++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552

แผนสังหาร "สุวัตร อภัยภักดิ์" ทนายพันธมิตร???!!!

โดย ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย 29 กันยายน 2552 14:19 น.
มนุษย์หน้าไหน..มีชีวิตเป็นอมตะบ้าง?

มนุษย์หน้าไหนในโลกนี้..หนีเงื้อมมือมัจจุราชพ้นบ้าง?

คำตอบ..คือ..ไม่มี ไม่มี..ใครหน้าไหนหลุดรอดเงื้อมมือมัจจุราชได้ครับ!

ทันทีที่เสียงปืนสงครามสารพัดชนิด ยิงกระหน่ำใส่รถของ สนธิ
ลิ้มทองกุล กว่าร้อยนัดกลุ่มมือปืนในเครื่องแบบที่ปฏิบัติภารกิจลับตามคำสั่งนาย
ล้วนเชื่อมั่นว่า..สนธิลิ้ม..สื่อมวลชนอาวุโสปากกล้า-ใจถึง
ต้องม่องเท่งซี้แหง๋แก๋หรือตายแน่นอน

แต่ "แป๊ะลิ้ม" ที่ไม่ตายคารถ
ยังดันทะลึ่งพาร่างโชกเลือดเดินลงจากรถ มาช่วย
รปภ.และคนขับรถที่ได้รับบาดเจ็บ
นำตัวขึ้นรถพลเมืองดีไปรักษายังโรงพยาบาลวชิรโดยปลอดภัยด้วย

ผมมานั่งตรองเรื่องนี้ดูแล้ว น่าสงสารสนธิลิ้มจริงๆ
โถ..เจ้าประคุณพ่อทูลหัว..ประกาศสู้ ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ
ผู้มากทั้งอำนาจลับและเปิดเผยว่า เจ๊งเป็นเจ๊ง-ตายเป็นตาย-ตลอดเวลา

แต่สุดท้าย..สนธิก็ต้องเผชิญชะตากรรมที่ฟ้าลิขิต
นั่นคือ..ธุรกิจจะเจ๊ง..ก็เจ๊งไม่ได้ เพราะประชาชนคนไทยไม่ยอมให้เจ๊ง
ถึงกับร่วมมือร่วมใจบริจาคเงินทอง และซื้อข้าวของทุกชนิดที่เอเอสทีวีขาย
จนสินค้าเหล่านั้นขายดีราวเทน้ำเทท่า

ทั้งหมดที่ประชาชนคนไทยมีน้ำใจกรุณานั้น
ประชาชนหวังเพียง..มิให้ทีวีผ่านดาวเทียมของประชาชนช่องนี้..จอดับครับ!

นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกของโลก
ที่ประชาชนได้เข้ามาโอบอุ้มคุ้มครองดูแล
ทีวีที่เป็นปากเสียงของพวกเขาอย่างเต็มตัว

ส่วนความตายน่ะหรือ..สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า
ยังให้แป๊ะลิ้มตายตอนนี้ไม่ได้
สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงได้แสดงอภินิหาริย์อันเหลือเชื่อ ด้วยการปกป้องชีวิต
"แป๊ะลิ้ม" ให้รอดพ้นจากคมกระสุนราวห่าฝนนับร้อยนัดของกลุ่มมือปืน
ให้เห็นกับตาเป็นที่ประจักษ์กันจะจะไงล่ะครับ!

นั่นทำให้งานเลี้ยงฉลองสนธิลิ้มตายคารถ
ที่ใครหลายคนเตรียมเลี้ยงฉลองใหญ่
ทั้งที่ดูไบและในโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาในวันนั้น..แป๊กไปเลย
โดยเฉพาะหญิงชราร้อยวิกกับหญิงสูงวัย
เมียนักการเมืองใหญ่คนหนึ่งทางภาคเหนือ
ต้องนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ..มองหน้าเอ๋อๆ กันเองแก้เซ็งไปเลยครับ

ก็แหม..หน้าห้องรัฐมนตรีใหญ่ที่นัดฉลองสนธิตายนั้น
ต๊กกะใจที่สนธิลิ้มไม่ตายดังหวัง..จึงไม่กล้ามาร่วมวงสังสรรค์สนทนาลับๆ
ในครั้งนี้ไงล่ะครับ

