ผ ศ.ดร.ประภาส กล่าวต่อไปว่าโดยส่วนตัวแล้วคิดว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวจะกระทบกับคนเล็กคนน้อยมากกว่าคนกลุ่มใหญ่ ๆ อย่างเช่นหากกลุ่มพันธมิตรฯ จะออกมาชุมนุมแล้วไม่ได้รับการอนุญาตให้ชุมนุม กลุ่มพันธมิตรฯ ก็มีพลังมวลชนมากพอที่จะกดดันรัฐบาลได้ แต่หากเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมตัวเล็ก ๆ อย่างเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ก็คงแทบจะหมดสิทธิ์ที่จะมาชุมนุมเลย เพราะการจะมาชุมนุมต้องขออนุญาตต่อเจ้าหน้าที่รัฐหรือข้าราชการ แล้วถามว่า ชาวไร่ ชาวนา ขัดแย้งกับใครก็ขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือข้าราชการทั้งนั้น แล้วจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าเจ้าหน้าที่รัฐหรือข้าราชการเหล่านั้นจะยอมให้มีการชุมนุมเรียกร้องหรือข ับไล่ตัวเอง
ด ังนั้น สิทธิทางการชุมนุมนั้น เป็นกลไกหนึ่งที่นำมาใช้เรียกร้องความชอบธรรมตามสิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิ ปไตย เรื่องนี้จึงควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางสิทธิเสรีภาพ เพราะเพียงแค่มีกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องเข้ามาควบคุมก็น่าจะเพียงพอแล้ว เช่น หากการชุมนุมมีการกล่าวหาพาดพิงกัน ฝ่ายที่เสียหายก็สามารถ ใช้ข้อกฎหมายในเรื่องของการหมิ่นประมาทมาเอาผิดได้ เป็นต้น
ด ้าน นายสมชัย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า แนวคิดในการควบคุม การชุมนุมมีมาตั้งแต่ตอนร่างรัฐธรรมนูญปี 50 แล้ว ซึ่งตอนนั้น ตนและสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย เพราะคิดว่าหากมีการออกกฎหมายที่ควบคุมการชุมนุม หรือร่าง พ.ร.บ.การจัดระเบียบการชุมนุมอย่างที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน กำลังเสนออยู่ในขณะนี้ จะเป็นการจำจัดม็อบ เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพราะหากมี พรบ.ออกมาว่า การชุมนุมจะต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งมีคณะกรรมการฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้อนุญาต ฝ่ายความมั่นคงจะยอมให้มีการชุมนุมกันง่าย ๆ หรือ เพราะฝ่ายความมั่นคงและรัฐบาลก็คงไม่อยากให้มีการชุมนุมอยู่แล้ว นอกเสียจากจะเป็นการชุมนุมเพื่อสนับสนุนรัฐบาลเท่านั้นจึงจะได้รับอนุญาต
ด ังนั้นจึงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง และคิดว่า ควรถอนร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวออกมาจากสภาก่อน เพื่อจะได้ศึกษาให้ดีว่าส่งผลกระทบอย่างไรต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนบ้าง อีกทั้งยังเป็นการลบล้างข้อครหาที่ว่าทำเพื่อรับลูก ตามนโยบายของนายกฯ หรือทำเพื่อมุ่งนำไปควบคุมการชุมนุมของพันธมิตรฯ
ด ้านนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์กรณีที่รัฐบาลจะเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ว่า การออกกฎหมายดังกล่าว คิดว่า เป็นกฎหมายเผด็จการ เพราะจะทำให้การชุมนุมใดๆ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 โดยกฎหมายดังกล่าวลอกแบบเพื่อนำมาใช้แก้ปัญหาการชุมนุมของพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ไม่ถูกต้อง และขัดกับระบอบประชาธิปไตย
“ข ัดรัฐธรรมนูญแน่นอน รวมทั้งจะทำให้การสลายการชุมนุมไม่ผิดกฎหมาย ส่งผลให้ตำรวจ ทหาร สามารถใช้ความรุนแรงได้โดยไม่มีขีดจำกัด รัฐบาลเป็นห่วงการชุมนุมของพันธมิตรฯ ว่าจะสามารถขยายการชุมนุมได้มากขึ้น และห่วงว่าจะตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลมองเป็นเรื่องอันตราย ผมคิดว่า ส.ส. ส.ว.ที่เป็นนักประชาธิปไตย รวมทั้ง ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน จะออกมาคัดค้าน เพราะคนที่คิดถึงความเป็นประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ หรือสื่อมวลชน คงไม่เห็นด้วย เพราะถ้าตัดคดีอาญา คดีแพ่ง ออกไป ความรุนแรงก็จะเกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งการกระทำครั้งนี้ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงออกทางประชาธิปไตย” นายพิภพ กล่าว
ผ ู้สื่อข่าวถามว่า การเสนอออกฎหมายดังกล่าว รัฐบาลอ้างว่าพันธมิตรฯ นำข้อมูลเท็จมาพูดบนเวที นายพิภพ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ถ้าพูดไม่ถูก หรือกล่าวเท็จ กฎหมายเปิดช่องให้ฟ้องร้องอยู่แล้ว รวมทั้งคนที่เป็นบุคคลสาธารณะ ย่อมต้องให้สังคมตรวจสอบได้ การจำกัดสิทธิของผู้ชุมนุมเหมือนกับการจำกัดสิทธิของสื่อมวลชน และจะกลายเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน
ส ่วนกรณีที่นายสมัครอ้างว่าพันธมิตรฯ กลัวการแก้ไขมาตรา 63 และ เตรียมร่างรัฐธรรมนูญไว้ที่เชียงใหม่นั้น นายพิภพกล่าวว่าเป็นเพียงการเต้าข่าวของนายสมัคร ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะมันไม่มีจริงๆ
ต ่อข้อถามว่า กรณีที่นายกรัฐมนตรีอ้างว่าพันธมิตรฯ นำเรื่องของคนไทยเชื้อสายจีนมาปลุกระดม จะเป็นการสร้างความแตกแยกของคนในชาติหรือไม่ นายพิภพ กล่าวว่า เนื่องจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เป็นคนไทยเชื้อสายจีน จึงต้องการจะบอกกับกลุ่มคนไทยเชื้อสายจีนในเรื่องของความรักชาติ ไม่ได้ต้องการให้เป็นประเด็นเรื่องของความแตกแยก
ส ่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีตั้งทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจ โดยเอาบุคคลภายนอกเข้ามาดำรงตำแหน่งนั้น นายพิภพ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องเลือกบุคคลที่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน การที่เข้ามาเป็นคณะที่ปรึกษา ต้องไม่เกี่ยวข้องหรือเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทใด ๆ เพราะถ้ามีการนำข้อมูลของรัฐบาลไปแสวงหาผลประโยชน์ นายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
“ถ้าพิสูจน์ได้ว่า การเอาคนนอกเข้ามาทำแล้วทำให้เกิดปัญหา และมีการแสวงประโยชน์ นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ” นายพิภพ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น