++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2555

นิทานโทสะ ตอน ป้ากับนก

ด้วย วัยของป้าตุ้ย ยังไม่ถึงขั้นเป็นหญิงชราถือไม้เท้าเดินท่อม ๆ นั่งเฝ้าบ้านเป็นยายแก่หนังเหนียวหรอกครับ ด้วยความที่เธอสูงวัยในระดับหนึ่ง และมีเด็ก ๆ เรียกขานเธอแบบนี้แล้ว ป้าจึงจำเป็นยอมรับสภาพวัยวุฒิของตน (อย่างจำใจหรือเปล่าไม่ทราบได้)

ป้า ใช้ชีวิตแบบสาวโสด ทำอะไรด้วยตนเอง มีชีวิตเหมือนมนุษย์งาน มนุษย์เงินเดือนทั่วไป มีบ้านอยู่ มีรถขับ แต่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลบ้าน ดูแลเรื่องจุกจิกในบ้านสักเท่าไหร่

และแล้ววันหนึ่ง ป้าก็มีเรื่องน่าฉุนเฉียวมาเล่าให้ฟังอย่างหงุดหงิด

“นี่น้า...รื้อรังนกนี่บาปมั้ย” ป้าเสียงเครียด
“แล้วมีคนมารื้อบ้านป้าล่ะ บาปมั้ย” ผมตอบกวน ๆ

“กำลังหงุดหงิดนะเว้ย อย่ากวน” ป้าเริ่มรังสีอำมหิตแล้ว
“อ้าว...มีเรื่องอะไรก็บอกมาสิ เล่นถามอ้อม ๆ ก็ตอบกวน ๆ แบบนี้แหละ”
“นกมันมาทำรังอยู่ในตู้จดหมายฉันน่ะสิ” ป้าเล่าเสียงเครียด

“อือ...เรื่องแค่เนี้ยนะ” ผมไม่เข้าใจว่าทำไมป้าแกต้องฉุนเฉียวนักหนากับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้
“แค่นี้ที่ไหนยะ!” ป้าโวยวาย “พอมันมาทำรังอยู่อย่างนี้ เวลาจดหมาย หนังสือพิมพ์เขามาส่ง ก็เสียบไม่ได้น่ะสิ”

โอ้โห...นี่นะเรื่องใหญ่ของป้า
“ก็ให้เขาเสียบตามประตูบ้านก็ได้” ผมบอกง่าย ๆ ไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ

“ไม่ได้ เดี๋ยวฝนตกก็เปียกหมดสิ” ป้าแกจริงจังนะนี่
“เออ...เออ แล้วป้าจะทำยังไง” ผมถามไปอย่างนั้นแหละ ไม่ได้อยากรู้ด้วยหรอก
“ก็นี่ไง ถึงได้โทรมาคุย มาปรึกษาอยู่นี่” ป้าใส่ปัญหาให้ผมทันที
“หา...เรื่องแค่นี้คิดเองไม่ได้เหรอ?” ผมรำคาญนิด ๆ
“นี่! อุตส่าห์โทรมาแล้วก็ช่วยคิดหน่อยสิ เปลืองค่าโทรศัพท์นะยะ” ป้าเอาจริงแฮะ
“ก็ไปรื้อรังมันออกสิ...เดี๋ยวนกมันก็ไปหาทำรังที่อื่นเองแหละ” ผมตอบง่าย ๆ
“อ้าว...ก็บาปแย่สิ น้ายังบอกเองว่า ถ้ามีคนมารื้อบ้านฉันน่ะบาปมั้ย”
“เอ่อ...” ผมเถียงไม่ออก

“แล้วอีกอย่างนะ...” ป้าพูดต่อ เสียงอ่อยลง “ฉันเห็นมันมีไข่อยู่ในรังด้วย แสดงว่ามันมาอยู่ครบทั้งครอบครัวพ่อแม่ลูกเลยแหละ”
เฮ้อ...ฟังแล้วดูท่าป้าแกคงทั้งโมโหนก แล้วก็สงสารตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้ด้วยแหละ

“งั้นปล่อยมันไว้อย่างนั้นแล้วกัน” ผมขี้เกียจคิดแทน
“ไม่ได้...แล้วพวกจดหมาย หนังสือพิมพ์ของฉันจะทำยังไงล่ะ” ป้าวนกลับมาจุดเดิมจนได้
“งั้นป้าก็ไปซื้อตู้จดหมายใบใหม่มาใช้เสียเลยก็สิ้นเรื่อง ของเก่าก็ยกให้นกมันไปซะ” ผมบอกตัดรำคาญ
“หา!” ฟังเสียงอุทานแล้ว ผมคิดว่าป้าคงเสียดายตังค์
“เอา เหอะน่าป้า...ตู้จดหมายอันไม่กี่บาทหรอก ถือว่าทำบุญให้นกมันไป ปกติป้าก็ทำบุญที่โน่นที่นี่เป็นประจำอยู่แล้ว...ทำบุญกับนกก็ได้บุญเหมือน กันแหละ”
“เปล่า...” ป้าทำเสียงเอ๋อหน่อย ๆ “ฉันสงสัยตัวเองว่า...ทำไมเรื่องแค่นี้คิดเองไม่ได้วะ”

ผมหัวเราะก๊าก...เออ...ป้าแกก็ยอมรับตัวเองง่ายเหมือนกันนิ
ที่ จริงก็ด้วยนิสัยขี้หงุดหงิด ขี้โมโหง่ายของป้านั่นแหละ ที่ทำให้คิดเรื่องง่าย ๆ ไม่ออก พอเห็นนกมาทำรังในตู้จดหมาย เลยขัดใจ จิตมีโทสะ คิดอย่างเดียวว่าทำยังไงให้นกมันย้ายไปอยู่ที่อื่น

พอจิตมีโทสะ มันก็เลยไม่มีปัญญา...กระทั่งเรื่องง่าย ๆ ยังคิดไม่ออก
ครอบครัวนกหน้าบ้านคงเป็นครู สอนให้ป้ารู้จักธรรมะโดยไม่รู้ตัว...

ทุกวันนี้ถ้าใครผ่านหน้าบ้านป้า อย่าแปลกใจที่เห็นตู้จดหมายถึงสองใบ...ป้าตุ้ยไม่ได้เป็นดารา มีแฟนคลับอะไรเยอะแยะหรอกครับ

เพราะ ในตู้จดหมายใบหนึ่งจะมีเศษหญ้าของรังนกอัดแน่น ซึ่งมีนกรุ่นที่หนึ่ง รุ่นที่สองมาอาศัยอยู่แล้วก็เวียนจากไป...ส่วนอีกใบ...ยังปลอดภัยดี

ไม่ รู้ว่านกทั้งหลายมันถูกโฉลกกับตู้จดหมายบ้านป้าหรืออย่างไร...หมดรุ่นนึง ก็ยังมีอีกรุ่นมาอยู่ หรือว่ามันรู้ว่าป้าคงไม่มีปัญญาเก็บค่าเช่ากันแน่

เอา เหอะ...ป้าแกคงไม่เดือดร้อนเรื่องนกอีกแล้วล่ะ...เพราะประตูหน้าบ้าน ยังมีที่เหลือมากพอ ที่จะติดตู้จดหมายใบที่สาม ใบที่สี่ได้จ้า...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น