ส่วนจอมบงการใหญ่ไม่กี่คนนั้น ก็เกิดอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ต้องหาคำแก้ต่างให้ตัวเองพัลวันไปหมด
ที่สำคัญ..กลัวหลักฐานจะโยงใยพาดพิงมาถึงตน
ก็แหม..งานสหบาทาฆ่าสนธิลิ้มครั้งนี้ มีการลงขันด้วยเงินทองมากมาย
แถมขบวนคนทำงานลับๆ อีกเป็นสิบคน
ก็ล้วนเป็นสายตรงของนายทหารใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มบางคนอีกด้วย
งานนี้จึงพอเห็นเป้าหมายจอมบงการได้ชัดแจ้งแดงแจ๋พอสมควร
ส่วนจะจับมือปืนและจอมบงการได้ครบทั้งแก๊งหรือไม่นั้น..เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ที่สำคัญอีกประเด็นหนึ่ง ก็คือ
การใช้โทรศัพท์มือถือที่ซื้อใหม่เอี่ยม เพื่อใช้ในภารกิจเฉพาะกิจ
กับงานล่าสังหารสนธิลิ้มนับสิบเครื่อง ก็กลายเป็นหลักฐานการติดต่อ
และเป็นเบาะแสเจ๋งเป้งอีกด้วย

โทรศัพท์มือถือเหล่านั้นถูกใช้งานถี่ยิบ
ด้วยการโทร.ถึงบุคคลสำคัญทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งที่เป็นเอกชนและข้าราชการใหญ่กันอย่างต่อเนื่อง
ทั้งก่อนและหลังการยิงสนธิลิ้นสิ้นสุดลง
ก่อนที่โทรศัพท์เหล่านั้นจะถูกทำลาย!

ผมลองทำตัวเป็นคน "หูทิพย์" ที่ได้ยินการสนทนาสั้นๆ
ของกลุ่มมือสังหารพูดกับผู้ใหญ่บางคนให้ "Z" ว่า...

"..นาย..นาย..พวกผมยิงสุมใส่มันเป็นร้อยๆ นัดแล้ว
แต่ไม่รู้ทำไมสนธิลิ้ม..มันยังไม่ตาย.."

ฝ่ายบุคคลสำคัญทั้งในและต่างประเทศจะพูดสวนกลับมาสั้นๆ คล้ายกันว่า..

"..พวกมึงยิงภาษาอะไรว่ะ..สนธิลิ้ม..ไม่ตาย..เดี๋ยวเรื่องก็บานปลายมาถึงกูหรอก.."

สุดท้าย..กลุ่มมือสังหารและจอมบงการฆ่าสนธิลิ้ม
ต่างก็โมโหโกรธาสิ่งศักดิ์สิทธิ์..ที่ทำให้สนธิลิ้ม
มีชีวิตรอดจากคมกระสุนราวห่าฝนมาจนทุกวันนี้!

การรอดตายอย่างปาฏิหาริย์ของสนธิลิ้มในครั้งนั้น หลายคนบอกว่า
เพราะสนธิลิ้มยังทำงานรับใช้ชาติบ้านเมืองไม่เรียบร้อย
ก็ดูสิครับพ่อแม่พี่น้อง..นักการเมืองชั่วก็ยังลอยหน้าลอยตา
เต็มทั้งในสภาและทำเนียบฯ

ที่สำคัญนักการเมืองประเภท "ตะกวดขึ้นวอ"
ที่ชอบโกงกินบ้านเมืองและทำเรื่องผิดกฎหมาย
ทางการไทยก็ยังเอาตัวมาลงโทษไม่ได้จนทุกวันนี้

แถมนักการเมืองชั่วคนนั้น ยังใช้ผืนดินของบางประเทศในโลก
และใช้เงินที่โกงกินชาติมาเที่ยวจ้างคนชั่ว
ให้ทำร้ายประเทศไทยในทางลับและเปิดเผย
ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องเป็นขบวนการตราบจนทุกวันนี้

