พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นจากการรวมพลังของภาคประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกสาขาอาชีพ ทุกชนชั้นในสังคมไทย เพื่อต่อต้าน คัดค้าน และโค่นล้ม “ระบอบทักษิณ” เพื่อพิทักษ์ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และเพื่อให้มีการปฏิรูปการเมืองและทิศทางการพัฒนาประเทศเสียใหม่ เพราะประเทศถูกครอบงำและปกครองโดยระบอบทักษิณ จึงก่อให้เกิดขบวนการต่อสู้ของประชาชนภายใต้การนำของพันธมิตรฯ
“ระบอบทักษิณ” คืออะไร ทำไมจึงจำเป็นต้องต่อต้าน คัดค้าน และขจัดให้พ้นไปจากสังคมไทย ระบอบทักษิณเป็นคำนิยามทางการเมืองที่นักวิชาการด้านสังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์การเมืองการปกครอง นักเศรษฐศาสตร์ เช่น นายธีรยุทธ บุญมี, ดร.เกษียร เตชะพีระ, ดร.อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ เป็นผู้เขียนและกล่าวไว้ในงานศึกษาวิจัยของตน ซึ่งต่างมีความเห็นสอดคล้องกันว่า “ระบอบทักษิณ หมายถึง วิธีการดำเนินการทางเมืองโดยการใช้เงินซื้อนักการเมือง พรรคการเมือง และซื้อคะแนนเสียงจากประชาชนเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรม และการบริหารประเทศที่ยึดตัวตนและยึดแนวความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นหลัก ขาดความเคารพในเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
โดยเฉพาะหลักการขององค์กรตรวจสอบและถ่วงดุลโดยองค์กรอิสระและประชาชน แต่เข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระ สื่อมวลชน องค์กรของรัฐแทบทุกองค์กร ไม่ได้ทำเพื่อโยชน์เพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง แต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ทำลายระบบคุณธรรม สร้างความแตกแยกของคนในชาติอย่างไม่เคยพบมาก่อน และมีการทุจริตอย่างมโหฬาร”
ความเลวร้ายของระบอบทักษิณดังกล่าว เกิดขึ้นและสามารถกระทำต่อสังคมไทยได้ เพราะพวกเขามีพรรคการเมืองที่ยึดกุมอำนาจรัฐ มีกำลังมวลชนที่พวกเขาจัดตั้ง จัดซื้อ จัดหาไว้เป็นกองกำลังส่วนตัว มีกลไกอำนาจรัฐที่ขายตัวยอมรับใช้ มีกลุ่มทุนและกลุ่มผลประโยชน์คอยสนับสนุน มีสื่อมวลชนและนักวิชาการยอมตนเป็นทาสรับใช้ จึงทำให้ระบอบแห่งความชั่วร้ายนี้อุบัติขึ้นในสังคมไทย โดยเข้ายึดอำนาจกินรวบประเทศไทย เหิมเกริมกระทั่งคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมไทย สถาปนารัฐไทยใหม่ตามแนวทางการเมืองที่ชั่วร้ายของตน
เมื่อมีระบอบการเมืองที่ชั่วร้ายจึงต้องมีคนดีที่รักชาติบ้านเมืองเกิดขึ้น จากปรากฏการณ์การรวมพลคนรู้ทันทักษิณ พัฒนามาสู่ ปรากฏการณ์สนธิ ลิ้มทองกุล ภายใต้รายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ถึงการชุมนุมและเดินขบวนของคนเสื้อเหลือง ระหว่าง 13 ม.ค. - 4 ก.พ. 2549 นำมาสู่การรวมพลังและก่อตั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อมี.ค. 2549 พัฒนาการต่อสู้จากวันนั้นมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลาถึง 6 ปีเต็ม ด้วยการต่อสู้หลากหลายรูปแบบ ผ่านการหล่อหลอมและทดสอบจากการต่อสู้ที่เป็นจริงอย่างดุเดือดเข้มข้น อย่างแหลมคมยิ่ง แลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิต โดยยึดเอาผลประโยชน์ของส่วนรวมและชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ชาวพันธมิตรฯ ทุกคนล้วนแต่เข้าร่วมการต่อสู้นี้ด้วยความเสียสละ กล้าหาญ โดยมิได้เรียกร้องผลประโยชน์ตอบแทนใดๆ เพื่อตนเองเลยแม้แต่น้อย จึงพูดและกล่าวได้อย่างเต็มปากด้วยความภาคภูมิใจว่า การต่อสู้ของพันธมิตรฯ คือ การกู้ชาติ
6 ปีแห่งการต่อสู้ของพันธมิตรฯ ที่ผ่านมา คือ การปฏิบัติตามพันธกิจของการก่อตั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยโดยแท้ ด้วยหัวใจและจิตวิญญาณแห่งความรักชาติ พันธมิตรฯ จึงเป็นพลังของประชาชนที่ยึดมั่นในศีลธรรม คุณธรรมที่ดีงามของประชาชนไทย ส่วนที่เหลืออยู่และไม่ยอมจำนนก้มหัวให้กับระบอบทักษิณ การต่อสู้มีทั้งชนะและพ่ายแพ้ มีทั้งสำเร็จและล้มเหลว มีทั้งรุกและรับผลัดกัน
