นานเท่าไหร่ ยากที่จะกำหนดได้ว่า ตะวันดวงนี้
ได้เฝ้าส่องแสงสว่างอยู่กลางเวหา...
กระแสอวกาศจะเป็นอยู่ เป็นไป อย่างไร ..ก็ไม่หวั่น หรือทดท้อ
ทุกเช้าก็เห็นกลับมาเสมอ
ด้วยการดำรงอยู่มิใช่เพียงเพื่อตน .. แต่ส่องสว่างให้ชีวิตอื่นๆนั่นเอง
ในอีกมิติหนึ่งนั้น...
ดวงตะวันหลายดวงได้ส่องสว่างกลางดวงใจ
ของเหล่าชนผู้มีใจอันประเสริฐ
ไม่ว่าจะเพลาใด ตะวันกลางใจยังคงสุกสกาวสดใส
ไม่ร้อน แต่กลับเย็นฉ่ำ และมีรัศมีกว้างไกลไม่แพ้ตะวันจริง
ผู้คนใกล้ไกลล้วนได้รับพลังแสง..แห่งเมตตากรุณานี้อย่างไม่มีแนวโน้มว่าจะหมดสิ้นไป
ด้วยเหตุแห่งมีอัปปมัญญเมตตาพรหมวิหารเป็นเชื้อไฟอยู่
...ก็ชนเหล่าใด มีตะวันอยู่กลางใจตลอดเวลา
ชนเหล่านั้นนับเป็นอริยชนโดยแท้นั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น