ต้องยอมรับว่า..วันนี้ชาติไทย
ได้ตกอยู่ในกำมือของพวกนักการเมืองชั่ว ที่แตกแขนงเป็นขั้วต่างๆ
มากมายหลายก๊ก-หลายก๊วน-หลายแก๊ง-หลายพรรค
ขั้วอำนาจเก่า-พรรคเพื่อไทยนั้น ทักษิณและญาติพี่น้องหนุนหลังอยู่เต็มตัว
ขั้วอำนาจใหม่-พรรคภูมิใจไทย มี "ยี้ห้อย-ร้อยยี่สิบ"
และทหารใหญ่บางคนสนับสนุนทั้งลับและเปิดเผยเต็มที่

ส่วนขั้วอำนาจอย่างพรรคประชาธิปัตย์
ซึ่งเป็นแกนนำบริหารชาติบ้านเมืองในยามนี้
ก็ถูกพรรคร่วมรัฐบาลบีบบังคับสารพัด
ที่สำคัญได้ทำให้รัฐบาลอภิสิทธิ์กลายเป็นรัฐบาลที่ถูกครหาว่ามีการฉ้อฉลโกง
กินไม่ต่างไปจากรัฐบาลทักษิณ แถมการโยกย้ายข้าราชการในหน่วยงานของรัฐ
ก็ไร้คุณธรรมจริยธรรมและเต็มไปด้วยความอยุติธรรม

เมื่อเกิดการบริหารชาติด้วยความฉ้อฉลไม่ยืนอยู่บนผลประโยชน์ของส่วนรวม
มีการโกงกินคอร์รัปชันราวดอกเห็ดเช่นนี้ สนธิ ลิ้มทองกุล ในฐานะพันธมิตรฯ
และสื่อมวลชนอาวุโส รวมทั้งบุคลากรในสื่อเครือเอเอสทีวี-ผู้จัดการ
ก็จำต้องลุกขึ้นมาเปิดโปงแฉโพยรัฐบาลอภิสิทธิ์
และขั้วการเมืองชั่วร้ายทั้งหลายอย่างถึงลูกถึงคน
โดยไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ทั้งสิ้น

ด้วยจุดยืนดังกล่าวของสนธิลิ้ม
ทำให้สื่อผ่านดาวเทียมอย่างเอเอสทีวี-ผู้จัดการที่ทรงพลัง กลายเป็น
"ก้างขวางคอ" นักการเมืองชั่วโดยปริยาย

แผนการลงขัน-ลงเรี่ยว-ลงแรง-ลงมือมุ่งทำลายล้าง "ก้างขวางคอ"
จึงบังเกิดขึ้นอีกคำรบหนึ่ง เป้าหมายของแผนการล่าสังหาร มีทั้ง สนธิ
ลิ้มทองกุล กับแกนนำพันธมิตรฯ รวมทั้งทนายประชาชนอย่าง สุวัตร อภัยภักดิ์
ก็ล้วนตกอยู่ในข่ายของแผนลอบสังหารในคราครั้งนี้ด้วย

ทำไมต้องฆ่าสนธิลิ้มและแกนนำพันธมิตรฯ น่ะหรือ?
จอมบงการต่างหลงผิดคิดว่า หากสนธิลิ้มและแกนนำพันธมิตรฯ ตาย
เอเอสทีวี-ผู้จัดการและพันธมิตรฯ จะอ่อนแอลง

ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่สนธิลิ้มและแกนนำพันธมิตรฯ เหล่านี้
จะตกเป็นเป้าล่าสังหารของคนชั่วอยู่เนืองๆ ครับ

สำหรับ สุวัตร อภัยภักดิ์ นั้น เขาและเพื่อนๆ ทนายความผู้กล้าหาญ
ได้ยืนหยัดว่าความให้กับคนดีในนามพันธมิตรฯ
ที่ถูกนักการเมืองและตำรวจบางคนกลั่นแกล้ง
ด้วยคดีความสารพัดที่ไร้ซึ่งความยุติธรรมเสมอมา

คณะทนายของประชาชนอย่างสุวัตรและเพื่อน
มิได้ต่อสู้ปกป้องคนดีในเชิงรับเท่านั้น
หากแต่พวกเขาและเพื่อนยังเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์
ในการใช้กฎหมายเชิงรุกกับคนชั่วอย่างมีประสิทธิภาพสูงอีกต่างหาก

