++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ไทยต้องตื่นตัวกับการเปิดเขตการลงทุนเสรีอาเซียน เริ่มจากอินโดนีเซีย...แหล่งรองรับการค้าและการลงทุน

โดย พรรณี เช็งสุทธา 8 พฤศจิกายน 2552 18:08 น.
การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนตุลาคม 2552
ได้ผ่านไปแล้ว และอาเซียนจะทำการเปิดเขตการค้าเสรีอย่างสมบูรณ์แบบ
รวมถึงเขตการลงทุนเสรีของอาเซียนก็เริ่มจะมีผลบังคับใช้เช่นกัน

สำหรับนักธุรกิจไทย
การเปิดเขตการลงทุนเสรีจะส่งผลดีต่อไทยเป็นอย่างมาก
ในการเข้าไปเปิดตลาดและทำธุรกิจในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน
โดยสิทธิพิเศษและมาตรการต่างๆ ของประเทศเพื่อนบ้าน
จะเอื้อต่อการทำธุรกิจและการลงทุนของไทยเป็นอย่างมาก ดังนั้น
ไทยจึงจำเป็นต้องตื่นตัว รับรู้โอกาส และลู่ทางเหล่านี้อย่างใกล้ชิด

เริ่มจากประเทศอินโดนีเซีย
ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้น้อยที่สุดในกลุ่มอาเซียน
และมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับสองในเอเชียรองจากจีนในปี
2552 ทั้งนี้ เพราะเศรษฐกิจอินโดนีเซียพึ่งพิงการส่งออกเพียงร้อยละ 30 -
40 เท่านั้น เนื่องจากมีจำนวนประชากรถึง 250 ล้านคน
ทำให้สินค้าที่ผลิตได้ ใช้เพื่อการบริโภคในประเทศเป็นหลัก

ธนาคารกลางของอินโดนีเซียประกาศตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้
ที่ร้อยละ 4.3 ซึ่งสูงกว่าที่ประมาณการไว้เดิมที่ร้อยละ 3.5 - 4
และคาดว่าในปีหน้าเศรษฐกิจจะเติบโตที่ร้อยละ 5.5
อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศ G20 ที่เป็นประเทศกำลังพัฒนา
เนื่องมาจากการเป็นแหล่งผลิตน้ำมันแห่งหนึ่งของโลกและมีการส่งออกเป็นสำคัญ
อีกทั้งเป็นตลาดใหญ่และมีภาวะเศรษฐกิจที่ดี

เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงจาการ์ตา ร.ท.อัครสิทธิ์ อมาตยกุล กล่าว
ว่า ประธานาธิบดีของอินโดนีเซียเป็นที่ยอมรับของประชาชนส่วนใหญ่
เห็นได้จากการได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่สอง ซึ่งในสมัยที่แล้ว
ไม่มีการต่อต้านจากประชาชน
ทั้งนี้รัฐบาลอินโดนีเซียได้ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานของ
ประเทศเป็นสำคัญ
เนื่องจากเล็งเห็นถึงปัญหาการขาดแคลนสาธารณูปโภคที่มีส่วนในการผลักดันให้
เกิดการลงทุนในเรื่องอื่นๆ ตามมา

ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ
การก่อสร้างสาธารณูปโภค เช่น พลังงาน ท่าเรือ ไฟฟ้า ถนน สนามบิน
อุตสาหกรรมเกษตร และพลังงาน โดยหลายเมืองในอินโดนีเซีย ต้องการหาผู้ลงทุน
ซึ่งเป็นโอกาสที่คนไทยสามารถเข้าไปศึกษาความเป็นไปได้ เช่น
ที่เมืองปาเล็มบัง ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะสุมาตรา
ต้องการส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยว จึงมีความต้องการสร้างโรงแรม
ภัตตาคารและกิจการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวอื่นๆ

ท่านทูตกล่าวเสริมว่า ไทยมีโอกาสอีกมากในอินโดนีเซีย
ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยและอินโดนีเซียที่ดำเนินมา
อย่างช้านาน บริษัทไทยบางบริษัทเข้าไปสร้างชื่อเสียงที่ดี เช่น บ้านปู
นอกจากนี้กิจการด้านการรักษาพยาบาลก็เป็นโอกาสที่ดี
เนื่องจากอินโดนีเซียมีประชากรเป็นจำนวนมาก แม้ส่วนใหญ่จะยากจน
แต่มีกลุ่มที่มีกำลังซื้อมากถึงร้อยละ 10 -15
ซึ่งมีศักยภาพพร้อมที่จะจับจ่ายใช้สอยสินค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
จะเห็นได้จากศูนย์การค้ากลางกรุงจาการ์ตาที่มีอยู่หลายแห่ง
ล้วนขายสินค้าแบรนด์เนมดังๆ
รวมถึงมีการก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัยเป็นตึกสูงหลายแห่ง
ส่วนใหญ่เป็นอพาร์ตเมนต์สำหรับผู้มีรายได้สูง

