++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เรื่อง ไม่ยินดียินร้าย

ไม่ยินดียินร้าย คือ ไม่ยึดมั่นถือมั่น
ในโลกธรรม 8 ที่มากระทบ
มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์
ชอบก็รู้ ไม่ชอบก็รู้ รู้แล้วปล่อย
สุขก็รู้ ทุกข์ก็รู้ แล้วปล่อย
เห็นทุกอย่างเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาเสมอ
ถ้าทุกคนเข้าใจอย่างนี้ได้ ครอบครัวก็จะอบอุ่น บ้านเมืองก็จะร่มเย็นเป็นสุข
ทุกคนก็จะสบาย และเป็นสุขได้ในทุกสถานการณ์

ใครทำอะไรไม่ดี ท่านก็ไม่ให้ยินร้าย
ให้รีบโอปนยิโก น้อมเข้ามาดูตัวเอง
เตือนใจตัวเองว่า เราอย่าทำอย่างนั้น

จริง ๆ แล้ว เราก็ไม่ใช่คนสมบูรณ์
เราก็ทำให้คนอื่นไม่พอใจเหมือนกัน ไม่มากก็น้อย
พยายามรักษาความเป็นปกติ รักษาความเป็นกลาง ๆ รักษาสุขภาพใจดีของเรา
หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ พยายามปฏิบัติ เจริญสติปัฏฐาน 4 เจริญอาณาปานสติ
อยู่กับปัจจุบัน เป็นปัจจุบันธรรม

ไม่ยินดียินร้ายคือ ไม่ยึดมั่นถือมั่น
เห็นผู้หญิงสวย ชอบก็รู้ รู้แล้วก็ปล่อย ไม่ยึดมั่น ถือมั่นว่าต้องเอามาเป็นของเราให้ได้
ลูกทำอะไรไม่ถูกใจ ก็ปล่อย อนิจจัง แล้วเขาจะเปลี่ยนไปเอง เขาก็มีกรรมเป็นของเขา
เมื่อมีโอกาส เมื่อใจของเราดีแล้ว ก็ค่อยแนะนำ สอนเขา
เราต้องเป็นตัวอย่างที่ดีของลูก เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด แล้วก็ปล่อย

นี้คือ ไม่ยินดี ยินร้าย

ไม่ยินดียินร้าย ไม่ใช่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ปฏิบัติหน้าที่
ตรงกันข้าม ไม่ยินดียินร้าย เป็นสุขภาพใจที่ดี
เมื่อเรามีสุขภาพใจดี เราก็สามารถทำหน้าทีของเราได้ดีที่สุด

เราต้องทำหน้าทีของเราให้ดีที่สุดเสมอ
เป็นพ่อแม่ที่ดี เป็นพี่น้องที่ดี เป็นลูกที่ดี
เป็นนายที่ดี เป็นลูกน้องที่ดี เป็นนักการเมืองที่ดี
ทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่ เต็มความสามารถเสมอ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ด้วยอิทธิบาท 4

เมื่อเราทำดีที่สุดแล้ว
ผลจะเป็นอย่างไร ถูกใจ หรือไม่ถูกใจ
ใครจะสรรเสริญ ใครจะนินทา ก็ปล่อย
ไม่ยึดมั่น ถือมั่นว่า ฉันทำดีแล้วคนต้องชม
ฉันทำดีแล้ว ฉันต้องได้ 2 ขั้น ฉันต้องได้เลื่อนตำแหน่ง
คนดี อยู่ที่ไหน ใครจะว่าอย่างไร ก็ดีอยู่เสมอ และสามารถดำเนินชีวิตได้ด้วยความพอใจ

นี่คือ ไม่ยินดียินร้าย ไม่ยึดมั่นถือมั่น

เราค่อย ๆ ศึกษา ค่อย ๆ ฝึกปฏิบัติ
ตั้งใจแน่วแน่ที่จะรักษาสุขภาพใจที่ดีของเราเอาไว้

