++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2551

แนวรบสื่อ

โดย วริษฐ์ ลิ้มทองกุล     24 ธันวาคม 2551 16:57 น.
ปีใหม่ 2552 เป็นต้นไป หลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเสร็จสิ้น ผมอยากให้ท่านผู้อ่านลองจับตาแวดวงสื่อสารมวลชนของไทยให้ดี เพราะเชื่อว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในแวดวงสื่อครั้งใหญ่หลังยุคล่มสลายของร ะบอบทักษิณ
      
        ระยะเวลา 7-8 ปีที่ผ่านมา สื่อมวลชนไทยทั้ง โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ ต่างพึ่งพิงและอาศัยอยู่กับทุนนิยมสามานย์ที่ครองอำนาจรัฐเสียจนเคยตัว
      
       เป็นความเคยตัวของ “สื่อ” ที่ชีวิตวนเวียนอยู่กับการประจบสอพลอนายทุน-ผู้มีอำนาจ ที่ไม่เพียงใช้อำนาจรัฐและอำนาจเงินเข้าบีบ แต่ยังกระโดดลงมาสร้าง “สื่อเทียม” และยึดครอง “สื่อรัฐ” เป็นสมบัติของตนเอง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์
      
       อิทธิพลของกลุ่มทุนสามานย์ดังกล่าว มากมายมหาศาลถึงขนาดที่ว่า ครั้งหนึ่งสื่อมวลชนไทยจำนวนไม่น้อยเคยวาดฝันว่านายทุนคนนี้จะครองประเทศไทย อยู่ถึง 20 ปี
      
       ทว่าระยะเวลา 20 ปีที่เคยวาดฝันไว้ก็สั้นกว่าที่ใครหลายคนคิด …
      
        ธ รรมชาติของสื่อมวลชนไทยนั้น จริงๆ แล้วก็ไม่ได้แตกต่างไปจากนิทานอีสปเรื่อง “อึ่งอ่างกับวัว” เลยคือ สื่อมักจะสำคัญตัวผิด ยิ่งสื่อที่อยู่ใกล้ชิดหรือสนิทสนมกับนักการเมือง-ผู้มีอำนาจมากก็ยิ่งสำคัญ ตัวเองผิดมาก และนึกว่าตัวเองเป็นผู้มีอำนาจเสียเอง โดยหารู้ตัวไม่ว่าตัวเองนั้นถูกเขา “หลอกใช้” ส่วนผลประโยชน์ที่ได้รับก็เป็นเพียงแค่เศษกระดูกที่เขาโยนมาให้เท่านั้น
      
        การเปลี่ยนขั้วการเมืองจากรัฐบาลในระบอบทักษิณ เป็นพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้สื่อหลายสำนัก ผู้ประกาศข่าว คอลัมนิสต์ บรรณาธิการข่าว นักวิเคราะห์ข่าว จำนวนมาก (รวมถึงผู้บริหารสมาคมสื่อฯ) ทำตัวไม่ถูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อโทรทัศน์ฟรีทีวี และหนังสือพิมพ์หัวสีจำนวนมากที่ต้องแอบอิงอยู่กับผู้มีอำนาจและอาศัยงบประม าณจากภาครัฐ
      
        หลังจากที่คุณอภิสิทธิ์ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี โทรทัศน์และหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่เดิมด่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เว้นแต่ละวัน มาวันนี้ก็เริ่มทำเป็นญาติดี บางส่วนเปลี่ยนสีหรือเปลี่ยนท่าทีจากหลังเท้าเป็นหน้ามือได้อย่างหน้าไม่อาย
      
        การที่พรรคประชาธิปัตย์โดยคุณสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประกาศออกมาเมื่อวันอังคารที่ 23 ธันวาคมว่า งานแรกๆ ที่ตนเองจะทำหลังการแถลงนโยบายก็คือ การล้างบางทาสระบอบทักษิณที่เข้าไปครองตำแหน่งในคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท อสมท จำกัด, การปรับเปลี่ยน สถานีเอ็นบีที คืนมาเป็น ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ดังเดิม รวมถึงการฟื้นรายการ “นายกฯ พบประชาชน” กลับมาด้วยนั้น ผมถือว่าเป็นท่าทีที่เข้มแข็งและชาญฉลาดของคุณอภิสิทธิ์ คุณสาทิตย์ และพรรคประชาธิปัตย์
      
