++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ส่งมาให้อ่านเกี่ยวกับการทำบุญ แล้วลองสังเกตตัวเองดูนะคะว่าเป็นแบบไหน...แอ้ค่ะ

ส่งมาให้อ่านเกี่ยวกับการทำบุญ แล้วลองสังเกตตัวเองดูนะคะว่าเป็นแบบไหน...แอ้ค่ะ



ไดอารี่หมอดู

หมอพีร์
ธันวาคม ๒๕๕๒

สวัสดีทุกท่านที่อ่านไดอารี่หมอดูค่ะ

สบายกันดีไหมคะ เดือนนี้มีวันหยุดค่อนข้างเยอะมาก มีโอกาสได้เที่ยวได้พักผ่อนมากขึ้นหน่อย ขับรถระวังอุบัติเหตุด้วยนะคะ มีสติ ถ้าง่วงนอนจอดก่อนอย่าเพิ่งขับค่ะ

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเจออุบัติเหตุที่ค่อนข้างรุนแรงประมาณสามสี่ที่เลยค่ะ คันแรกรถทัวร์พลิกคว่ำในท้องร่องกลางถนน คันที่สองบนทางด่วน เหตุเกิดก่อนหน้าประมาณไม่กี่นาทีแน่นอนเพราะยังไม่มีเจ้าหน้าที่มาเลย เป็นรถเก๋งคิดว่าคงแซงเสียหลักทำให้รถหมุน หน้ารถหันฟาดติดกำแพงบุบไปครึ่งหนึ่ง คันที่สามฝั่งตรงกันข้าม รถกระบะคันหนึ่งชนท้ายรถคันหน้ายับเลย คันที่สี่ไม่แน่ใจมองไม่ทันเห็นแต่รถติดมาก ไม่แน่ใจว่าเป็นแบบไหน รู้แต่ว่ารถชนกัน ยังไงปีใหม่เที่ยวกันให้สนุก รณรงค์เมาไม่ขับกันนะคะ

เมื่อวานไปวัดมา น้องเล่าให้ฟังว่าเห็นข่าวหน้าหนึ่งที่รถทัวร์พลิกคว่ำไหม วันนั้นพาคุณแม่ไปเที่ยวมาขับรถไปเจอพอดีเลย ตรงนั้นเขาเรียกกันว่าโค้งร้อยศพ มีคนบาดเจ็บแขนหักเยอะเลย น้องบอกว่ายังไม่มีคนแจ้งรถ พยาบาล ตำรวจก็ยังไม่มา วันนั้นทั้งวันเลือดท่วมตัวเลย น้องที่เล่าให้ฟังเป็นคุณหมอค่ะ เห็นบอกว่าที่ไปกันวันนั้น มีรุ่นพี่ที่เป็นหมออยู่ห้องฉุกเฉินด้วย ค่อนข้างถนัดกว่าเยอะเลย ดังนั้นปีใหม่นี้ใครขับรถก็ให้มีสตินะคะ หลวงพ่อองค์ไหน ๆ ก็ช่วยไม่ได้หรอกต้องหลวงพ่อสตินี่แหละค่ะ ตั้งไว้ในใจจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน คนที่ต้องเดือดร้อนก็จะไม่มาเจอเรา

ปีหนึ่ง ๆ ผ่านไปไวมาก เผลอแป๊บเดียวจะสิ้นปีอีกแล้ว ยังไงชีวิตของแต่ละคนในปีที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็นปีทองของใคร หรือชีวิตใครจะพบปะกับความเลวร้ายเกินกว่าจะบรรยายให้ใครต่อใครฟังได้ ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะผ่านไปแล้วค่ะ ดังนั้นถ้าคนไหนกำลังเจอความทุกข์ยังไงก็อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปไม่มีสิ่งไหนอยู่ได้นานทั้งความสุขและความทุกข์ค่ะ

