++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ชาติกำลังล่มจมในอัตราเร็วขึ้น!







โดย สิริอัญญา2 พฤศจิกายน 2551 20:01 น.

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานกระแสพระราชดำรัสเตือนคนไทยทั้งป ระเทศครั้งล่าสุดว่า ให้ระมัดระวังการใช้จ่ายเงิน มิฉะนั้นชาติจะล่มจม และชาติกำลังล่มจมแล้ว

ชาติกำลังล่มจมจริงๆ และกำลังล่มจมในอัตราที่เร็วกว่าที่คาดคิดมาก เพราะผู้ที่รับผิดชอบในการใช้จ่ายเงินยังไม่สำนึก และยังไม่น้อมนำเอากระแสพระราชดำรัสนี้ไว้เหนือเกล้าและปฏิบัติให้เป็นผลตาม ที่ทรงเตือนไว้

เ มื่อเป็นเช่นนี้จึงเป็นหน้าที่ของคนไทยทั้งประเทศที่จะต้องร่วมกันหยุดยั้งห รือขัดขวางไม่ให้ชาติล่มจม รวมทั้งอาจจำเป็นต้องกำจัดต้นเหตุที่ทำให้ชาติล่มจมให้หมดไปโดยเร็วด้วย

เพราะหากกำจัดเหตุที่ทำให้ชาติล่มจมไม่ได้ ภาวะความล่มจมก็ยังเดินหน้าต่อไป และถ้ายิ่งมีการซ้ำเติมหนักเข้าไปอีก อัตราเร่งของความล่มจมของชาติก็จะยิ่งมีอัตราเร็วขึ้นและส่งผลให้คนไทยทั้งป ระเทศ ตลอดจนชาติบ้านเมืองของเราพังพินาศฉิบหาย กระทั่งถึงชั้นลูกชั้นหลานก็อาจกู้คืนไม่ได้อีกแล้ว

ในสถานการณ์เช่นนี้รัฐบาลกลายเป็นตัวปัญหาเสียเอง จึงหมดหนทางที่จะแก้ไขปัญหาโดยพึ่งพากลไกของรัฐ

คนไทยทั้งประเทศจึงต้องตื่นขึ้นมาและสามัคคีกันกอบกู้ชาติ ถือเอาภารกิจการกู้ชาติเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุด หากกู้ชาติไม่สำเร็จก็ไม่ต้องพูดถึงการทำธุรกิจ การทำมาค้าขาย หรือการทำอาชีพอื่น เพราะต้องล่มจมตามชาติบ้านเมืองไปอยู่ดี

เ พราะสถานการณ์ที่ชาติกำลังล่มจมอยู่นี้ รัฐบาลไม่ได้ดำเนินการใดๆ อันเป็นการสนองกระแสพระราชดำรัสนั้น ยังคงเดินหน้าในอัตราเร่งเพื่อใช้จ่ายเงินอย่างไม่บันยะบันยัง นี่คือการเพิ่มอัตราเร่งที่ทำให้ชาติล่มจม ยังมินับรวมถึงการก่อวิกฤตทางการเมืองซึ่งกำลังหนักหน่วงรุนแรงใกล้จะเกิดสง ครามกลางเมืองเข้าไปทุกทีแล้ว

ในสถานการณ์นี้รัฐบาลทำอะไร? ความจริงปรากฏชัดเจนว่าทำอยู่ 4 อย่างเท่านั้น คือ เร่งแก้รัฐธรรมนูญเพื่อช่วยเหลือพวกพ้อง เร่งเข้าควบคุมครอบงำสื่อเพื่อใช้เป็นเครื่องมือช่วงชิงประชาชน เร่งใช้จ่ายเงินงบประมาณเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับการเลือกตั้งและเป็นทุนรอ นต่อไป และเร่งขยายมวลชนคนเสื้อแดงเพื่อทำให้ทั้งราชอาณาจักรนี้กลายเป็นสีแดง

ดังนั้นจึงทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญหน้ากับผลกระทบจากวิกฤตใหญ่ทางเศรษฐกิจขอ งโลกอยู่ทางหนึ่ง และจมปลักอยู่กับความขัดแย้งและความรุนแรงจากการเมือง ซึ่งกำลังจะกลายเป็นสงครามอีกทางหนึ่ง

ประเทศไทยและคนไทยจึงซวยสองซ้ำสามซ้ำ!