        คุณอภิสิทธิ์และคุณสาทิตย์คงรู้ดีว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีเวลาในการทำตัวหน่อมแน้มเหมือน “รัฐบาลฤๅษีเลี้ยงเต่า” และไม่มีเวลาประนีประนอมกับสื่อมวลชนที่ทำตัวเป็นลิ่วล้อและแอบอิงอยู่กับระ บอบทักษิณ
      
       เพราะในสงครามการเมืองครั้งนี้ การตัดสินแพ้-ชนะ นั้นนอกจากการพูดดี-คิดดี-ทำดี ปกป้องสถาบัน ทำเพื่อประชาชนและบ้านเมืองโดยรวมแล้ว ผู้กุมอำนาจรัฐจำต้องมี “สื่อ” เป็นเครื่องมือ และใช้ “สื่อ” ให้เป็นด้วย
      
       การใช้สื่อแบบฉาบฉวยอย่างกรณียิง SMS จาก yourPM ไปแนะนำตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้นสามารถทำได้ แต่ก็ทำได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเพื่อเป็นสีสันเท่านั้น ทว่าก็ต้องระมัดระวังตัวมิให้เกิดช่องโหว่กลายเป็นที่ครหาของสังคม หรือเป้าโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม
      
        สำหรับการเข้าไปเปลี่ยนบอร์ด อสมท แน่นอนว่าต้องเป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติและอยู่ในกรอบระเบียบของตลาดหลักทรั พย์ เนื่องจาก อสมท วันนี้ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจในความควบคุมของรัฐอย่างสมบูรณ์เหมือนแต่ก่อน แต่กลายสภาพเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีกฎเกณฑ์ เงื่อนไขและรายละเอียดประกอบอีกมาก
      
        กระนั้น ความยากของคุณสาทิตย์ในการเปลี่ยน อสมท ผมเห็นว่าไม่ได้อยู่ที่การล้างบอร์ดชุดเก่า แต่คือการต้องรับมือกับสหภาพแรงงาน อสมท ที่ผู้นำสหภาพและสมาชิกซึ่งเคยได้รับผลประโยชน์จากการแปรรูปองค์กรในสมัยระบ อบทักษิณ ในยุคที่ ผอ.ชื่อมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ไปเต็มๆ
      
        ทั้งนี้ทั้งนั้น ภารกิจที่ยากกว่า อสมท และลักลั่นเป็นอย่างยิ่งในความเห็นของผม ก็คือ เอ็นบีที!
      
        ดังที่ทุกคนทราบ ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ถูกปรับโฉมให้เป็นเอ็นบีที เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2551 ในยุคที่นายจักรภพ เพ็ญแข ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้นนายจักรภพอาศัยมือไม้เป็น “สื่อเทียม” ในเครือข่ายของนายเนวิน ชิดชอบ ที่ผ่านประสบการณ์มาแล้วทั้งสื่อบนดินและสื่อใต้ดิน ขณะที่อีกส่วนก็อาศัยบุคลากรเบื้องหน้า-เบื้องหลัง จากช่องไอทีวีเดิม (ซึ่งเคยเป็นของเครือชินคอร์ป) และยังจงรักภักดีอยู่กับระบอบทักษิณ
      
       ตลอดระยะเวลา 8-9 เดือนที่ผ่านมา ช่องเอ็นบีทีปฏิบัติตนเป็นเครื่องมือของ “ระบอบทักษิณ” อย่างสมบูรณ์แบบ โดยใช้วิธีการบิดเบือนข่าวสารแต่อาศัยคำว่า “ข่าว” บังหน้า ตีข่าวเล็กให้เป็นข่าวใหญ่ ย่อข่าวใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก เพื่อมุ่งตอบสนองผลประโยชน์ทางการเมืองของตน และทำลายศัตรูทางการเมืองอย่างไม่แยแสถึงเงินภาษีของประชาชนที่ใช้ก่อตั้งแล ะหล่อเลี้ยงสถานี
      
       นอกจากนี้ยังมีรายการที่จงใจสร้างขึ้นเพื่อโจมตีศัตรูทางการเมืองของ พรรคพลังประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรฯ นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ รายการความจริงวันนี้ ซึ่งมีความพยายามในการนำเสนอเนื้อหาที่ทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันต่างๆ ในบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง เช่น สตง. ป.ป.ช. สถาบันตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
      
        ใจความสำคัญอยู่ที่ว่า ในเมื่อก่อนหน้านี้คุณอภิสิทธิ์ไปกอดกับนายเนวิน ชิดชอบ เพื่อขอเสียงจากกลุ่มเพื่อนเนวินให้ช่วยเลือกตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว รัฐบาลประชาธิปัตย์จะจัดการอย่างไรกับเอ็นบีที และ ดิจิตอล มีเดีย โฮลดิ้งส์?
      