มีข่าวบุญมาให้อนุโมทนากันค่ะ เมื่ออาทิตย์ก่อนมีโอกาสหยุดหนึ่งวัน ตั้งใจจะขับรถไปดูที่ที่วังน้ำเขียว เห็นรุ่นพี่เขาซื้อไว้บอกว่าถูกมาก เลยเกิดความสนใจจะไปดูบ้าง เกิดความคิดว่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาหมดค่าน้ำมันไปฟรี ๆ เลยโทรนัดเพื่อน ๆ คนอื่นมารวมพลไปทำบุญด้วยกันดีกว่า วันนั้นมีผู้ร่วมเดินทางผู้ใหญ่ห้าเด็กน้อยอีกสองคน นัดกันจัดสังฆทานติดรถคนละชุดให้เลือกเองคิดเองว่าอะไรมีประโยชน์ที่วัดจำเป็นต้องใช้บ้างและมีหนังสือประมวลธรรมเหลืออยู่เยอะเลยจัดไปวัดละชุดพอดี

ตั้งใจว่าเมื่อถึงทางเข้าเขาใหญ่เจอวัดไหนเป็นวัดแรกให้จอดเลย และไล่ ๆ ทำไปทีละวัดจนครบ วัดแรกเป็นวัดบ้านทั่วไปกุฏิยังไปเป็นไม้อยู่ ในวัดเป็นเหมือนวัดป่า หลวงพ่อที่มารับสังฆทานค่อนข้างเมตตาทำให้เกิดโสมนัสมาก และท่านชอบหนังสือที่ไปถวายมาก บอกว่าดีมากเป็นประโยชน์ ทุกคนเลยมีความสุขหน้าบานกันใหญ่ พอทำเสร็จทุกคนออกจากวัดมาอย่างมีความสุขมาก วัดแรกผ่านไปไกลมากก็ถึงวันที่สอง พระท่านกำลังช่วยออกแรงกันสร้างศาลา เลยต้องรอแป๊บหนึ่ง พอถวายเสร็จก็ปลื้มกันเหมือนเดิ ม วัดที่สามใกล้ ๆ กัน วัดนี้ไม่ปรกติเท่าไหร่ ทำให้ศรัทธาอ่อนกำลังลงนิดหน่อย แต่ไม่มากเพราะเจตนาทำบุญเพื่อทำนุบำรุงพุทธศาสนาไม่คิดอะไรมาก เพื่อน ๆ จิตใจฝ่อลงนิดหน่อย และพระที่วัดบอกว่าตอนนี้ที่วัดนี้กำลังสร้างห้องน้ำราคาเป็นล้านนะไปดูกันได้นะ ใจไม่คิดอะไรถ้าคิดว่าเป็นกุศโลบายให้คนเข้าวัด วัดที่สี่ที่ห้าโชคดีมาก ๆ เป็นวัดปฏิบัติธรรม วิปัสสนาพระป่า หลวงพ่อท่านค่อนข้างเคร่งวินัยทำให้การทำบุญเกิดปีติ และท่านก็ถามว่าเอาหนังสือมาถวายเหรอ ท่านชมว่าดี ดีมาก ตอนรับพรยิ่งทำให้รู้สึกดีมาก ๆท่านให้พรประมาณว่าให้เรามีปัญญาในการเรียนรู้ธรรมะ ธรรมใดที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ขอให้เราได้รู้ตาม เป็นประมาณนี้แหละค่ะ ปลื้มมากเพื่อนยิ้มแก้มปริเลย วัดนี้เราเจอคณะอื่นเขามาทำบุญพร้อมกับเราด้วย ที่สำคัญลูกชายไปทำบุญด้วยวันนั้นท่านเรียกให้ไปเอาพระเครื่อง ลูกชายหน้าบานเป็นจานเชิงเลยค่ะ เขาชอบพระเครื่อง เวลาได้มาจะมาฝากคุณแม่ให้เก็บสะสมไว้ให้หน่อย คนอื่นขอไม่ได้เลย ทำให้ลูกชายปีติเพิ่มขึ้นอีก ทุกคนหัวเราะในอาการดีใจออกนอกหน้านอกตาไปเข้าแถวคนแรกเลย วัดสุดท้ายรู้สึกว่าจะเป็นสาขาของวัดสังฆทานค่ะ ท่านจะสวดมนต์แบบแปลไม่เคยได้ยินเลยค่ะ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก และที่วัดยังไม่มีอะไรเลยค่ะ นอกจากศาลามุงจาก มีกุฏิเป็นแบบไม้ ๆ และที่นั่นยังมีพระฝรั่งทำให้รู้สึกว่าคนชาติอื่นเขายังสนใจ ศาสนากันเลย คนไทยมีของดีแท้ ๆ กลับไม่สนใจเลย ยิ่งสมัยนี้คนเข้าวัดน้อยลงมาก บรรยากาศทำให้เพื่อน ๆ ส่งท้ายการทำบุญด้วยใจที่มีปีติอย่างแรงกล้า รู้สึกถึงสภาวะความสุขมาก ๆ ได้เลย จำได้ว่าวันนั้นดูที่ไปก็อย่างนั้นแหละ กลับมาบ้านกำลังของความสุขล้นทะลักมาก ๆ คงเป็นเพราะได้ทำสังฆทานหลายวัดติดกัน ทำให้สัมผัสกำลังของกุศลได้ง่าย ๆ วันนั้นจิตใจเกิดความรู้สึกหมดห่วงทุกคนที่ไปทำบุญ เพราะปรกติจะห่วงกลัวเพื่อนไม่เข้าใจไม่สนใจธรรมะ หรือเอาตัวรอดไม่ได้ กลับมาวันนั้นเกิดความรู้สึกว่าทุกคนปลอดภัยแน่นอน ถามทุกคนพบว่าค่อนข้างมีมุมมองเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

