++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555

คาถาลดความอ้วนของพระพุทธเจ้า

ปัญหาสำหรับคนวัยทำงานที่พบบ่อยก็คือปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการทุ่มเททำงานจนขาดการดู
แลรักษาร่างกายตามสมควร หนุ่มสาวออฟฟิศหลายคนเมื่ออายุมากขึ้น หน้าท้องที่เคยแบนราบกลับป่องขึ้น สิ่งที่เคยเรียกว่าท้องเปลี่ยนเป็นพุง ลำแขนเล็กเรียวเพรียวงามกลับใหญ่ขึ้นจนมีขนาดปานท่อนขา ไฟท้ายเคยตึงเต่งกลับขยายตัวออกทุกทิศทางอย่างไม่หยุดยั้งเหมือนจักรวาลตามทฤษฎีบิ๊กแบง

การกินมากอ้วนมากย่อมส่งผลต่อชีวิต และอันที่จริงปัญหานี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่อะไรเลย เพราะนับแต่สมัยพุทธกาลปัญหาโรคอ้วนก็ได้มีการบันทึกไว้แล้ว เคยมีคนทูลถามพระพุทธองค์ ซึ่งก็ได้พระราชทาน “คาถาลดความอ้วน” ไว้เสียด้วย

เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่ง พระเจ้าปเสนทิโกศล แห่งสาวัตถี แคว้นโกศล เข้าเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อสนทนาธรรม คุยกันไปคุยกันมาพระเจ้าปเสนฯ ได้ตรัสปรึกษาว่าตัวพระองค์เองเป็นพวกช่างกิน เสวยจุบจิบทั้งวันไม่หยุดหย่อน จนร่างกายอ้วนใหญ่ รู้สึกอึดอัด เดินอุ้ยอ้ายไม่คล่องแคล่ว เสด็จไหนนิดหน่อยก็เหนื่อยหอบ กลางวันก็ง่วงเหงาหาวนอน ออกว่าราชการไม่ค่อยไหว

พระพุทธเจ้าจึงทรงเมตตาพระราชทานคาถา (อันแปลว่าบทกลอนท่องบ่น ไม่ใช่หมายถึงคาถาอาคมแนวเดรัจฉานวิชา [ความรู้ที่ขวางการหลุดพ้น] อย่างที่เรามักเข้าใจนะครับ) บทหนึ่งแก่พระเจ้าปเสนฯ ความว่า

มะนุชัสสะ สะทา สตีมะโต มัตตัง ชานะโต ลัทธะโภชะเน
ตะนุกุสสะ ภะวันติ เวทะนา สะณิกัง ชีระติ อายุ ปาละยัง

หลังจากได้คาถามา ก็ทรงดีพระทัยยิ่ง ทุกครั้งเมื่อถึงเวลาเสวย พระเจ้าปเสนฯ จะทรงให้มหาดเล็กคนหนึ่งยืนระวังอยู่ตรงข้างโต๊ะเสวย โดยทรงกำชับว่าหากมหาดเล็กเห็นพระองค์เสวยจนอิ่มแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าที่จะหยุด ก็ให้ท่องคาถาลดความอ้วนที่พระพุทธเจ้าพระราชทานไว้ ออกมาให้ดังๆ เพื่อเตือนสติให้ทรงหยุดเสวย

ผลจากการปฏิบัติตนตามคอร์สไดเอ็ตที่พระเจ้าปเสนฯ ทรงดีไซน์ขึ้นนี้ ก็คือ พระองค์ทรงสามารถลดปริมาณพระกระยาหารที่เสวยต่อมื้อลงได้เรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุดก็ทรงลดความพระอ้วนลงไปได้หลายกิโล