ด้วยเหตุนี้ สถานเอกอัครราชทูตไทย จึงได้จัดทำโครงการต่างๆ
เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการทำธุรกิจ การค้าและการลงทุน
โดยมีเป้าหมายที่กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ สถานทูตฯ
ได้นำผู้สื่อข่าวจากอินโดนีเซียมาทำข่าวในไทยเพื่อนำไปเผยแพร่
ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยว
และสนับสนุนให้โรงพยาบาลของไทยเข้ามาศึกษาข้อมูลความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจ
เพื่อดึงกลุ่มลูกค้าระดับบนไปรักษาในไทย แทนที่จะไปรักษาในสิงคโปร์
ซึ่งไทยมีความพร้อมในเรื่องนี้
และน่าจะใช้ประโยชน์จากนักศึกษาไทยที่จบการศึกษาจากโรงเรียนสอนศาสนาใน
อินโดนีเซีย เพื่อเป็นล่ามให้แก่ชาวอินโดนีเซียที่ประสงค์จะเข้าไปรักษาพยาบาลในไทย

ในเรื่องของการลงทุน สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงจาการ์ตา
ถือเป็นภารกิจที่สำคัญที่จะให้การส่งเสริมและสนับสนุนบริษัทที่สนใจจะเข้าไป
ศึกษาโอกาสและลู่ทางการลงทุน
ปัจจุบันมีบริษัทไทยหลายรายที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจใน
อินโดนีเซีย เช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์ บ้านปู ปูนซิเมนต์ไทย ศรีตรัง
เป็นต้น (จากสถิติของหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของอินโดนีเซีย (BKPM)
ระหว่างปี 2535-2551 มีบริษัทไทยที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BKPM
ทั้งสิ้น 29 โครงการ เป็นมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 107 ล้านเหรียญสหรัฐ)
และยังมีอีกหลายกิจการที่เป็นบริษัทขนาดเล็กและขนาดย่อมที่ประสบความสำเร็จ
เป็นอย่างดี แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นการลงทุนในเขตกรุงจาการ์ตาและจังหวัดใกล้เคียงเป็นหลัก

เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่อยู่ในเขตนี้
แต่จากการสำรวจของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเมื่อเร็วๆ นี้
ปรากฏว่า ศักยภาพของอินโดนีเซีย ยังมีอีกหลายเมือง เช่น ที่สุราบายา
(ห่างจากจาการ์ตาไปทางใต้ประมาณ 2 ชั่วโมงโดยเครื่องบิน) หรือบาหลี
ที่นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว
ยังมีอุตสาหกรรมการผลิตและบริการอีกหลายอย่าง เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ การ
รีไซเคิลขยะ การผลิตน้ำดื่มและน้ำเพื่อการอุตสาหกรรม
ร้านอาหารและเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมอาหาร
ซึ่งมีโอกาสที่ไทยจะเข้าไปลงทุนเช่นกัน

ประเทศไทยมีกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำอินโดนีเซีย 3 เมือง คือ
สุราบายา บาหลี และ
เมดาน ล้วนแต่เป็นเมืองสำคัญ
สำหรับที่สุราบายาและบาหลีถือว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยาก
ที่กงสุลกิตติมศักดิ์ของไทยจะเป็นผู้หญิง ที่เมืองสุราบายาคือ H.E.Ms.
Onny Asri Miryam (มีกงสุลกิตติมศักดิ์ของไทยเพียงไม่กี่คนที่เป็นผู้หญิง
และขอยืนยันว่า กงสุลกิตติมศักดิ์คนนี้เป็นคนเก่ง มีบุคลิกภาพที่เหมาะสม
และมีความรู้ความสามารถที่จะดำรงตำแหน่งนี้
เธอมีความรักและภูมิใจที่ได้ทำประโยชน์ให้กับประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง)

สำหรับกงสุลกิตติมศักดิ์ของไทยที่บาหลี คือ คุณพีระพนธ์
ประยูรวงษ์ ก็เป็นเพียง 1 ใน 3 คนของโลกที่เป็นคนไทย
ส่วนใหญ่กงสุลกิตติมศักดิ์ของไทยจะเป็นคนเชื้อชาตินั้นๆ
แต่เนื่องจากท่านนี้เป็นผู้ที่มีความเหมาะสมและมีบุคลิกภาพที่ดี
เป็นที่รู้จักและยอมรับของคนทั่วไปในบาหลีและจังหวัดทางตอนใต้ของประเทศ
รวมถึงปาปัว ทำให้ท่านดำรงตำแหน่งนี้มาแล้วถึง 6 ปี

