++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2555

“รัฐไทยใหม่” ในสังคมตัวใครตัวมัน โดย วิทยา วชิระอังกูร

ในบรรยากาศขาขึ้นของคนเสื้อแดงที่กำลังเฟื่องฟูลอยอยู่ในขณะนี้ คนไทยส่วนหนึ่งเริ่มหันมาถามกันเองว่า ประเทศชาติที่ตกอยู่ในกำมือของ ทักษิณ ชินวัตร อย่างเบ็ดเสร็จแล้ว บ้านเมืองจะแปรเปลี่ยนไปอย่างไร? “รัฐไทยใหม่” ตามเจตจำนงของทักษิณและคนเสื้อแดง จะทำลายสถาบันต่างๆ อันเป็นจิตวิญญาณไทยหมดสิ้นลงไปไหม? และคำปลอบประโลมไม่ให้คนไทยสิ้นหวังเสียเลยทีเดียว ก็ยังเป็นประโยคซ้ำซากเดิมๆ เหมือนท่องจำว่า “เชื่อเถิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง “ แล้วก็นั่งคอยกฤษดาภินิหารจากพระสยามเทวาธิราชอย่างเลื่อนลอยกันต่อไป

แม้ว่าผมจะยังเชื่อมั่นและไม่สิ้นหวังกับพลเมืองไทยอีกจำนวนมาก ที่มีอยู่นอกเหนือจาก 15 ล้านคน ที่รักและเลือกพรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ ชินวัตร ก็ตาม แต่ภาวะเสมือนยอมจำนนของสังคมไทย ที่มีต่อระบบการเมืองอันล้มเหลวแล้วทั้งระบบอย่างสิ้นเชิง ก็อดทำให้ผมหวั่นใจไม่ได้ว่า พระสยามเทวาธิราชเจ้าจะมาดลบันดาลให้เกิดพลังมหาชนชาวสยาม ออกมาร่วมกันขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายต่างๆ ได้ทันท่วงทีไหม

เพราะตราบใดที่สังคมไทยยังยอมรับให้มีระบอบประชาธิปไตยปนเปื้อน หรือประชาธิปไตยปลอมๆ ที่เลือกใช้แค่รูปแบบการเลือกตั้งแบบฉ้อฉล แล้วก็นิ่งยอมรับให้มีการใช้อำนาจรัฐในทางนิติบัญญัติและบริหารอย่างที่เห็นที่เป็นอยู่

สื่อมวลชนต่างๆ ที่ควรจะเป็นกระจกเงาสะท้อนความเป็นจริง หรือเป็นแสงไฟส่องสว่างนำทางที่ถูกต้อง ก็ล้วนแต่กลับกลายเป็นสื่อที่สนับสนุนความไม่ถูกไม่ต้องตามครรลองประชาธิปไตยที่แท้จริง และล้วนแล้วแต่เป็นสื่อที่เต้นไปตามการเคาะจังหวะจะโคนของนักการเมือง พากันโหมประโคมข่าวนำเสนอจนเสมือนหนึ่ง สิ่งที่ไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมทั้งหลายทั้งปวงที่ดำรงอยู่ กลายเป็นสิ่งปกติธรรมดาของสังคมไป

สังคมไทยยอมรับให้มีนายกรัฐมนตรีนกแก้วนกขุนทอง ที่สื่อสารตามสคริปต์ที่บงการจากนักโทษหนีคดี แถมยังสื่อสารแบบมีปัญหาผิดๆ ถูกๆ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ สื่อสารแบบไร้วุฒิภาวะผู้นำโดยสิ้นเชิง โดยสังคมไทยทำเหมือนทองไม่รู้ร้อนไม่รู้สึกอับอาย ที่มีผู้นำนอมินีไร้เดียงสา คิกขุอะโนเนะอย่างที่เห็นที่เป็นอยู่จริง สังคมไทยยอมรับให้มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีช่วยฯ ที่เป็นแกนนำในการฝึกอบรมโครงการ “นปช.แดงทั้งแผ่นดิน” และการก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง ที่เนื้อหาการปลุกระดมล้วนเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบัน และสังคมประชาธิปไตยที่แท้จริง โดยทำกันต่อเนื่องมาโดยตลอด และยังทำกันอยู่

สังคมไทยยอมรับให้มีการเสนอ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่จงใจผลักดันให้กลุ่มหัวหมู่ทะลวงฟันของคนเสื้อแดงที่นิยมใช้ความรุนแรง เป็นรายชื่อลำดับต้นๆ เพื่อส่งให้เป็น ส.ส.ต่างตอบแทน สามีแดงหลบหนีออกนอกประเทศ ก็ส่งภรรยาแดงมาเป็นแทนได้ และกำลังรอสลับสับเปลี่ยนกันเป็นรัฐมนตรีทีละคน แบบเย้ยฟ้าท้าทายต่อมสำนึกผิดชอบชั่วดีของปวงชนชาวไทย