ความขัดแย้งในทางการเมืองนั้น เมื่อแตกแยกแตกหักถึงจุดหนึ่งแล้วก็กลายเป็นสงคราม นั่นคือสงครามกลางเมืองและสงครามประชาชน ซึ่งจะยืดเยื้อเรื้อรังนับเป็นสิบๆ ปี จะเกิดความพินาศย่อยยับในทุกภาคส่วน และจะทำให้ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศไทยที่เราเคยรู้จักอีกต่อไป

ขณะนี้ฝ่ายหนึ่งได้ตั้งกองกำลังติดอาวุธและเริ่มปฏิบัติการมากขึ้นโดยลำดับแ ล้ว จึงอาจกล่าวได้ว่าสงครามกลางเมืองได้เริ่มต้นขึ้นแล้วก็ได้

มันเป็นการเริ่มต้นเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้นมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายถึงจุดหนึ่งแล้ว ก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่จะต้องเกิดการจัดตั้งกองกำลังอาวุธต่อสู้กันขึ้น ดังที่เป็นอยู่ใน 3-4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขณะนี้

เราต้องการให้บ้านเมืองของเราขยายสถานะสงครามจาก 3-4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นมาในกรุงเทพฯ และในหลายจังหวัดทั่วประเทศอย่างนั้นหรือ? นี่คือภัยด้านความมั่นคงของประเทศชาติที่กำลังคุกคามประเทศชาติและประชาชนหน ักหน่วงรุนแรงยิ่งขึ้นกว่าทุกระยะที่ผ่านมา

ห น่วยงานด้านความมั่นคงจะใช้มาตรการป้องกันหรือแก้ไข ตรงนี้จะเป็นจุดสำคัญที่จะกำหนดสถานการณ์ และเป็นภารกิจอันสำคัญที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลย

ที่ผ่านมามักจะใช้แนวความคิดแก้ไขปัญหาในภายหลัง แล้วเป็นอย่างไรเล่า? ตัวอย่างที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้คือบทเรียนอันทรงคุณค่าว่าความเสี ยหายจะยืดเยื้อยาวนานและสุดคณานับ ชีวิตผู้คนและทรัพย์สินจะเสียหายนับไม่ถ้วนสุดจะประมาณ

ถ ึงเวลาหรือยังที่ต้องทบทวนแนวความคิดและนำแนวความคิดป้องกันปัญหามาใช้ให้ทั นท่วงที ถ้าอย่างนี้บ้านเมืองของเราก็ยังพอมีความหวังว่าจะหยุดยั้งความรุนแรงเอาไว้ ได้

จงมีความกล้าหาญ มีความเสียสละเถิด เพราะสองสิ่งนี้นี่แล้วที่จะกำกับและเป็นหลักใจในการทำความคิดให้กระจ่างว่า การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข และจะเป็นคุณูปการใหญ่ต่อบ้านเมืองและอนาคตของชาติ จะมีผลต่อการหยุดยั้งความล่มจมของชาติบ้านเมืองได้

รวมความก็คือวิกฤตทางการเมืองที่กำลังเป็นสงครามกลางเมืองนั้นจะระเบิดเถิดเ ทิงบานปลายหากใช้แนวคิดแก้ไขในภายหลัง ดังที่เป็นอยู่ใน 3-4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ถ้าปรับแนวความคิด ใช้แนวคิดในการป้องกันก็สามารถหยุดยั้งไม่ให้ชาติล่มจมได้

