1. เจ้าพระยาไหลบ่าไปหล่อเลี้ยง
พลบค่ำจุดตะเกียงอยู่เคียงใกล้
หลอมซับสรรพสิ่งนั่งผิงไฟ
โอบกอดอิงกระไอ,ใบไผ่คว้าง
เคว้งคว้างอยู่ครู่หนึ่งถึงผิวน้ำ
คร่ำเพลงหนาวลำนำพร่ำเพรียกห่าง
หากวางใจใบใผ่ลอยปลดปล่อยวาง
เจ้าพระยาอ้างว้างก็กังวล
ลึกลงไปในนามความเป็นแม่
ทนเห็นลูกถูกรังแกบนท้องถนน
รักแม่มั่นพันผูกลูกทุกคน
ค่ำคืนดับลับหนแม่ดลดาว
ถึงนิทานทนเห่เปลก็ไกล
จักจั่นเรไร ก็ไม่หนาว
เห็นเจ้าคืบเจ้าคลานอยู่ทุกคราว
แต่ละก้าวแต่ละก้าวก็ห่างไกล ฯ
2.แลสายรุ้งคุ้งโค้งเจ้าพระยา
แลแววตาวัยเยาว์เจ้าสดใส
ม้าก้านกล้วยโผนเผ่นตระเวนไป
เรือใบใผ่ไล้แผ่วแนวผิวน้ำ
ว่าคนดีของแม่แลมาดมั่น
จุดประกายไฟฝันนั้นเถื่อนถ้ำ
เจ้าพระยาลาลับมิกลับลำ
ไปเนื่องหนุนคุณธรรม ณ ธานี
ไหวเพลงว่าว้าเหว่เร่ปีกนก
อนธกาลนานตระหนกนกไม่หนี
เพลงก็ขานดาลเดือดเลือดเสรี
ก็ไหลปรี่ลงเปื้อนอุดมการณ์
ดาวสูงอยู่ลิมฟ้าปลาร่ำไห้
เจ้าลูกรักจากไปไม่กลับบ้าน
แวมตะเกียงไหววูบลงจูบธาร
โศกกรรแสงกังสดาลของแผ่นดิน ฯ
3.ไปแล้วหรือไปแล้วแก้วตาเอ๋ย
สองปีกอันเปิดเผยเคยโผผิน
โอ้เจ้าดวงมณีของชีวิน
มิได้ยินเพลงกล่อมกระท่อมฟาง
หลับตาเถิดแม่ไกลเปลเพลงเห่กล่อม
สองมือจะถนอมจวบดาวสาง
เรือชีวิตปุบปับมาอับปาง
ลงท่ามกลางอกแม่กระแสชล
หลับตาเถิดลูกรักพักใจร่าง
แม่เคียงข้างมอห่างหายไปทุกหน
แม่คือแม่เจ้าพระยาประชาชน
เห่เพลงกล่อมท้องถนนราชดำเนิน ฯ
เรวัตร พันธุ์พิพัฒน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น