หลายคำฟ้อง-หลายคดีความที่สุวัตรกับเพื่อนทนายความ
ได้ยื่นคัดค้านหรือฟ้องร้องต่อรัฐบาลทักษิณและรัฐบาลนอมินี
ทำให้การฉ้อฉลที่ดำเนินอยู่ต้องชะงักงัน
บางเรื่องต้องยุติการขายชาติโกงชาติไปเลย
รวมทั้งรัฐมนตรีบางคนยังโดนลงโทษ โดยองค์กรอิสระและสถาบันศาลอีกต่างหาก

ด้วยความมั่นคงในอุดมการณ์ที่ยืนเคียงข้างประชาชน
และด้วยความสามารถของทนายสุวัตรและเพื่อนๆ
ได้ทำให้คดีความที่สนธิลิ้มและชาวพันธมิตรฯ โดนฟ้อง
ประสบชัยชนะไปแล้วไม่น้อย

แผนล่าสังหารทนายสุวัตรเกิดขึ้น
เพราะนักการเมืองชั่วบางคนได้เสนอเงิน
20ล้านบาทให้ทนายสุวัตรยุติการว่าความให้กับสนธิลิ้ม รวมทั้งเสนอเงิน
2,500 ล้านบาท ให้ทนายสุวัตรช่วยว่าความให้กับนักการเมืองคนหนึ่ง
ที่ถูกอายัดทรัพย์และเงินก้อนโตที่ได้มาอย่างไม่โปร่งใสอีกด้วย

แต่ทนายประชาชนที่ชื่อ สุวัตร อภัยภักดิ์
ได้ปฏิเสธการรับงานจากเครือข่ายนักการเมืองผู้ฉ้อฉลโดยสิ้นเชิง

หลังจากนั้นทนายสุวัตรก็ถูกสะกดรอย
มีคนแอบถ่ายรูปและส่งรูปที่แอบถ่าย ให้กับทนายสุวัตรทางโทรศัพท์
เพื่อเป็นการข่มขู่..อีกทั้งมีการคุกคามถึงขั้นหมายชีวิตทนายสุวัตรอย่างต่อ
เนื่อง

แต่ทนายประชาชนอย่างสุวัตรและเพื่อนผู้กล้าหาญมิได้หวาดหวั่น
ทุกคนยังคงยืนหยัดที่จะว่าความให้กับชาวพันธมิตรฯ ต่อไป
อย่างไม่ระย่อครับ

เจ้าข้าเอ้ย..พ่อเจ้าประคุณตำรวจจ๋า จงรู้ไว้ ณ ที่นี้เลยนะว่า
กลุ่มคนที่วางแผนจะยิงบุคคลสำคัญของพันธมิตรฯ และทนายสุวัตรนั้น
เป็นกลุ่มคนที่มีส่วนในการรุมยิง สนธิ ลิ้มทองกุล
คราครั้งที่แล้วขอรับกระผม!

มนุษย์ทุกคน..เลือกเกิดไม่ได้ มนุษย์ทุกคน..หนีความตายไม่พ้น
แต่มนุษย์ทุกคน..มีสิทธิที่จะเลือกตายได้
จะเลือกตายอย่างไร้ค่าหรือจะเลือกตายอย่างมีค่า
ตายเพื่อชาติและประชาชนนั้น
ถือเป็นความตายที่ทรงคุณค่าและหนักกว่าขุนเขาครับ

นักร้องลูกทุ่งอย่าง สมัย อ่อนวงศ์ เคยร้องเพลงว่า "..ปืน บ่
มีลูก..ยิงถูก..ก็ บ่ ตาย.."

แต่สำหรับสนธิ ลิ้มทองกุล นั้น ปืนมีลูก-ยิงถูกก็ยัง บ่ ตาย
และถึงตาย..มือปืนและจอมบงการจงรู้ไว้ ณ ที่นี้เลยนะว่า

สนธิ ลิ้ม..ตายหนึ่งจะเกิดสนธิลิ้มเป็นพัน
เป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้าน..เป็นล้านๆๆๆ..ฯลฯ ตามที่ หงา-คาราวาน
ศิลปินเพื่อชีวิตรุ่นเก๋ากึ๋กชอบร้องเพลงบนเวทีว่า

..ตายสิบเกิดแสน..เพื่อทดแทนผู้สูญดับ..ไงล่ะครับ!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น