รูปแบบการเลือกตั้งที่พธม.คิดก็ดีครับ จะได้มีตัวแทนของทุกภาคส่วนสาขาอาชีพจริงๆ
แ ต่ปัญหามันคือ(((จริยธรรม)))ครับ เราจะเอาอะไรมาเป็นหลักประกันว่าภาคส่วนอาชีพเหล่านั้นจะไม่ขึ้นกับพรรคการเ มืองใดอีก ปัญหาสภาผัวเมียของเราก็มีมาแล้ว ทั้งๆที่มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
ผ มติดตามการเมืองมาหลายปี ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่การต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตยนัก แต่มันสำคัญมากกว่า เพราะมันเป็นการต่อสู้เรียกร้องคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งมันควรจะถูกบรรจุให้เป็นหลักการสำคัญของประชาธิปไตยของโลกใบนี้ด้วย เพราะถ้าคนส่วนใหญ่ของประเทศเลือกคนบาปมาปกครองบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นก็จะเป็นเมืองบาปโดยชอบด้วยกฏหมายตามระบอบประชาธิปไตยที่ฝรั่ง มันอยากให้เราเป็นเหมือนมันใช่หรือไม่ มันเลยไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเราต้องมาประท้วง
เพราะประชาธิปไตยไม่มีอะ ไรมารับประกันว่ามันคือความสุขของคนทั้งประเทศ มันเป็นแค่แบรนด์ดังในการปกครองประเทศที่ส่วนใหญ่ในโลกเค้าใช้กัน ((เหมือนกับถ้าคนบนโลกใบนี้จะพูดถึงร้านกาแฟสักร้าน ทุกคนคงวิ่งหาสตาร์บัค แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะอร่อยและถูกปากคนไทยมากไปกว่าสภากาแฟบ้านเราที่ เต็มไปด้วยวัฒนธรรมของการดูแลกันของคนในสังคม ซึ่งจะต่างกับร้านกาแฟแบรนด์ดังที่ต่างคนต่างเอาโน๊ตบุคหรือไม่ก็มือถือขึ้น มาเล่นก้มหน้าก้มตาไม่สนใจใคร)) ผมรู้สึกว่าประเทศเราไม่พร้อมจะเป็นประชาธิปไตย เพราะองค์ความรู้ของคนในการมองปัญหาบ้านเมืองยังต่างกันมาก ฝรั่งหัวเราะบ้านเราว่าซื้อเสียงกันได้ด้วยหรือ แต่พอเราออกมาประท้วงนักการเมืองซื้อเสียงพวกเค้าก็กลับตำหนิเราว่าประท้วงท ำไมพวกเขามาจากการเลือกตั้ง
ถ้าวันนี้นักการเมืองของเราไม่โกงกินคงไ ม่ต้องมาเหนื่อยนั่งคิดหาทางทำการเมืองใหม่ มันน่าสงสารประเทศและสะท้อนถึงคนในชาติ ที่เรื่องคุณธรรมจริยธรรมต้องมานั่งคิดและออกกติกาเพื่อควบคุมไม่ให้คนละเมิ ด ตอนเด็กๆพ่อแม่ผมสอนเรื่องคุณธรรม จริยธรรมเป็นเรื่องของจิตสำนึก ไม่ใช่ต้องออกมาเป็นกม.บ้านเมือง
การเมืองใหม่ในความคิดผมคือการหันก ลับมามองสิ่งดีๆที่มีอยู่แต่หลงลืมและเอาหลักการตรงนั้น ศูนย์รวมตรงนั้นเป็นหลักในการบริหารประเทศ ปชต.ของเราไม่เหมือนที่อื่น เพราะเรามีกษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ฉะนั้นการเมืองใหม่ถ้าพรรคการเมือง ไหนไม่เสนอแนวคิดที่สอดคล้องกับพระราชดำรัส และโครงการพระราชดำริ และไม่ดำรงค์ตนเป็นแบบอย่างเหมือนที่พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างให้กับคนไทยก็อย ่าไปเลือก เราควรสร้างค่านิยมปชต.แบบของเราที่เอา(((พระบารมีของกษัตริย์เราที่ท่านทำไ ว้ให้เห็นแล้วเป็นตัวตั้ง))) ในการปกครองบ้านเมืองต่อไป เพราะพระองค์ท่านได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วตลอด 60 ปี วิกฤตต่างๆของชาติพระองค์ท่านมักเห็นก่อนนักการเมืองเสมอ ท่านทรงเป็นปราชญ์ทางด้านการปกครองในทุกๆมิติของสังคม เราทุกคนต่างชื่นชมในพระบารมีของพระองค์ท่านและรู้สึกมีบุญที่ได้เกิดมาในรั ชสมัยของท่าน แต่ด้วยรูปแบบการปกครองที่พระองค์ทรงอยู่เหนือการเมืองจึงทำให้ พระปรีชาสามารถของท่านถูกจำกัดไว้ด้วยประบอบประชาธิปไตยซึ่งมีนักธุกิจการเม ืองเข้ามาแล้วบอกว่าคิดใหม่ ทำใหม่ โดยลืมว่าเราเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ที่พระองค์ท่านได้วางรากฐานและแบบอย่างทางสังคมให้คนไทยมาแล้ว 60 ปี
ค ำว่าศูนย์รวมจิตใจคนไทยทั้งชาติไม่ได้กินความหมายแค่การที่คนไทยพึ่งพระบารม ีเวลาคนในชาติทะเลาะกัน ฆ่ากัน แล้วยุติลงได้ แต่หมายถึงพระบารมีที่ทรงอุสาหะทำเป็นแบบอย่างในการปกครองบ้านเมืองในทุกๆมิ ติมาตลอด 60 ปี และที่สำคัญ คุณธรรมจริยธรรม เป็นสิ่งสำคัญที่พระองค์ทรงทำเป็นตัวอย่างให้นักการเมืองเอาแบบอย่าง แต่นักการเมืองหาได้ทำตามไม่
ถึงเวลาแล้วที่การเมืองใหม่ควรเป็นการเ มืองที่ให้ความสำคัญกับประชาธิปไตย ((อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข)) เพราะนั่นคือนิยามของปชต.แบบไทยๆไม่ใช่ไปลอกต่างชาติมาทั้งตะกร้า
วิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น