จะคิดอ่านตัดสินใจประการใดก็ต้องเร่งคิดเร่งทำ เพราะเวลาไม่คอยท่าอีกแล้ว และนี่ก็คือความรับผิดชอบของผู้มีอำนาจหน้าที่

ส่วนวิกฤตทางเศรษฐกิจนั้น ขณะนี้ทั่วทั้งโลกและชาวโลกทั่วไปเขาได้รับรู้ถึงภัยอันตรายที่ยิ่งใหญ่และร ุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เพราะมันเป็นวิกฤตที่ส่งผลกระทบขนาดใหญ่ รุนแรง และกว้างขวางกว่าทุกวิกฤตที่เคยเกิดขึ้นในโลก

ขณะนี้ 4 ประเทศล้มละลายไปแล้ว อีก 6 ประเทศกำลังรอคิวที่จะล้มละลายตาม และหลังจาก 6 ประเทศนี้แล้วก็ยังมีอีกหลายประเทศที่เข้าคิวต่อรอกันอยู่ ซึ่งไม่เคยมีครั้งไหนที่ประเทศต่างๆ จะเข้าแถวล้มละลายอย่างมากมายขนาดนี้เลย

มาตรการกอบกู้เศรษฐกิจทั้งในอเมริกาและยุโรปในรอบแรกที่ชาติมหาอำนาจทางเศรษ ฐกิจของโลกได้กระทำไปล้วนประสบความล้มเหลว ไม่มีผลต่อการพยุงฐานะทางเศรษฐกิจเอาไว้ได้

ม ูลค่าทรัพย์สินทุกภาคส่วน รวมทั้งมูลค่าทรัพย์สินในตลาดหุ้นของโลกยังคงจมดิ่งและไม่รู้ว่าจะถึงก้นเหว เมื่อใด ทำให้การลงทุนทั้งหมดในทรัพย์สินทุกชนิดของโลกพินาศล่มจม

ประเทศสิงคโปร์ประเทศเล็กแต่เป็นยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของเอเชียก็ง่อนแง่นใก ล้ล้มละลายเต็มที แต่โชคดีที่เขาไม่ปิดบังความจริงต่อประชาชน และได้ออกมาตรการที่เรียกว่ายาแรงที่สุดแล้ว

นั่นคือการประกาศเอาเงินสำรองของทั้งประเทศเป็นหลักประกันเงินฝากทุกบัญชี

มีผลดีอยู่ไม่กี่วันก็เกิดปัญหาขึ้นอีกแล้ว! เพราะบรรดาผู้ฝากเงินทั่วโลกเฉลียวใจคิดว่าเงินสำรองของทั้งประเทศสิงคโปร์น ั้นจะเพียงพอต่อการชำระหนี้หรือไม่

เพราะแม้เงินสำรองของประเทศสิงคโปร์จะมีมาก และทั่วโลกก็รู้ว่ามีจำนวนเท่าใด แต่ยอดรวมของเงินฝากทั้งหมดมีเท่าใดกลับไม่มีใครรู้ และคาดกันว่าอาจจะมีมากกว่าจำนวนเงินสำรองทั้งหมดเสียอีก

แล้วพวกหัวแหลมก็คิดว่าการที่สิงคโปร์ประกาศเอาเงินสำรองทั้งประเทศค้ำประกั นหนี้เงินฝากนั้นสะท้อนให้เห็นว่าสิงคโปร์รู้ไส้ของตนเองดีว่ามีเงินไม่พอชำ ระหนี้ ดังนั้นการถอนเงินฝากรอบใหม่จึงเกิดขึ้น และถ้าเป็นดังนั้นสิงคโปร์ก็อาจจะล้มละลายเช่นเดียวกัน

ป ระเทศไทยของเรา รัฐบาลมุ่งแต่จะแก้รัฐธรรมนูญ จัดงานโฟนอินให้กับพวกใส่เสื้อแดงและเร่งใช้จ่ายเงินเต็มอัตราศึกแล้ว ยังต้มตุ๋นประชาชนอีกว่าประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