ยินดียินร้ายเกิดขึ้น ก็รีบระงับ
มีหิริโอตตัปปะที่จิตใจ เป็นศีลเป็นสมาธิ เมื่อทำสำเร็จ จิตใจของเราก็เป็นมัชฌิมา
เป็นปกติ เป็นสุขภาพใจดี และจะมีความสุขได้ในทุกสถานการณ์


ที่มา : หนังสือ ปีมะโรง ขอจงมีความสุข..พิมพ์ครั้งที่ 15 กันยายน 2551.. ผู้สนใจติดต่อ มูลนิธิมายา
โคตมี กทม โทร 02 676 3453

ทำบุญบ้านให้เทวดา..(เทวดาทำบุญเองไม่ได้ ต้องรอจากมนุษย์อย่างเรา)

พี่ๆ เพื่อนๆ เราไปอ่านเจอมานะจ๊ะ

ทำบุญบ้านให้เทวดา

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2546 วันนั้นได้ไปบ้านโยมผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นประธานทอดกฐินที่วัดทมอโดน ( วัดที่ประเทศเขมร) ซึ่งเป็นกฐินตกค้าง เจ้าของบ้านหลังนี้รับเป็นเจ้าภาพ ผู้เขียนซึ่งเป็นผู้อุปถัมภ์วัดนี้ ต้องเดินทางไปรับเจ้าภาพเพื่อเดินทางไปประเทศเขมรด้วยกัน
วันนั้น ต้องออกจากวัดตั้งแต่เช้าเพื่อไปฉันเช้าที่บ้านโยมเจ้าภาพ เมื่อรถแท็กซี่แล่นถึงหมู่บ้านจัดสรร ได้สังเกตเห็นสิ่งต่าง ๆ ดังนี้ หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านคนรวย บ้านแต่ละหลังอยู่ห่างกันบนเนื้อที่ 1 ไร่ สงบร่มรื่น มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา มีต้นไม้ร่มครึ้มอยู่ทั่วไป

เมื่อถึงบ้านเจ้าภาพ เจ้าของบ้านก็นิมนต์ให้ไปไหว้พระสวดมนต์เจริญภาวนาในห้องพระก่อนเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บ้าน เสร็จแล้วจึงลงมาฉันเช้าที่ห้องด้านล่าง ฉันเช้าเสร็จแล้วจึงออกเดินสำรวจดูรอบ ๆ บริเวณบ้านบนเนื้อที่ขนาด 2 ไร่ ซึ่งมีต้นไม้ทั้งขนาดเล็กและ ปานกลางอยู่ทั่วไป สังเกตเห็นว่า ต้นไม้แต่ละต้น ไม่ว่าจะเป็นต้นน้อยต้นใหญ่ มีรุกขเทวดาอาศัยอยู่เต็มไปหมด ไม่มีว่างเหลืออยู่เลย ก็เลยสวดมนต์ให้พวกเขาฟังหนึ่งพระสูตร (กรณียเมตตสูตร) พร้อมกับแปลให้เขาฟังด้วย

สักพักได้ยินเสียงของเทวดาที่เป็นเจ้าที่องค์หนึ่งกล่าวว่า “ ท่านครับ ช่วยบอกเจ้าของบ้านให้นิมนต์พระมาทำบุญที่บ้านด้วยครับ ”
ผู้เขียน “ ทำไมล่ะ ? เจ้าของบ้านเขาก็เป็นคนดีอยู่ออก เขาไม่เคยทำบุญบ้านเลยหรือ ?”
รุกขเทวดา “ ทำครับ แต่เจ้าของบ้านเขามักจะไปทำบุญนอกบ้าน ไม่ค่อยได้ทำบุญภายในบ้านเลย พวกผมซึ่งเป็นเทวดาเจ้าที่ จึงไม่ค่อยได้รับบุญกุศลสักเท่าไหร่ พวกผมอยากให้เจ้าของบ้านนิมนต์พระ มาทำบุญที่บ้านบ้าง เพราะที่หมู่บ้านแห่งนี้ ไม่มีพระมาบิณฑบาตถึง ผมอยากจะฟังพระสวดมนต์ อยากฟังพระสวด “ ธัมมะจักรกัปปวัตตนะสูตร ” บ้าง ”
ผู้เขียน “ แล้วจะให้อาตมาบอกเขาอย่างไรล่ะ ? บอกตรง ๆ คงไม่เหมาะ ”
รุกขเทวดา “ ท่านก็ใช้กุศโลบายซิครับ หรือจะเขียนลงในไตรรัตน์ก็ได้ เมื่อเจ้าของบ้านได้
อ่าน เขาคงจะเข้าใจ ”
ผู้เขียน “ เอ้า จะลองดู ถ้าไม่ได้ผล อย่าว่ากันนะ ”