สังคมไทยยอมรับและไม่ใส่ใจต่อการจดแจ้งบัญชีทรัพย์สินของนักการเมือง ซึ่งผิดสังเกตอย่างแจ้งชัด ว่ามีทรัพย์ศฤงคารมากมายเกินจริงได้อย่างไร โดยประกอบอาชีพนักการเมืองเพียงอย่างเดียว หรือหลายคนมีอาชีพเป็นแกนนำม็อบเพียงอย่างเดียว โดยไม่ปรากฏสัมมาอาชีวะอื่นใดเลย ประหนึ่งยอมรับว่า อาชีพนักการเมือง และอาชีพรับจ้างก่อม็อบ เป็นอาชีพที่สร้างความร่ำรวยได้เป็นธรรมดาสามัญ

สังคมไทยยอมรับสารพัดสารพันแทบทุกตำแหน่ง ทั้งตำแหน่งข้าราชการประจำ และตำแหน่งทางการเมืองที่ต้องแต่งตั้งตามความเห็นชอบจากนักโทษหนีคดีที่เป็นหัวหน้าพรรคตัวจริง ไม่เว้นแม้แต่ตำแหน่งสำคัญอย่างตำแหน่งประธานรัฐสภา ที่อาสามาควบคุมการประชุมสภาแบบเอียงกระเท่เร่ จนการประชุมสภาล่มซ้ำซาก และอัปลักษณ์น่าคลื่นเหียนอาเจียนแทบทุกวาระการประชุมอย่างที่เห็นที่เป็นอยู่

สังคมไทยยอมรับให้มีการปู้ยี่ปู้ยำกฎหมายรัฐธรรมนูญ อันเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ เพียงเพื่อจะสนองตัณหาอำนวยความสะดวกให้บรรดานักการเมืองสามารถใช้อำนาจรัฐปู้ยี่ปู้ยำประเทศชาติบ้านเมืองได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยการเสนอแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ มิได้คำนึงถึงประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชนแต่อย่างใดเลย ซ้ำการโฟนอินมาที่เวทีเสื้อแดงโบนันซ่าของทักษิณ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาไม่กี่วัน ก็ยิ่งเป็นการยืนยันชัดว่า การแก้ไขรัฐธรรมนุญเป็นการทำตามคำบงการของนักโทษหนีคดี เพื่อล้มล้างองค์กรอิสระและอำนาจตุลาการอย่างที่พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลไม่อาจปฏิเสธได้

และอื่นๆ อีกมากมาย ที่สังคมไทยยอมรับให้สิ่งเลวร้ายที่ไม่ถูกไม่ต้องตามทำนองคลองธรรม หรือวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของสังคมไทย ดำรงอยู่ในสังคมอย่างปกติสุข จนกลายเป็นบรรทัดฐานพิกลพิการอย่างไม่น่าจะเป็น

โดยสรุปสังคมไทยเสมือนหนึ่งตกอยู่ในภาวะยอมจำนน เพราะคนไทยส่วนใหญ่ต่างนิ่งเฉย เป็นทองไม่รู้ร้อน และไม่รู้ไม่ชี้ธุระไม่ใช่ ตัวใครตัวมันตลอดมา

ผมเองในวันเวลาที่แสนจะหดหู่ ก็ได้แต่ระบายเป็นบทกวีบอกเล่าความในใจ ซึ่งหากมันจะช่วยสะกิดต่อมความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของคนไทยได้บ้าง ก็ขอให้เป็นอานิสงส์แก่สังคมไทยโดยส่วนรวมเถิด

ในท่ามกลางสังคมไทยที่สิ้นหวัง คำปลอบก็ยังไม่แปรเปลี่ยน
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง” ยังวนเวียน ประโลมใจจวนเจียนจะขึ้นใจ
นั่งคอยกฤษดาภินิหาร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้ดีได้
จึงต่างนั่งรอไม่ทำอะไร ปล่อยให้มันเป็นไปตามบุญกรรม
เชื้อชั่วจึงชอนไชตามใจชั่ว ตักตวงตามใจตัวจนอิ่มหนำ
ฝูงนรกจกเปรตจึงร่ายรำ เสกเมืองเป็นเถื่อนถ้ำอำเภอใจ
ชูกระเบื้องเฟื่องฟูขึ้นลอยฟ่อง ฝูงคางคกคึกคะนองขึ้นวอใหญ่
คอยคำบงการจากทางไกล สร้าง “รัฐไทยใหม่” ในเร็ววัน
คนดีศรีอยุธยา ยังไม่เกิด คนดีรัตนโกสินทร์เพริดจนพลิกผัน
พระสยามเทวาธิราช อาจมาไม่ทัน เลิกตัวใครตัวมัน เถิดคนไทย

(ว .แหวนลงยา www.oknation.net/blog/wachira89)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น