ตาเนื้อ มองกาย....ตาในเห็นสุข เห็นทุกข์ เห็นยินดี เห็นยินร้าย...
แปลกไหม?...ตาเนื้อ มองแต่ไม่เห็น (สภาวะที่เป็นจริง) ...
เช่น เรายืนอยู่บนภูเขา...เงยหน้ามองท้องฟ้า เครื่องบินลำเล็กนิดเดียว มองหมู่นกตัวเล็กมาก
บ้านเรือนที่อยู่ไกลโพ้น...เห็นริบ ๆ ทำไมมันเล็กมาก แต่พออยู่ใกล้ ๆ กลับเห็นตามสภาพความจริง
ค่อย...ค่อย พิจารณาซิว่า ทำไม “ตาเนื้อ” มองเห็นได้เฉพาะ...ความจริงในสิ่งลวง....
“ตาใน” การเห็นด้วยตาในนั้น คือ การเห็นด้วยปัญญา เห็นด้วยจิตเดิม (จิตเดิม คือ การเห็นเป็นกลาง ๆ
ไม่เอียงซ้าย...ไม่เอียงขวา) แต่เมื่อเห็นด้วย “ตาใน” ที่ไม่ใช่ปัญญานั้น ยังเห็นแบบหยาบ ๆ เช่น
สุขก็แบบชั่วครั้ง...ยินดีก็แบบชั่วคราว เกิดขึ้น แล้วก็ดับ...ดับแล้วก็เกิดขึ้น ตลอดเวลาที่เราไขว้คว้าหาสุข...
“ตาใน” ที่เห็นด้วยปัญญา เห็นด้วยจิตเดิม นั่นเห็นด้วยสภาวะความเป็นจริง...ความเป็นจริง..จริง
เราเคยมีความสุขแบบไม่รู้สึกบ้างไหม?... หรือที่เรียกว่า “สุข...ด้วยความไม่รู้สึก”
เราเคยเดินเงียบ ๆ เท้าเปล่า ๆ กับหญ้านุ่ม ๆ ในยามแสงแดดยามเช้า ๆ ไหม...
เราเคยช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่ได้หวังสิ่งใด ๆ ตอบแทนไหม...
เราเคยปฏิบัติสมาธิ เดินจงกลม หรือถือศีล ๘ ที่วัด โดยเคร่งครัดไหม...
(ถ้าไม่เคย...รีบทำซะ จะได้เห็นธรรม...ธรรมชาติของตัวตน)
ฉะนั้น วันนี้...วันพระ...ขอให้เธอทั้งหลาย...พิจารณาใช้ “ตาใน” ในการมองให้เห็น ดังต่อไปนี้
อยู่กับตัวเอง...สักครู่ แล้วค่อย...ค่อยเฝ้าดู “ใจ” ของเธอว่าคิดอย่างไร
สำรวมใจ... คิดดี...ก็วาง คิดไม่ดี...ก็วาง “เมื่อวางก็จะเบา เมื่อหนักก็จะเขลา...”
สำรวมวาจา... พูดให้น้อย จะมีสติมากขึ้น จะมีความคิดดี ๆ มากขึ้น
สำรวมกาย... อาหาร ไม่มีเนื้อสัตว์สักมื้อได้ไหม หรือ ๓ มื้อเลยได้ไหม
เมื่อปฏิบัติอย่างเคร่งครัดแค่นี้...พิจาณาดูตัวเธอที่แท้จริงซิ...สะอาดขึ้นไหม
ไม่ว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างไร ไม่ต้องสนใจใด ๆ เพราะว่า “ปัจจุบัน” เป็นสิ่งที่ค่ามากกว่า “อดีต”
นี่คือ "เมื่อทำแล้ว...จึงจะเห็นธรรม..."
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น