       หรือประชาธิปัตย์จะปล่อยให้ “เครือข่ายเนวิน” ครองสถานีแห่งนี้ต่อไป เช่นเดียวกับการปล่อยตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตำแหน่งประธานรัฐสภา ให้เนวิน เพื่อนเนวิน และพ่อเนวินครอบครองไปแล้ว
      
       ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ฟันธงไว้ล่วงหน้าได้เลยว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ และฝันหวานคราวนี้ของประชาชนอายุสั้นแน่นอน!


http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000151226

    เมื่อบ่าย(25-12-08) นั่งฟังรายการ อ.วีระ 96.5 ได้ยินเขาว่า พธม ประมาณว่า พวก พธม อย่าเล่นลิ้นไปเลยว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนปิดสนามบิน จะมาอ้างว่าการท่าปิดสนามบินไม่ได้หรอก (ประมาณว่าเป็นศรีธนนชัยอ่ะครับ) จะมาปัดความรับผิดชอบ และจะเป็นตราบาปกับ พธม ไปตลอด เอออ.. ผมฟังแล้วก็คิดน่ะว่า โอเค อ.วีระ แกก็พูดถูกในมุมหนึ่ง แต่ทำไมแกไม่เสนอทางชี้แน่ะให้ แก่ พธม บ้างล่ะว่าให้เราใช้มาตรการอะไรในการไล่ รัฐบาลสัตว์นรก ชุดนั้นได้บ้าง พธม ก็ยอมรับน่ะว่ามีส่วนผิดที่ทำให้เกิดการเสียหาย แต่คนที่ออกมาด่าออกมาว่าทั้งหลาย ไม่เคยบอกเลยว่าจะให้เราทำอย่างไรกับรัฐบาลสัตว์นรก ไม่เคยเสนอความคิดไม่เคยออกมาช่วย ดีแต่ด่ากับผลลัพท์ที่เกิดขึ้น ตัว อ.วีระ ก็ยังไม่เข็ดที่รายการตัวเองโดน อีเพ็ญ ยึดคืน สมัยคลื่น 97 ชอบทำตัวเป็นกลางเพราะกลัวไม่มีรายการให้จัด จะด่าทักษิณก็ไม่กล้า มีแต่เหน็บๆ พธม ตอนเอาหุ้นไม่ว่า ปตท หรือ การไฟฟ้า ก็เชียร์สุดลิ่มทิ่มถูรู ว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ ไงรัฐบาลก็ถือหุ้นอยู่ ก็เพราะแกทำงานเกี่ยวกับการเงิน เกี่ยวกับหุ้น มีส่วนได้เสียไงครับ แกถึงเชียร์ให้การไฟฟ้ากับ ปตท แปรรูปเข้าตลาดหุ้น พอมาตอนหลังกลับด่า ปตท ว่าตลาดโลกลดราคาลงตั้งนานแล้วไม่ยอมลด ทีขึ้นวันนี้ ปตท ขึ้นตาม แต่ก็ด่าแค่นี้ ไม่ด่าเรื่องแปรรูป ผมฟังแล้วน่าเบื่อพวกกลาง คือกลางในสิ่งที่ว่ามีผลประโยชน์ด้วย แต่สิ่งไหนไม่มีผลประโยชน์ด้วยก็เหน็บๆ ผมไม่ได้ว่าน่ะว่าคนไม่เห็นด้วยกับ พธม แล้วจะเป็นคนไม่ดี แต่ผมอยากถามคนไม่เห็นด้วย ว่าทำไมตอนนั้นคุณไม่เคยเสนอหน้าออกมาชี้แน่ะเลยว่า จะให้ทำอย่างไรกับรัฐบาลสัตว์นรกนั้น จะไล่มันอย่างไร พวกคุณไม่เคยเลย นอนแคะสะดือรอผลที่ให้คนอื่นทำให้ ถ้าบ้านเมืองดีขึ้นก็ได้ประโยชน์ไปด้วย แต่ถ้า พธม แพ้ ก็อ้างได้ว่า ผมไม่ได้เชียร์ พธม น่ะคร๊าบบบ เสด็จพี่
ton


