทำงานใหม่" ของนายทักษิณดีขึ้น
รายงานของ โกลบอล วิตเนส ที่ตีพิมพ์ออกมาตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2552
เคยสร้างแผลงฤทธิ์ถึงขั้นทำให้นายกรัฐมนตรีกัมพูชาควันออกหู
นอกจากจะออกมาตอบโต้ด้วยความกราดเกรี้ยวว่า|..
"องค์กรอย่าง โกลบอล วิตเนส อดีตโกหกเรื่องกัมพูชาอย่างไร
ปัจจุบันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น" พร้อมทั้งสั่งห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่โกลบอล
วิตเนสเดินทางเข้าประเทศอีกเลย
ทั้งยังส่งเจ้าหน้าที่ตามคุกคามเอาชีวิตนักข่าว
ของวิทยุเอเชียเสรีภาคีภาษาเขมรที่ลงพื้นที่เปิดโปงความชั่วพรรคพวกฮุนเซนจน
นักข่าวคนดังกล่าวต้องลี้ภัยไปอยู่ในประเทศสวีเดนในเวลาต่อมาด้วย
แต่แล้วอานิสงส์ของรายงาน Country for sale
ทำให้กลุ่มตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส ที่ชื่อ International Budget
Partnership ซึ่งมีสำนักใหญ่ในกรุงวอชิงตัน
ดี.ซี.ตัดสินกัดไม่ปล่อยรัฐบาลกัมพูชา
โดยพยายามตามล่าข้อเท็จจริงรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่น
ดินของรัฐบาลกัมพูชายุคนายฮุนเซนก่อนสุดท้ายจะมีการจัดอันดับให้รัฐบาล
กัมพูชา เป็นประเทศที่มีความโปร่งใสด้านการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินน้อยที่สุดใน
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จะว่าไปแล้ว จะไปโทษนายกฯ กัมพูชาเสียฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูกนัก
มีอย่างที่ไหน รายงานของโกลบอล วิตเนส
เล่นขุดเอาโคตรเหง้าศักราชของมิสเตอร์ฮุนเซนมาแฉเสียหมดเปลือกแถมเขียนแผน
ผังการ "โกงทั้งโคตร" ออกมาดังนี้
โดยตารางดังกล่าว เผยแพร่ครั้งแรกปี 2550 ใช้ชื่อว่า Cambodia's
Family Tree เป็นการเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย
รายล้อมรอบตัวผู้นำกัมพูชา อาทิ นาย Dy Chouch ที่ โกลบอล วิตเนส
ระบุเป็นลูกพี่ลูกน้องนายฮุนเซน
นอกจากจะเป็นคีย์แมนคนสำคัญของเครือข่ายอำนาจ ยังมีพฤติกรรมเย้ยกฎหมาย
เช่น ตั้งแก๊งมาเฟีย อุ้มหาย ลักพาตัว ขู่ฆ่า คุกคามสื่อ
และเป็นตัวการสำคัญที่ขู่ทำร้ายนักข่าวของ โกลบอล วิตเนส
หลังมีการรายงานข่าวขุดคุ้ยพฤติกรรมของบริษัท Seng Keang
ซึ่งเจ้าของเป็นเพื่อนของนางบุญรานี ภรรยานายกฯ กัมพูชา
ที่เข้าไปลักลอบตัดและส่งขายไม้เถื่อนในประเทศ โดยไม่ถูกดำเนินคดี
นาย Dy Chouch คนนี้หนังสือพิมพ์แคมโบเดีย เดลลี่ ระบุว่า
เขาเป็นพ่อค้าหินอ่อน
เป็นเศรษฐีแถวหน้าของกัมพูชาที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ
บริษัทเหมืองแร่ Float Asia Friendly Mation
ที่ได้สัมปทานทำเหมืองในกัมพูชามากมาย เป็นต้น
รายงานของ โกลบอล วิตเนส ฉบับนี้ ขึ้นหัวรายงานว่า
"กลุ่มการเมืองระดับสูงกลุ่มเดียวกับที่เคยล้างผลาญทรัพยากรไม้ซุงของประเทศ