เพื่อนกลุ่มที่ไปทำบุญด้วยค่อนข้างสนิทกันมาก จึงเป็นห่วงพวกเขาแม้กระทั่งจิตวิญญาณในอนาคต ช่วงหลังเพื่อน ๆ ไม่ค่อยชอบคิดทำบุญกันเอง ก็จะบอกเพื่อนเลยว่า ต่อไปนี้จะปล่อยเกาะ ไม่รบเร้าให้ทำบุญไม่บังคับให้คิดกันเองนะ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีความเป็นผู้นำกันสักที และบุญจะกระพร่องกระแพร่งหรือให้ผลในอนาคต เพื่อน ๆ จะเห็นชีวิตพีร์มาตลอด ตอนแรกชีวิตจะลำบาก หลังจากนั้นชีวิตเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

เพื่อนสงสัยกันว่า ทำไมเวลาพีร์ทำบุญถึงให้ผลในปัจจุบัน เลยถามกลับว่าใครมักจะเป็นคนริเริ่มในการทำบุญ ทำความดีก่อน ทุกคนจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าพีร์ ใครเป็นคนริเริ่มถือศีลภาวนาก่อนโดยไม่มีความสั่นคลอนเลย เพื่อนก็ถึงบางอ้อกัน ถามต่ออีกว่าเคยเห็นทำบุญเกินตัวไหม เพื่อนตอบไม่เคย ทำอย่างต่อเนื่องไหม เพื่อนตอบต่อเนื่องตั้งแต่เล็กจนโต

อีกอย่างพีร์จะเป็นคนที่มีโสมนัสในบุญค่อนข้างมากตั้งแต่เด็กจนโต เพราะจิตใจทุกครั้งที่ทำบุญ จะมีความสุขก่อนทำขณะทำหลังทำ ไม่เคยคิดว่าจะโดนหลอกเพราะเป็นแก๊งค์ หรือจะเจอพระปลอม พระไม่ดี ศรัทธาในการทำบุญไม่สั่นคลอนกับคำพูดเหล่านั้น ไม่เคยมาคิดมากว่าพระจะเอาของไปใช้ประโยชน์มากหรือเปล่า ให้แล้วให้เลยไม่หวังว่าจะเกิดอะไรหลังจากการให้

ชี้ให้เพื่อนคนแรกเห็นจิตตนเองว่าคิดมากในการทำบุญ พระดีไม่ดีคิดตลอด พอเจอพระไม่ดีจิตใจเพื่อนจะอ่อนกำลังลงมาก จิตใจการทำบุญจะเสียดายเงินที่ทำ มีความตระหนี่ เลยบอกเพื่อนว่ายิ่งเสียดายให้รีบควักเงินใส่เพิ่มลงไป เช่นจะใส่ร้อยให้เพิ่มไปอีกห้าสิบบาทก็ได้ เวลาเจอข่าวไม่ดีก็ไม่ต้องคิดมาก เพื่อนยอมรับว่าเป็นแบบนั้นจริง ๆ