มาถึงสถานการณ์วันนี้ ระบอบทักษิณภายใต้รัฐบาลหุ่นเชิด หรือโคลนนิ่งยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมาครอบงำสังคมไทย ยึดกุมอำนาจรัฐ กินรวบประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ทั้งมีความอหังการ และเหิมเกริม เหลิงในอำนาจหนักหน่วงยิ่งกว่า พวกเขากำลังเร่งกระชับอำนาจ ทำลายทุกองค์กรและสถาบันที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการยึดอำนาจและฮุบประเทศไว้ในกำมือทักษิณแต่เพียงผู้เดียวของพวกเขา ภารกิจเพื่อการปลดปล่อยประเทศให้รอดพ้นจากเงื้อมมือ และการครอบงำของระบอบทักษิณจึงยังไม่สิ้น พันธกิจของพันธมิตรฯ ยังไม่บรรลุผลสำเร็จ การกู้ชาติและทวงเอาประเทศไทยของเราคืนมาจึงยังไม่จบสิ้น
ภารกิจนี้จึงเป็นภารกิจที่มีความหมายทางประวัติศาสตร์ และมีความสำคัญยิ่งต่อชาติบ้านเมืองของเรา แม้จะมีกลุ่มประชาชนและองค์กรต่างๆ พยายามที่จะรวมตัวและลุกขึ้นต่อสู้เพื่อต่อต้านคัดค้านระบอบทักษิณปรากฏให้เห็นบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ และขาดพลังที่เข้มแข็ง ไม่อาจเอาชนะได้ ภารกิจการต่อสู้เพื่อเอาชนะระบอบทักษิณ กู้ชาติ ทวงคืนประเทศไทยจึงตกอยู่บนบ่าของพี่น้องพันธมิตรฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะถ้าปราศจากพลังการต่อสู้ของพันธมิตรฯ แล้ว ประเทศไทยและสังคมไทยอาจต้องแพ้พ่ายต่อระบอบการเมืองแห่งความชั่วร้ายนี้อย่างยากที่จะรื้อฟื้นกลับคืนให้ดีขึ้นมาได้
ประเทศไทย สังคมไทยกำลังเรียกร้องความเสียสละ และความกล้าหาญของพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่ง แม้จะเป็นข้อเรียกร้องที่สูงยิ่ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยยังไม่แน่ใจถึงชัยชนะและแสงสว่างแห่งวันใหม่ที่พวกเราปรารถนาหรือต้องการก้าวให้หลุดพ้นจากระบอบแห่งความชั่วร้ายทางการเมืองที่กำลังปกคลุมประเทศอยู่ แต่เพราะความเป็นพลเมืองที่สำนึกต่อบุญคุณแผ่นดิน และมีความรับผิดชอบต่อประเทศชาติ มีความซื่อสัตย์ และความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ พันธมิตรฯ และพี่น้องประชาชนผู้รักชาติทั้งหลายจึงไม่อาจผลักภาระนี้ไปให้ผู้อื่นได้ แม้การต่อสู้ครั้งนี้ยังมองไม่เห็นว่าตนเองจะได้รับผลประโยชน์อะไร แต่เราควรต้องภูมิใจว่า “เราเกิดมาไม่เสียชาติเกิด เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน” การทำความดีแม้ไม่มีใครเห็น เทวดาย่อมรู้ ตัวเราย่อมภูมิใจ
ภารกิจเพื่อการกู้ชาติ กอบกู้แผ่นดิน ทวงคืนประเทศไทย มาถึงอีกครั้งหนึ่งแล้ว พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้งหลาย เราต้องสามัคคีกัน เราจงเดินออกมายืดอกด้วยความภาคภูมิใจ เพื่อการปฏิบัติภารกิจกู้ชาติครั้งนี้ เราต้องจับมือสามัคคีกับทุกคน ทุกองค์กร เพื่อภารกิจการกู้ชาติโดยยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ต้องละทิ้งความคิดที่มีอคติคับแคบทั้งหลาย ต้องละทิ้งความเห็นแก่ตัวและเครื่องพันธนาการที่ขัดขวางความสามัคคี ขจัดทุกปัจจัยทั้งหลายที่เป็นปัญหาและทำลายพลังของประชาชนคนรักชาติ เพราะการต่อสู้ครั้งนี้ จะเป็นการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด หนักหน่วงที่สุด หรืออาจจะโหดร้ายที่สุด เราจึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมทั้งความคิดและจิตใจเพื่อการต่อสู้ครั้งสำคัญที่กำลังจะมาถึง
อย่างไรก็ตามจงเชื่อมั่นว่า “เราคือพลังของฝ่ายธรรม เราคือประชาชนผู้รักชาติ เราทำในสิ่งที่ถูกต้อง” ประชาชนและประเทศชาติจะต้องเป็นผู้ชนะในที่สุด! เราคือพันธมิตรฯ พันธกิจของเราคือกู้ชาติ 10 มี.ค. 2555 พบกันที่สวนลุมพินี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น