จะว่าไปแล้ว การที่พระเจ้าปเสนฯ ทรงลดน้ำหนักได้นั้น ไม่ได้เป็นเพราะผลจากอิทธิฤทธิ์ความขลังของคาถาลดความอ้วนที่รับพระราชทานมาจากพระพุ
ทธองค์หรอกครับ แต่การที่ทรงสามารถระงับพระทัยให้ทรงหยุดเสวยได้เมื่อได้ยินมหาดเล็กท่องคาถาให้ฟัง ก็เพราะทรงได้ฉุกคิดตามเนื้อความในคาถาต่างหาก

ผู้อ่านก็คงอยากทราบแล้วใช่ไหมครับว่า คาถาลดความอ้วนของพระพุทธเจ้ามีเนื้อความว่าอย่างไร ถ้างั้นก็ขอเฉลยเลยแล้วกันนะครับ คาถาข้างบนถอดความได้ว่า

....ผู้มีสติรู้ตัวตลอดเวลาขณะกินอาหาร จะมีโรคน้อย แก่ช้า และอายุยืน....

เป็นไงครับ ทีนี้ก็คงสว่างกระจ่างใจกันแล้วนะครับ ว่าทำไมพระเจ้าปเสนฯ จึงลดความอ้วนได้สำเร็จ นั่นก็เพราะพระองค์ทรงฟังคาถาออกนั่นเอง

ทุกมื้อ ขณะกำลังเสวยพระกระยาหารอย่างเมามัน หากเริ่มจะมากจนเลยเถิด ก็จะมีเสียงมหาดเล็กลอยเตือนขึ้นมา ทำนองว่าอย่าทรงเหวยมากนะพะย่ะค่ะ ไม่งั้นจะทรงอ้วน สมองไม่แล่น ง่วงเหงาหาวนอนทั้งวัน แล้วจะทรงว่าราชการไม่ได้ผลดี

จะว่าไปแล้ว อุปสรรคสำคัญประการหนึ่งของการเจริญภาวนาจนเกิดปัญญาถึงขั้นหลุดพ้น ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป ซึ่งถือเป็น “งาน” สำคัญที่สุดในมุมมองของชาวพุทธ ก็คือ “ความง่วงเหงาหาวนอน” ที่จัดเป็นหนึ่งใน ๕ ของตัวถ่วงความเจริญของจิตใจ (นิวรณ์ ๕) อันประกอบด้วย ความพอใจในกาม ความผูกใจพยาบาท ความง่วงเหงาหาวนอนขณะภาวนา ความคิดฟุ้งซ่านรำคาญหงุดหงิด และความลังเลสงสัยในประโยชน์ของการภาวนา

หัวใจสำคัญของคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น ดูจะหนีไม่พ้นการภาวนาเจริญสติให้รู้อยู่ในปัจจุบันอย่างไม่ประมาท เพราะการมีสติถือว่ามีประโยชน์ทั้งในทางธรรมและทางโลก ไม่ว่ากิจการงานใด หากกระทำไปโดยขาดสติกำกับ ก็อาจส่งผลเสียหายร้ายแรงต่องานที่ตนรับผิดชอบ จนถึงต่อองค์กรที่ตนทำงานอยู่ได้ เช่น การขาดสติบันดาลโทสะจนทำร้ายเพื่อนร่วมงาน หรือการขาดสติไม่รู้ถึงความละโมบที่เกิดขึ้นในใจตนจนถึงกับหลงไปยักยอกทรัพย์สินบริษ
ัทมาเป็นของตน

ความมีสติมีคุณในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ บุคคลผู้มีปัญญาย่อมสามารถตักตวงประโยชน์จากความมีสติได้อย่างไม่จำกัด ดังเช่นพระเจ้าปเสนทิโกศลที่ทรงลดความอ้วนได้ก็เพราะทรงมีสติในบริโภคนั่นเอง สาวๆ ท่านใดสนใจจะนำคาถานี้ไปประกอบการลดน้ำหนักก็เชิญได้เลยนะครับ.....

ที่มา http://www.ocsc.go.th/ocsccms/frontweb/vie...ntID=CNT0004030
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic....f=7&t=18548

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น