ส่วนเพื่อนคนที่สองจะเป็นคนที่เวลาทำบุญอยากได้บุญมาก ประมาณว่าทำบุญเพื่อหวังให้ตัวเองรวยขึ้นสบายขึ้น พอเวลาผ่านไปชีวิตยังลำบากจะรู้สึกว่าทำไมบุญที่ทำไปไม่เห็นส่งผลเลย ทำบุญแต่ละครั้งจะเกิดความโลภบุญตลอด บอกให้เพื่อนเห็น เลยบอกให้ต่อไปนี้คิดใหม่ โดยคิดว่าทำบุญไปเพื่อบำรุงศาสนา ให้อยู่ได้นานที่สุด และเลือกของที่จำเป็นกับวัด เช่น น้ำยาขัดพื้น แปรงขัดพื้น ไม้กวาด พรมเช็ดเท้า ถุงดำใส่ของ อะไรที่เป็นประโยชน์ที่ต้องใช้ในวัดจริง ๆ จิตใจจะได้ไม่หวังให้ตัวเองสบายอย่างเดียว หรือให้ทานกับสัตว์ไม่ว่าจะเป็นปลา สุนัขข้างทาง เพราะใจจะได้ไม่หวังอะไรในการทำบุญ

ส่วนคนที่สามเป็นคนที่จะมีความสุขมาก ๆ ถ้าพระที่วัดชอบ ชมว่าของมีประโยชน์ จะปลื้มปีติมากไม่ผิดค่ะถูกแล้วค่ะ แต่ถ้าหวังคำชมอย่างเดียวไปวัดไหนท่านไม่ชมใจจะหดหู่ขึ้นมาได้ มีความหวังว่าท่านจะชอบ ท่านจะชมท่านจะใช้ มีอยู่ตัวอย่างหนึ่ง มีคุณหญิงคนหนึ่งไปทำบุญที่วัดป่าเพราะรู้มาว่าท่านปฏิบัติดีเป็นพระอรหันต์ เลยสั่งอาหารเอสแอนด์พีไปทำบุญ เผอิญพระที่วัดท่านปฏิบัติธรรมต่อสู้กับกิเลส ตักแต่แกงถุงซะเยอะ อาหารหรูเลยไม่ค่อยพร่องไปเท่ าไหร่ จิตใจเกิดอาการหดหู่ มาปรารภว่าทำไมพระที่นี่ฉันน้อยมาก อาหารไม่พร่องเลย เกิดจิตหดหู่หลังทำบุญเพราะมีความคาดหวังว่าพระจะฉันจนหมด จิตที่มีความคาดหวังว่าพระท่านจะใช้ พระท่านจะชอบ พระท่านคงเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ทำให้เกิดการหดหู่ได้ง่าย ให้แล้วให้เลยไม่ควรคาดหวังหลังจากการให้

เขาเรียกว่าหลังทำบุญไม่ควรหวังผล ว่าเขาจะได้ดี เขาจะพูด เขาจะคิดดี เขาจะชอบ เขาจะมีชีวิตที่ดี เขาจะคิดได้ เขาจะนำไปใช้อย่างมีประโยชน์ ใจที่หวังผลในการกระทำจะทำให้จิตใจหลังทำบุญไม่มีความสุข

อีกคนหนึ่งจะเกิดความรู้สึกว่าทำบุญได้น้อย ทำแต่ละครั้งจะดูถูกเงินของตัวเองที่สละออกไปเสมอ อยากแต่จะทำบุญมาก ๆ เวลาเห็นใครใส่ซองมากจะเกิดความอิจฉาที่เขามีเงินมากเอาไว้ทำบุญ จิตแบบนี้มีความอยากทำบุญมาก ไม่พอใจในบุญของตัวเอง กำลังของบุญก็เลยกระพร่องกระแพร่ง เพราะเกิดความโลภอยากทำบุญ แนะนำให้เขาเห็นอาการทางใจที่อยากได้บุญมาก อยากทำบุญมาก และให้เขาพอใจว่าอย่างน้อยที่ได้สละออกไป นี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ละความตระหนี่ได้แล้ว ไม่ควรดูถูกเงินน้อย และปล่อยให้กิเลสหลอกที่อยากทำบุญมากเพราะจะได้รวยมากกว่านี้ สภาวะจิตใจถูกครอบงำด้วยความโลภตลอด

