วันนี้ (22 ส.ค.) เวลาประมาณ 20.30 น.พลตรีจำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีสะพานมัฆวาน ย้ำถึงการบริจาคเงินสนับสนุนเอเอสทีวี ว่า หลังจากที่ได้พูดไปแล้วว่าเอเอสทีวี มีปัญหา 3 อย่าง อย่างแรก คือ เรื่องของกฏหมาย แต่เราก็เอาชนะคดีกับกรมประชาสัมพันธ์มาแล้ว แต่ยังมีคนหลงผิดว่าถูกคุ้มครองชั่วคราว อย่างที่สอง คือ การถูกสัญญาณก่อนกวนก็หายไปแล้วเช่นกัน เหลือแต่ฐานะการเงินซึ่งเป็นปัญหาอย่างที่สามเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมา คุณสนธิ ไม่เคยเล่าให้ฟังถึงปัญหานี้ แต่เนื่องจากค่าใช้จ่ายเดือนสิงหาคมค่อนข้างสูง ตนจึงได้เปิดตู้ไปรษณีย์ 100 ปณ.ราชดำเนิน เพื่อรับบริจาคเงินสนับสนุนเอเอสทีวีให้เป็นทีวีของประชาชนที่จะยทอดการชุมน ุมต่อไป
โดยหลังจากที่พูดเรื่องนี้ออกไป มีบางส่วนได้บริจาคเข้ามาแล้ว ประมาณ 400 ราย และส่งผ่านธนาณัติประมาณ 340 ราย ซึ่งล้วนแต่ไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท ซึ่งตรงนี้ อยากให้พี่น้องช่วยกันต่อ โดยจะเปิดรับถึงวันนี้ 5 ก.ย.นี้ เท่านั้น เพื่อช่วยเหลือเอเอสทีวีเป็นการเฉพาะหน้า ส่วนโครงการที่จะหารายได้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการขายข้าวสาร หรือการขายข่าวผ่านโทรศัพท์มือถือนั้น ต้องใช้เวลานานอย่างน้อย 1 เดือน กว่าจะดำเนินการได้ ดังนั้นจึงขอให้ช่วยเหลือในระยะสั้นนี้ก่อน
หลังจากนั้น พลตรี จำลอง ได้เล่าเรื่องส่วนตัวให้ผู้ร่วมชุมนุมฟังว่า เพื่อให้มั่นใจว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ ถึงเอเอสทีวีแน่นอน เพราะแกนนำทั้งหมด เรายึดมั่นความเสียสละและซื่อสัตย์มาโดยตลอด ซึ่งตนเองและภรรยานั้นไม่มีพันธะส่วนตัวอะไรอีกแล้ว สามารถทำประโยชน์ให้กับสังคมได้เต็มที่ และการที่ยึดมั่นในหลักศาสนาพุทธ คือ เชื่อว่า เกิดแล้วตายไปหลายๆ ชาติ และยังต้องเป็นแบบนี้อีกหลายชาติข้างหน้า ซึ่งชาตินี้เป็นเพียงละครสั้นๆ เท่านั้น ดังนั้น เมื่อมั่นใจแบบนี้ ก็สลัดออกซึ่งทรัพย์สินเพื่อสั่งสมอริยทรัพย์ในชาตินี้ต่อไป
“สมัยผมเป็นหนุ่ม เรียนจบใหม่ๆ ผมตั้งใจว่าจะไม่โกงทั้งต่อหน้าและลับหลัง แต่ต้องมีฐานะนำรุ่นมากกว่าเพื่อนร่วมรุ่น แล้วก็มีจริงๆ เพราะเป็นคนขยัน ได้เรียนต่อต่างประเทศ มีบ้านที่ดิน รถ หลังจากนั้น เมื่อมั่นใจว่าเราไม่เกิดชาติเดียว เราก็สลัดออก ลดทรัพย์สมบัติออกไปเรื่อยๆ ถึงบัดนี้ ผมไม่มีบ้านหรือที่ดินเป็นของส่วนตัวสักตารางวา เหลือที่ดินมรดกที่นา 3 ไร่ที่เป็นของภรรยาผมเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ผมพูดไปทั้งหมด เพื่อยืนยันว่า เงินที่ท่านส่งมาถึงเอเอสทีวีทุกบาทแน่นอน ผมและภรรยาไม่ได้เป็นคนวิเศษมาจากไหน เพียงแต่มีความตั้บใจเท่านั้นก็ทำได้ ช่วงนี้ก็ได้อาศัยนอนที่ราชดำเนินไม่เสียเงินด้วย ดังนั้น ถ้าเราช่วยกันทำได้แน่” พลตรีจำลอง กล่าว
พลตรีจำลอง กล่าวว่า อย่างที่พันธมิตรฯได้ออกประกาศฉบับล่าสุดไป เกี่ยวกับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพวกเราถามกันว่า เคยได้ยินไหมที่ในหลวงทรงตรัสว่าประเทศเราใกล้ล่มจมแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ ต้องให้ท่านบอกหรือเปล่าว่าใครควรจะออกมาทำอะไร เทียบได้ว่าเรามีคุณพ่อ คุณพ่อที่บอกเราว่าบ้านกำลังจะพัง แต่เราอยู่เฉยๆ ให้พ่อสั่งว่าต้องงัดกระดานผุออกแล้วไปจ้างช่างมา ต้องทำถึงขนาดนั้นไหม เราเองต่างหากที่ต้องลงมือทำ
“ไม่เคยมีครั้งใดที่พ่อหลวงทรงตรัสขนาดนี้ พระองค์ทรงครองราชย์มา 62 ปีแล้ว พระองค์ทรงรู้เรื่องประเทศไทยดีที่สุด บรรดานักการเมืองมาแล้วไป บางครั้งไม่ถึงเวลาก็มาก็ไปได้ ดังนั้น จึงไม่มีใครรู้ปัญหาได้ดีเท่าพระองค์ และเมื่อทรงตรัสแบบนี้ เป็นความจำเป็นของชาติแท้จริง เราในฐานที่มีหน้าที่ปกป้อง 3 สถาบัน และระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทุกคนต้องทำอย่างเต็มที่เพื่อช่วยชาติ” พลตรีจำลอง กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น