    สื่อทุกวันนี้สกปรก

ไ ม่ใช่บรรณาธิการคนเดียว แต่นักข่าวในสนามทำข่าวด้วยความอคติ สักแต่ว่าส่งข่าวเข้าไป ไร้การตรวจสอบ ไร้จรรยาบรรณ ข้อมูลที่เขียนคิดเอาเอง ฟังคำนินทา ซุบซิบ เอาคำถามไปเสี้ยมให้คนทะเลาะกัน คนนั้นพูดเรื่องนี้ "ท่านคิดอย่างไร" คำพูดที่เอาไปถามก็เอาไม่หมด

เหตุการณ์เสื้อเหลือง-เสื้อแดงไม่ใช่ปร ากฎการณ์แห่งความแตกแยกของคนไทย แต่เป็นปรากฎการณืที่สื่อสร้างความแตกแยก สื่อแยกคนเป็นพวกเป็นสี โดยไม่ดูเป้าประสงค์ของสิ่งที่เกิดขึ้น ไร้วิจารณญาณ ไร้สมองในการนำมาคิดว่าเกิดอะไรขึ้น เขียนแค่สิ่งที่เห็นแล้วเดาเอาเองว่าต้องเป็นอย่างนี้แน่เลย

ASTV ไม่ใช่สื่อที่ดีที่สุด ไม่ใช่ทางที่ถูกต้องทั้งหมด แต่อย่างน้อยเป็นช่องทางที่ประชาชนยังเห็นว่าเอาเสียงของเรามาสะท้อน แต่ต้องยอมรับความจริงว่าบางข่าวก้ทำด้วยความอคติ แต่ท่ามกลางสื่อเลวๆ ASTV ยังพอให้เราพึ่งพิงได้บ้าง

ไม่รู้ว่าคุณสนธิเปลี่ยนใจหรือยังว่ าจะมุ่งมั่นที่ ASTV อย่างเดียว อยากให้ทีมงานพยายามหาทางที่จะต้องมีรายการให้ความรู้ในฟรีทีวีบ้าง เพราะแค่เราไปบ้านที่ไม่สามารถรับเคเบิ้ล วิทยุ 97.75 / 92.25 ได้สัปดาห์เดียว ความรู้ก็เป็นอีกอย่างแล้ว ชาวบ้านเขาไม่ได้สื่อจริงๆ
นกอิสสระ



นฐานะคนชอบพอกัน
ดิฉันว่าคุณอภิสิทธิ์พูดคนเดียวอย่างคุณเหลี่ยม คุณชายกระโปรงและคุณชมพู่จะไม่สนุก

คุณเจิมศักดิ์เป็นคนสัมภาษณ์ก็จะดีมาก
หรือคุณสุภาพสตรีที่เลือดการเมืองเข้มข้นอย่างคุณสโรชายิ่งดีใหญ่
ขอให้คุณชวนมาพูดบ้างในฐานะประธานที่ปรึกษายิ่งดีและมันคนดูคนฟัง

มั่นใจในเนื้อหาคุณอภิสิทธิ์
คุณพีรพันธุ์เดี๋ยวนี้ก็เก่งนะคะ
ชอบนักการเมืองหนุ่มหน้าใหม่แบบนี้ค่ะ
thailandeye


    รัฐบาลแถลงว่าจะให้มีการตอบกระทู้สดทุกวันพฤหัส อ.เจิมศักดิ์ ได้แนะนำให้ถ่ายทอดสดในการตอบกระทู้สดในสภาให้ประชาชนได้รู้ได้เห็นจะดีกว่า ที่จะมาพูดคนเดียวในวันอาทิตย์ ดิฉันก็เห็นด้วยน๊ะค๊ะ อยากฝากให้รัฐบาลพิจารณาด้วยค่ะ ส่วนสื่อฟรีทีวีดิฉันหมดความศรัทธา และหมดความหวังไปนานแล้วเป็นสื่อที่ไม่มีจรรยาบรรณเลย บางคนก็ไม่มีความรู้ฟังแล้วเราจะโง่ตามถ้าเราไม่บริโภคสื่อดาวเทียมอื่น เช่น ASTV หรือ NATION ไม่รู้เมื่อไหร่สื่อพวกนี้จะพัฒนาสักที
พธม นางลิ้นจี่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น