หลังจากเจอลูกค้าบางคนเกิดสภาวะศรัทธานำหน้า อยากแต่จะทำบุญมากมีเงินเท่าไหร่เก็บไว้ทำบุญ เอาเงินเก็บมาทำบุญ ใครมาบอกบุญอดไม่ได้ที่จะทำ เริ่มทำให้คนในบ้านเกิดความทุกข์ พ่อแม่ก็ไม่เคยให้มาก ทำให้เวลาทำบุญมาก ๆ พ่อแม่เกิดความเสียดายเงิน ทำให้ท่านเกิดความรู้สึกต่อต้านศาสนาขึ้นมา ภรรยาบางคนก็หลงคิดแต่จะทำบุญ ลืมที่จะใส่ใจบ้านครอบครัว สามีเกิดขวาง ไม่อยากให้เข้าวัดขึ้นมาเพราะทำบุญเกินตัวตลอด บางคนสามีถึงขั้นไม่ให้ถือเงิน เพราะรู้ว่าต้องเอาไปทำบุญจนหมดตัวแน่ ใจที่หลงเข้าไปในบุญจนทำให้ที่บ้านเดือดร้อนก็ทำให้เกิดการกระพร่องกระแพร่งของกุศลได้เหมือนกัน

อีกคนหนึ่งรอแต่จะทำบุญกับพระปฏิบัติ พระอรหันต์ ยิ่งใครบอกว่าองค์ไหนเป็นพระอรหันต์จะวิ่งเข้าใส่เลย จิตมีความเจาะจงว่าต้องพระดี พอพระทั่วไปใจเฉย อย่างนี้ต้องเท่าทันใจตัวเองให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะทำบุญแบบเจาะจง ทำให้เวลาทำบุญที่วัดอื่น พบพระที่ไม่ดีจะเกิดการต่อต้าน คิดมากฟุ้งซ่านขึ้นมา เพราะยึดถือตัวบุคคลเท่านั้นว่าต้องดี

สังเกตใจตัวเองกันบ้างไหมคะว่าขณะ ทำบุญมีจิตใจแบบไหน มีความสุขก่อนทำ ขณะทำหลังทำหรือไม่ บกพร่องตรงไหน ให้แล้วหวังผลไหม ให้แล้วอยากได้บุญมาก ๆ ไหม ให้แล้วมีข้อแม้ไหม ถ้ามีต้องรีบแก้ไข เช่นจัดเตรียมของเองบ้าง เวลาโลภให้ลดลงหน่อย เวลาขี้เหนียวให้ใส่เพิ่มขึ้น คนทำบุญความแตกต่างทางใจภายใน ทำให้อานิสงส์แตกต่างกัน ดังนั้นต้องลองสังเกตใจขณะทำบุญกันบ้างนะคะไม่ใช่สักแต่ว่าทำไปอย่างนั้น