นี่คือการหลอกลวงคนไทยที่อำมหิตที่สุด เพราะทำให้คนทั้งปวงตั้งอยู่ในความประมาทขาดการเตรียมตัว และในที่สุดก็จะสิ้นเนื้อประดาตัวและสิ้นชาติไปตามๆ กัน

รัฐบาลมีหน้าที่ต้องบอกความจริงกับประชาชนว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น และต้องแนะนำให้คนไทยทั้งประเทศเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้ นด้วย

สิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำโดยเร่งด่วนคือต้องยุติเมกะโปรเจกต์ทั้งหมดเพื่อหยุดก ารใช้จ่ายเงิน อันจะเร่งให้ชาติล่มจมเร็วขึ้นในทันที จะต้องทบทวนงบประมาณโดยลดหรือเลิกการใช้จ่ายเงินที่ไม่จำเป็นหรือฟุ่มเฟือย หรือได้รับผลตอบแทนไม่คุ้มค่า หรือที่ทำให้ประชาชนเป็นหนี้เป็นสินมากขึ้นในทันที

รัฐบาลจะต้องกำหนดมาตรการในการดูแลราคาผลิตผลของภาคเกษตรทั่วประเทศ ให้ขายได้ในราคาดี เพราะแม้มีวิกฤตเกิดขึ้น คนทั้งโลกก็ต้องบริโภคผลิตผล อยู่ดี และนี่ก็คือจุดแข็งของประเทศไทย หากกำหนดมาตรการถูกต้อง คนส่วนใหญ่ของประเทศก็จะอยู่รอดได้ และประเทศไทยก็จะรอดพ้นจากอันตราย

แต่สิ่งที่ควรทำไม่คิดจะทำ ยังคงมุ่งแต่จะแก้รัฐธรรมนูญและจัดงานโฟนอินให้กับคนเสื้อแดงต่อไป

ที่ร้ายกว่านั้นคือยังมีคนคิดร้ายต่อชาติบ้านเมือง คิดที่จะตั้งอภิมหากองทุน โดยจะเอาเงินฝากของทั้งประเทศซึ่งมีจำนวนประมาณ 9,800,000 ล้านบาท เพื่อไปพยุงราคาหุ้นในตลาดหุ้น

อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว นี่คือวิธีการปล้นชาติปล้นประชาชนทำนองเดียวกับวิธีการปล้นชาติในเหตุการณ์ล ดค่าเงินบาทเมื่อปี 2540 ในคราวนั้นคนกลุ่มเดียวได้ประโยชน์ร่ำรวยมหาศาล แต่ประเทศชาติพินาศล่มจม ภาคธุรกิจและคนไทยล้มละลายทั้งประเทศ

ถ ้าเอาวิธีแบบนี้มาใช้ในคราวนี้ก็จะมีผลอย่างเดียวกันกับปี 2540 คือคนกลุ่มเดียวที่รู้ไส้จะได้ผลกำไรมหาศาลในการพยุงหุ้น แต่ประเทศชาติและคนไทยจะล้มละลายทั้งประเทศอีกครั้งหนึ่ง

ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยืนหยัดคัดค้านและต่อต้านวิธีการล้างผลาญ ชาตินี้ให้ถึงที่สุด อย่ายอมจำนนหรือยินยอมผ่อนปรนใด ๆ ในเรื่องนี้เป็นอันขาด

ต ลาดหุ้นมีนักเก็งกำไรหรือนักลงทุนแค่ไม่กี่พันคน แต่จะเอาเงินของทั้งชาติไปค้ำจุนย่อมไม่ยุติธรรม ที่สำคัญมันเป็นโครงการอำมหิตที่ล้างผลาญชาติอย่างเลือดเย็นที่สุด.



ที่มา http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000130012



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น