มาก่อน บัดนี้ได้เข้าควบคุมความร่ำรวยจากแร่ธาตุและปิโตรเลียมของกัมพูชา..และว่า
รัฐบาลกัมพูชากำลังสถาปนาตนเองเป็นรัฐบาลทรราช (Kleptocracy)
ชุดใหม่แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทนที่พม่า
ที่จะมีพฤติกรรมฉกฉวยเอาผลประโยชน์ของรัฐมาเป็นผลประโยชน์ของตนเอง
และยังแปรเปลี่ยนกองทัพของชาติให้กลายเป็นเวรยามที่คอยเฝ้าผลประโยชน์ส่วนตน
ด้วย
หลังนักข่าวของกลุ่มได้มีการเดินทางลงพื้นที่ทำเหมืองของบริษัทเอกชน
ที่ชื่อ "Rattanak Stone"
ในพื้นที่จังหวัดพระวิเหียะแล้วพบทหารถูกเกณฑ์มายืนเฝ้ายามในเหมือง
โดยบริษัทที่ได้รับสัมปทานเหมืองดังกล่าวก็เป็นนายพลคนดังของกองทัพกัมพูชา
นั่นเอง
ในรายงานฉบับเดียวกันนี้ ยังได้เขียนบริษัท เพียบพีเม็กซ์
(Pheapimex) บริษัทใหญ่ที่เข้าไปมีเอี่ยวสัมปทานทรัพยากรแทบทุกชนิดในกัมพูชาไล่ตั้งแต่
ป่าไม้ ป่าไม้หมดก็มาเหมืองแร่ และก๊าซรวมถึงน้ำมัน โดยโกลบอล
วิตเนสระบุว่าไม่ต้องสงสัยประการใดเลย หากบริษัทแห่งนี้จะมีรายชื่อของ
ส.ว.คนสนิทของฮุนเซนเป็นเจ้าของ และเมียเจ้าของ "เพียบพิเม็กซ์"
ก็เป็นเพื่อนกับเมียฮุนเซน นั่นเอง
ในอดีตกัมพูชาเคยได้รับการยกย่องจากธนาคารโลกในฐานะเป็นแหล่ง
ทรัพยากร ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์อันดับต้นๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัพยากรป่าไม้
แต่ในวันนี้ทรัพย์สินของชาติกำลังถูกเถือและหั่นขายเร็วจนน่าใจหาย ตลอด
15 ปีที่ผ่านมา รายงานระบุว่า ที่ดินในประเทศกว่า 45%
ตกอยู่ในมือเอกชนหมดแล้ว
ขณะที่สินทรัพย์ใต้ดินอย่างแร่ธาตุนั้นไม่ต้องพูดถึงรัฐบาลฮุนเซนใช้เวลาไม่
กี่ปีออกสิทธิสัมปทานให้บริษัทเอกชนกว่า 100 ฉบับ เฉพาะปี 2551
ปีเดียวปาเข้าไป 21
ฉบับโดยประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศตัวจริงไม่มีโอกาสได้รับรู้
แม้ ไทยจำต้องเรียกร้องศักดิ์ศรี
กรณีแถลงการณ์กัมพูชาที่มีเนื้อหาหมิ่นต่ออำนาจตุลาการไทยเรื่องการวิพากษ์
วิจารณ์การดำเนินคดีกับนักโทษคดีคอร์รัปชันรายนี้
แต่ในกรณีเรื่องการขอตัวนายทักษิณไปช่วยงานด้านเศรษฐกิจ
ต้องเรียนว่าในฐานะมิตรประเทศที่ดี เราควรสงสารชาวกัมพูชาผู้บริสุทธิ์
และสังเวชต่อการตัดสินใจของคณะผู้นำกัมพูชา
ที่ลำพังกินกันในหมู่นักการเมืองประเทศก็ฉิบหายเร็วอยู่แล้ว
ยังต้องการตัวเซลส์แมน "นักขายประเทศ" มือหนึ่งไปช่วย
ก็ไม่รู้ว่ากัมพูชาในวันพรุ่งนี้จะเหลืออะไร
อ้างอิงรายงาน :
country for sale by Global Witness
(http://www.globalwitness.org/media_library_detail.php/713/en/country_for_sale)
พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก : เมื่อนายกฯ ไปกัมพูชา
(https://news.myfirstinfo.com/viewnews.asp?newsID=1828463&keyword=
พระศุกร์เข้า%20-excxs:0)
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000133163
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น