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ได้ว่าแนวความคิดของคุณนะครับ แต่กำลังใจของคนมันไม่เท่ากันหรอกครับ คนที่เค้าบารมีเข้มแล้วบางทีเค้าอาจต้องการทำบุญกับพระอรหันต์ หรือ พระพุทธเจ้าเลยก็ได้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ในการเข้าถึงนิพพานนะครับ ดังตัวอย่างเช่น พระพุทธองค์ ท่านบำเพ็ญบารมีมาเท่าใดกว่าท่านจะบรรลุธรรม ท่านยังได้กล่าวในพระไตรปิฎกไว้ เมื่อท่านบำเพ็ญบารมี ท่านยังต้องการไปทำบุญกับพระพุทธเจ้าองค์ที่ตรัสรู้มาก่อนเลยครับ เพราะกำลังบุญไม่เท่ากันกับทำบุญกับพระอรหันต์ ฉะนั้น บางคนบอกว่าทำบุญที่ไหนก็ได้ ก็ถูกครับ แต่สำหรับคนที่ต้องการบารมีมานับชาติไม่ถ้วนนั้นบางทีกำลังบุญแค่นี้เค้าอาจไม่พอที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายเค้าจึงต้องหาหนทางที่จะบรรลุในสิ่งที่ต้องการคือทำบุญให้ได้ผลสูงสุด ถ้าถามว่าทำบุญกับพระอรหันต์องค์เดียวกับพระที่ศีลบริสุทธิ์ทุกข้อแต่ไม่ได้บรรลุ อานิสงค์ต่างกันมั้ยครับ แล้วพระพุทธองค์ก็ไม่ได้เรียกคนที่ห่มผ้าเหลืองว่าพระนะครับ แต่ พระ ที่ท่านหมายถึงคือพระตั้งแต่ โสดาบัน ขึ้นไปถึงเรียกว่าพระ ฉะนั้นการที่บอกว่าทำแล้วเกิดปิติ ใช่ครับ ทำอะไรทำกับใครทำที่ไหนก็เกิดปิติแต่อานิสงค์หลังจากนั้นล่ะครับ เพียงพอต่อการเข้าถึงพระนิพพานหรือยัง แล้วผมกามกลับนะครับ การที่คุณบอกว่าทำวัดไหนก็ได้เพื่อต่อยอดพระพุทธศาสนาให้อยู่นานที่สุดนั้นเวลาถวายของเสร็จพระจะเอาไปทำอะไรก็เรื่องของท่าน ถ้าพระเอาเงินที่คุญทำบุญหรือของที่คุณทำบุญไปขายแลกเงินมาซื้อยาบ้าดูด เอาเงินไปเล่นการพนัน แล้วพระที่เห็นมีแค่ 1 องค์ ทำตาม แต่ทุกวัน10ปีจะมีพระที่ทำแบบนี้กี่คน แล้วกลายเป็นว่าคนที่มาบวช บวชเพื่อหาเงินมาใช้หรือบวชเพื่อดำรงไว้ซึ่งพระศาสนาครับ ความเห็นผมนั้นมันเป็นการทำลายในระยะยาวมากกว่ามั้งครับ ผมเสียดายในสิ่งที่พระพุทธองค์ท่านบำเพ็ญบารมีเพื่อมาสั่งสอนสรรพสัตว์ทั้งหลาย แต่คุณกับมองข้ามพระผู้ปฏิบัติเพื่อบรรลุกิจของสงฆ์ ถ้าพระอรหันต์ไปอยู่ตามป่าตามเขาหมดแล้วคุณบอกว่าไปทำบุญวัดไหนก็ได้งั้นผมก็ทำวัดแถวบ้านที่พระเอาเงินไปเล่นการพนัน อีก 10 ปีต่อมาพระในวัดก็เป็นอย่างนั้น ศรัทธาต่อศาสนาจะไม่เสื่อมหรอครับ ชาวบ้านที่ไหนจะอยากทำบุญ คนก็จะไม่ทำบุญ มีลูกมีหลานก็ไม่อยากให่บวช นี่ไม่เป็นการทำลายศาสนาของท่านหรือครับ พระดีๆบำเพ็ญตนจนเป็นอรหันต์พวกเรากลับมองว่าท่านไม่ฉันอาหารที่แพงทำให้ศรัทธาเราต่ำลง ปิติเราต่ำลง ขอถามหน่อยว่าทำไมคุณไม่รู้จักกาละเทสะล่ะครับ พระอรหันต์ ท่านไม่ติดในรสชาติอาหารแล้ว แล้วท่านไม่มาสนใจหรอกครับว่าอาหารที่คุณนำไปถวายจะมาจากภัตตาคารชั้น1 ท่านมองว่ามันเป็นกิเลส ท่านไม่เอากิเลสเข้าตัวหรอกครับ ผมว่าน่าจะแบนพระที่ปฎิบัติไม่ดีใครเห็นก็ไม่ต้องทำกับคนที่ปฎิบัติไม่ดีนั้นศาสนาจะได้ไม่เสื่อม ไม่ใช่ให้ๆไปเถอะก็เหมือนการสนันสนุนล่ะครับ จะพลอยบาปเพราะร่วมด้วยช่วยกันทำลายศาสนามากกว่านะครับ แค่พระที่ปฎิบัติตัวเป็นพระจริงๆ ก็หายากแล้ว ถ้าเจอก็ทำบุญกับท่านเถอะ อย่าไปทำส่งๆเลย ผมกล้ายืนยันเลยว่าพระไม่ดีน่ะมีจริงๆ จะบวชกี่ปีก็เถอะเห็นมาเยอะแล้วแม้แต่วัดที่ผมไปบวช ก็ยังมี แต่ชาวบ้านคิดแบบคุณไงครับ เค้าเลยไม่สนใจ แต่ ผมเห็น ผมคุย ผมอยู่กับพระพวกนั้นมา ผมจึงเข้าใจ ว่าเค้าบวชมาเพื่ออะไร ลองคิดๆดูกันแล้วกันนะครับ สวัสดี

    ตอบลบ