เมื่อสองสัปดาห์ก่อน คอลัมน์นี้พูดคร่าวๆ ถึงเรื่องราวของอาร์เจนตินาว่าใช้ทุนสำรองของชาติอย่างไรในกระบวนการใช้นโยบายประชานิยมจึงทำให้ประเทศล้มละลาย (รายละเอียดมีอยู่ในหนังสือชื่อ “ประชานิยม : ทางสู่ความหายนะ” ซึ่งอยู่ในระหว่างการจัดพิมพ์) วันนี้จะพูดถึงกลวิธีที่การก่อตั้งกองทุนมั่งคั่งแห่งชาติจะถูกใช้เพื่อถลุงทุนสำรองของไทยพร้อมกับทำให้นักการเมืองและพวกพ้องมั่งคั่งได้อย่างไร การที่รัฐมนตรีในรัฐบาลนี้แสดงความกระเหี้ยนกระหือรือดังกับกระสือเห็นเวจอุจจาระที่จะให้มีการจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติก็เพราะพวกเขามองเห็นโอกาสทองที่จะสนองความละโมบของเจ้านายซึ่งอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์พร้อมกับของตัวเองและพวกพ้อง พวกเขาต้องรีบทำให้เร็วที่สุดเพราะไม่มั่นใจในความยืนยาวของการครองอำนาจ หากตั้งกองทุนฯ เสร็จก่อนหมดอำนาจ พวกเขาก็จะสามารถถลุงทุนสำรองของชาติสืบต่อไปได้อีกนาน
กระบวนการจะเริ่มต้นด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยคนของพวกเขาขึ้นมาศึกษาและร่างกรอบ กฎหมายและข้อบังคับของกองทุนฯ ซึ่งจะนำเงินส่วนหนึ่งจากทุนสำรองของชาติมาบริหารจัดการ ตอนนี้ทุนสำรองของชาติมีอยู่เกือบสองแสนล้านดอลลาร์ พวกเขาอาจนำมาใส่ไว้ในกองทุนฯ สักครึ่งหนึ่งก็ได้และจะทำทุกอย่างเพื่อสร้างความแน่ใจว่ากฎเกณฑ์ที่จะเกิดขึ้นมีช่องโหว่พอที่พวกเขาจะนำเอาไปใช้ในการถลุงเงินของกองทุนฯ
ในขณะเดียวกันพรรคพวกของนักการเมืองก็จะก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาทางด้านการเงินขึ้นมาพร้อมๆ กับบริษัทที่จะทำกิจการทางด้านสำรวจและขุดเจาะน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติและทำเหมืองแร่โดยเฉพาะเหมืองทองคำ บริษัทเหล่านั้นมักจะมีสัญชาติของเกาะต่างๆ ที่มีชื่อว่าเป็นแหล่งหลบภาษีของมหาเศรษฐีขี้ฉ้อ เช่น เกาะเคย์แมนและเกาะบาฮามาสที่เจ้านายของพวกเขาใช้มาก่อน บริษัทเหล่านั้นอาจเป็นการร่วมทุนระหว่างคนไทยในต่างประเทศกับชาวต่างชาติซึ่งส่วนหนึ่งจะเป็นชาวตะวันออกกลางจากบางประเทศที่มีน้ำมันจำนวนมากโดยเฉพาะจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
เมื่อผ่านกฎหมายก่อตั้งกองทุนได้แล้วก็จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการและผู้บริหารชั้นสูง คนพวกนี้ส่วนมากจะมาจากพรรคพวกของนักการเมืองและเจ้านายของพวกเขา แต่ละคนจะได้ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์สูงมาก หลังจากนั้นผู้บริหารชั้นสูงก็จะจ้างพนักงานของกองทุนฯ ซึ่งก็จะมาจากลูกหลานของนักการเมือง ญาติพี่น้องและพวกพ้องของพวกเขาอีกเช่นกัน
ขั้นต่อไปได้แก่การจ้างบริษัทที่ปรึกษาทางด้านการเงินที่พรรคพวกของนักการเมืองก่อตั้งขึ้นมาด้วยค่าจ้างสูงให้เข้ามาช่วยหาทางลงทุนให้แก่กองทุนฯ ส่วนหนึ่งของค่าจ้างที่สูงมากนั้นจะถูกนำมาปันกับผู้บริหารบางคนของกองทุนฯ บริษัทที่ปรึกษาจะขมีขมันค้นคว้าหาทางลงทุนจนในที่สุดจะพบบริษัทที่พลพรรคของนักการเมืองและเจ้านายตั้งขึ้นไว้ตามเกาะต่างๆ ว่าเป็นหนทางลงทุนที่จะมีกำไรสูงมาก จึงเสนอให้กองทุนฯ นำเงินก้อนใหญ่ๆ ไปซื้อหุ้นและร่วมทุนกับบริษัทเหล่านั้นเพื่อสำรวจและขุดเจาะน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติและทำเหมืองทองคำแล้วกองทุนฯ ก็ทำตาม
การลงทุนของกองทุนฯ จะได้รับการสนับสนุนและกล่าวขวัญถึงอย่างต่อเนื่องว่าน่าจะสร้างกำไรได้ดีมากจากสื่อพิมพ์และโทรทัศน์บางแห่งอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่งจึงเริ่มมีรายงานว่ากองทุนฯ สูญเงินที่นำไปลงไว้ในกิจการต่างๆ อย่างมีเงื่อนงำ กิจการบางอย่างจะล้มละลายเนื่องจากหาทองคำและน้ำมันไม่พบในปริมาณมากพอ ในขณะเดียวกันจะมีรายงานจากสื่ออีกส่วนหนึ่งซึ่งชี้ให้เห็นความมั่งคั่งของคณะกรรมการ ผู้บริหารชั้นสูงของกองทุนฯ และพลพรรคของนักการเมืองและเจ้านายที่อยู่ในต่างประเทศโดยเฉพาะในด้านการเป็นอยู่แบบหรูหราไม่ต่างกับมหาเศรษฐี การถกเถียงกันอย่างเข้มข้นเพื่อหาคนรับผิดชอบจะตามมา แต่ในที่สุดก็จะหาคนมาลงโทษไม่ได้
เนื่องจากภาพอันแสนเลวร้ายที่ฉายมานี้มีความเป็นไปได้สูงมาก สื่อจึงรายงานว่าเกิดการต่อต้านจากหลายฝ่ายรวมทั้งจากคณะกรรมการและผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย หากคณะกรรมการและผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยต่อต้านแนวคิดที่จะตั้งกองทุนฯ ชนิดหัวชนฝา เราจะเห็นว่าอีกไม่นานจะมีการเปลี่ยนตัวบุคคลในองค์กรนั้นเฉกเช่นการเปลี่ยนตัวข้าราชการผู้ใหญ่ในองค์กรอื่น เช่น กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
หากถามว่าการเขียนเช่นนี้ก็เพื่อจะชี้โพรงให้กระรอกใช่ไหม ขอตอบว่าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาย่อมแสดงให้เห็นอย่างแจ้งชัดแล้วว่า นักการเมืองเหล่านั้นมีความเชี่ยวชาญในด้านการใช้กลโกงและมีจุดมุ่งหมายในการเล่นการเมืองเพียงอย่างเดียว นั่นคือ จะทำอย่างไรให้ตัวเองและเพื่อนพ้องน้องพี่ร่ำรวยแม้จะด้วยการละเมิดกฎหมายและศีลธรรมจรรยาก็ตาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น