เวลา 08.00 น. เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็เตรียมตัวขึ้นรถออกเดินทาง ก่อนที่เจ้าของบ้านจะ
ขึ้นรถนั้น ได้หันไปทางต้นไม้แล้วกล่าวด้วยเสียงแจ้ว ๆ น่ารักว่า “ เทวดา ดิฉันจะไปทำบุญทอดกฐินที่ประเทศเขมร อนุโมทนาบุญด้วยนะ แล้วก็ช่วยดูแลบ้านให้ด้วย แล้วจะนำบุญมาฝาก ” ผู้เขียนซึ่งนั่งอยู่คู่กับคนขับ ได้ยินดังนั้นก็อดที่จะอมยิ้มในความน่ารักและมีน้ำใจของเจ้าของบ้านไม่ได้ เมื่อรถแล่นออกมาได้สักพัก จึงได้ค่อย ๆ แอบถามเพื่อตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ จากเจ้าของบ้านว่าจะตรงกับที่เทวดาให้มาหรือไม่ เจ้าของบ้านให้ข้อมูลมาดังนี้ :

ที่บ้านหลังนี้ ไม่เคยมีพระเข้ามา 10 กว่าปีแล้ว ( พระองค์สุดท้ายที่เข้ามาที่บ้านหลังนี้คือ หลวงพ่อจรัญ จ.สิงห์บุรี) เพราะเจ้าของบ้านจะออกไปทำบุญแต่ข้างนอก ผู้เขียนเป็นพระรูปแรกในรอบ 10 ปีที่เข้ามาบริเวณรอบ ๆ หมู่บ้านนี้ไม่มีวัดอยู่แม้แต่แห่งเดียว เพราะเป็นหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงไม่มีพระมาบิณฑบาตถึง หมู่บ้านแห่งนี้ถึงเป็นหมู่บ้านคนรวย แต่เจ้าของหมู่บ้านไม่เคยทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลให้แก่หมู่บ้านเลย เพราะต่างคนต่างอยู่ (ตัวใครตัวมัน)

หลังจากกลับจากประเทศเขมรแล้ว วันต่อมา ได้มีโอกาสไปที่หมู่บ้านแห่งนี้อีก เทวดาเจ้าที่ก็มาให้ข้อมูลอีกว่า

“ หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านคนรวย ในมุมมองทางโลกนั้น ถ้ามนุษย์คนไหนได้อยู่ในหมู่
บ้านแห่งนี้ถือว่าเป็นคนไฮ-โซ (1) ถือว่าเป็นคนมีบุญ เป็นคนมีระดับ แต่ในมุมมองทางธรรมนั้น เทวดาองค์ไหนอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ถือว่าเป็นเทวดาโล-โซ (2) ถือว่ามีบุญน้อย เป็นเทวดาชั้นต่ำ เพราะไม่ค่อยมีโอกาสอนุโมทนาบุญ ไม่ค่อยได้ฟังเทศน์ฟังธรรมเหมือนเทวดา ที่อาศัยอยู่ในวัด เทวดาที่อาศัยอยู่ในวัดนั้น ไม่ว่าจะเป็นรุกขเทวดา ( เทวดาที่อยู่ตามต้นไม้) หรือภุมมะเทวดา ( เทวดาเจ้าที่) โดยมากได้ฟังพระสวดมนต์เช้า – เย็น ทุกวัน ได้อนุโมทนาบุญกับคนมาทำบุญบ่อย ๆ ได้ฟังพระเทศน์เป็นประจำดังนั้น ผมจึงขอฝากบอกข่าวนี้ไปถึง
เจ้าของบ้านผ่านพระคุณเจ้า ให้ช่วยบอกเจ้าของบ้านด้วยให้นิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์ให้เทวดาอย่างพวกผมได้ฟังบ้าง ถ้ามีการแสดงธรรมด้วยก็จะดีมาก และให้พระสวดมนต์ให้ยาว ๆ มาก ๆ หน่อย อย่างน้อยปีละครั้งก็ยังดี
ในการทำบุญนั้น ให้เจ้าของบ้านจุดธูปบอกทั้งภายในบ้าน และนอกบ้าน เชิญเทวดาที่อยู่ภายในบ้านและภายในหมู่บ้านรวมทั้งพวกสัมภเวสี 3 ที่อด ๆ อยาก ๆ ให้มารับส่วนกุศล
และทานอาหารโดยทั่วกัน ถ้าเจ้าของบ้านทำอย่างนี้ ก็จะเป็นการเพิ่มพลังบุญกุศลให้แก่เทวดา เมื่อเทวดามีบุญมาก ก็จะรักษาหรือช่วยให้คนที่อยู่ในบ้านหรือหมู่บ้านแห่งนี้อยู่กันอย่างสงบสุข ในการทำบุญภายในบ้านนั้น เทวดาทุกองค์ที่อาศัยอยู่ในที่นี้สามารถเข้ามาร่วมพิธีและอนุโมทนาได้ทั้งหมด แต่ถ้าเจ้าของบ้านไปทำบุญในวัด เทวดาที่มีบุญน้อยศักดิ์
น้อยบางองค์ ไม่สามารถไปร่วมพิธีได้ ได้แต่อนุโมทนาบุญที่เจ้าของบ้านนำมาฝาก ถ้าเข้าใจไม่ชัด ผมจะขอยกอุปมา-อุปมัยให้ฟัง ถ้าเราทำบุญที่บ้าน ญาติพี่น้องของเราสามารถเข้าร่วมพิธีได้หมดทุกคน แต่ถ้าไปทำในวัด ทุกคนจะไปร่วมพิธีทั้งหมดไม่ได้ เพราะจะต้องมีบางคนอยู่เฝ้าบ้าน ดังนั้นการนิมนต์พระมาทำบุญที่บ้าน จึงเป็นผลดีต่อเทวดาอย่างพวกผมมากกว่าทำบุญที่วัด แม้ว่าเจ้าของบ้านจะลำบากหรือเหน็ดเหนื่อยอีกนิดหนึ่งก็ตาม ”

ป.ล. อ่านแล้วอย่าเพิ่งเชื่อ พิจารณาไตร่ตรองก่อน


ข้อควรปฏิบัติ

๑. ควรทำบุญบ้านปีละครั้ง โดยนิมนต์พระให้ไปบ้าน อาจเป็นการถวายสังฆทานเฉย ๆ ก็ได้
เพื่อเป็นการเพิ่มบุญให้แก่เทวดาที่เป็นพระภูมิเจ้าที่และความเป็นมงคลแก่ที่ดินของเราเองด้วย
๒. ควรทำบุญหมู่บ้าน ชุมชน ซอย หรือคอนโดฯ ที่เราอยู่ปีละครั้ง เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แด่ปู่ย่าตายายผู้ก่อตั้งหมู่บ้าน เป็นการแสดงความกตัญญู-กตเวที และมีอานิสงส์ทำให้คนในหมู่บ้านสามัคคีกัน วิญญาณพระภูมิเจ้าที่ที่รักษาหมู่บ้านก็จะมีพลังป้องกันสิ่งชั่วร้ายได้มากขึ้น


1 High Society = คนชั้นสูง , สังคมชั้นสูง
2 Low Society = คนชั้นต่ำ , สังคมชั้นต่ำ
3 สัมภเวสี = ผู้แสวงหาที่เกิด คือผีที่ตายจากโลกมนุษย์แล้ว แต่ยังไม่ได้เกิดในกำเนิดอื่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น