นอกจากโอกาสที่ไทยจะทำธุรกิจกับกลุ่มผู้มีกำลังซื้อในระดับบนแล้ว
จากการสอบถามบริษัทไทยในอินโดนีเซีย
ได้ทราบว่าสินค้าอะไรก็ตามที่จับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลาง
ก็มีโอกาสสูงเช่นกัน ดังจะเห็นได้ว่า บริษัทปูนซิเมนต์ไทย
ที่เข้าไปทำธุรกิจในหลายกิจการ
รวมทั้งการผลิตกระเบื้องเซรามิกปูพื้นและผนังโดยมุ่งที่ตลาดล่างซึ่งขายดี
มาก โรงงานผลิตวันละสามกะ ทำทุกวันไม่เว้นวันหยุด
แม้ในภาวะที่เศรษฐกิจทั่วโลกย่ำแย่ แต่ก็ไม่ได้รับกระทบ

โอกาสการลงทุนของไทยในอินโดนีเซีย
จากการสำรวจและหารือกับหลายองค์กรของอินโดนีเซียและบริษัทไทย สรุปได้ว่า
อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค เฟอร์นิเจอร์ พลังงาน
(จากการหารือกับนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในกรุงจาการ์ตา
ทราบว่ากำลังเปิดประมูลโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดกลางในนิคมอุตสาหกรรม)
อาคารที่พักอาศัยสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรม
บ้านจัดสรร ชิ้นส่วนยานยนต์ และรถจักรยานยนต์ (ปีที่แล้ว
รถจักรยานยนต์ในอินโดนีเซียขายได้ประมาณ 1 ล้านคัน) เหมืองแร่
(อินโดนีเซียมีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ทั้งถ่านหินที่มีคุณภาพสูง ทองแดง
ทองคำ นิกเกิล) เป็นต้น
เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและเอื้ออำนวยต่อการลงทุนของต่างชาติ
รัฐบาลอินโดนีเซียได้พยายามปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ เช่น
ในขณะนี้มีความพยายามที่จะปรับปรุงกฎหมายแรงงานเพื่อความเท่าเทียมกัน
ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง
ในอดีตกฎหมายแรงงานเอื้อประโยชน์ให้กับลูกจ้างเป็นอย่างมาก)
กฎหมายการส่งเสริมการลงทุนซึ่งได้มีการปรับปรุงคือ Law of the Republic
of Indonesia Number 25 Year 2007 Regarding Capital Investment
ประกาศเป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2550
เพื่อควบคุมดูแลกิจกรรมการลงทุนในอินโดนีเซีย
และปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนในอินโดนีเซีย

กฎหมายฉบับนี้ได้กำหนดหลักการและวัตถุประสงค์การลงทุน
นโยบายการลงทุนพื้นฐาน ประเภทของธุรกิจและทำเลที่ตั้ง
การปฏิบัติต่อการลงทุน แรงงาน ภาคธุรกิจ การพัฒนาการลงทุน
ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบ
การดำเนินการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษและการระงับข้อพิพาท

หน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของอินโดนีเซียภายใต้กฎหมายการลงทุน คือ
Investment Coordinating Board (BKPM) มีประธาน
ซึ่งได้รับการแต่งตั้งและขึ้นตรงกับประธานาธิบดี
มีอำนาจหน้าที่ในการประสานดำเนินการตามนโยบายการลงทุน
การพัฒนาตามแนวทางการลงทุนของอินโดนีเซีย และแสวงหาส่งเสริมศักยภาพ
รวมทั้งโอกาสการลงทุนในประเทศ

เอกอัครราชทูตไทยได้ฝากข้อแนะนำสำหรับผู้ที่จะเข้ามาลงทุนในอินโดนีเซียว่า
อินโดนีเซียมีศักยภาพสูงที่จะรองรับการลงทุนจากไทยได้เป็นอย่างดี
แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องหาผู้ร่วมทุนที่ดี
ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ส่วนบุคคล (Personal contact)
ต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุน
และควรจะมีที่ปรึกษาด้านการลงทุนหรือทนาย

ท่าน กงสุลกิตติมศักดิ์ของไทยที่บาหลีฝากความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเรียนรู้
วัฒนธรรมของอินโดนีเซียที่จะเป็นประโยชน์ต่อการเข้ามาทำธุรกิจว่า
วัฒนธรรมของอินโดนีเซียคล้ายกับของไทยที่ถือเรื่องศีรษะเป็นสำคัญ
ศักดิ์ศรีเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้น เวลาจะตำหนิคนอินโดนีเซีย
อย่าตำหนิต่อหน้า และการสอนงานต้องสอนทีละเรื่อง

หากท่านกำลังเลือกแหล่งลงทุนใกล้บ้าน ลองพิจารณาอินโดนีเซียดูบ้างก็จะดี

ติดต่อขอข้อมูล ติชม
และเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่ศูนย์บริการลงทุน
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 0-2537-8161 หรือที่ head@boi.go.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น