++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

น้ำมณฑ์ น้ำตา 7ตุลาทมิฬ


หลังจากหายจากหน้าเวบไปทำหน้าที่ใช้หนี้แผ่นดิน ก็เพิ่งมีวันนี้ที่มีเวลาหายใจได้สะดวกค่ะพี่น้อง ตั้งแต่วันที่7มา ในวันนั้น ก็ได้ปฏิบัติหน้าที่ผู้ประสานงานทีมแพทย์ฉุกเฉินร่วมกับทีมคุณหมอจากรพ.ต่าง ๆ มีเรื่องราวมากมายของคนเจ็บหนัก เจ็บน้อย ที่ผ่านมือไปเก็บมาเล่าเป็นซีรีส์
ซีรีส์แรกนี้ เริ่มจากวันทมิฬวันนั้น การลุยเข้าไปรับคนเจ็บและเก็บอวัยวะของพี่น้องที่ถูกพวกเดรัจฉานในเครื่องแบ บมันทำนั้น ยามคนนี้ก็เก็บนิ้ว และชิ้นเนื้อด้วยน้ำตาที่สะกดไม่อยู่จริงๆค่ะ เลือดที่นองเต็มพื้นของพี่น้องที่เสียสละ มันจำได้ขึ้นตาติดใจจนทุกนาทีนี้ จากวันนั้นเองก็ทำให้ตัวเองบอกกับตัวเองว่า จะขอทำทุกอย่างเพื่อดูแลพี่น้องเหล่านี้ให้ได้รับความสะดวกในการรักษาไม่ว่า จะเป็นการขอย้ายรพ. เปลี่ยนหมอเพื่อให้การรักษามีประสิทธิผลมากที่สุด ถึงแม้ที่ผ่านมาจะได้หยุดเพียงวันเดียวคือวันเกิดของตนที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมพี่น้องก็สัญญาว่าจะนำพาเสียงหัวเราะและมุขฮาไม่อั้นไปแ จก แต่เชื่อมั้ยคะ ทุกครั้งที่ขึ้นรถกลับ ขับออกมานึกถึงใบหน้ารอยยิ้มของผู้กล้าเหล่านั้น น้ำตาก็ไหลแทบจะไม่หยุดในความเสียสละอวัยวะทุกชิ้นของเขา ยอมรับว่าการประสานงานมีอุปสรรคเรื่อง ความเข้าใจของแต่ละฝ่าย แต่ก็พยายามอดกลั้นและมองข้ามสิ่งนี้ไปให้หมด ตั้งใจและกำหนดใจไปที่พี่น้องทั้งหมดนั้น ทำให้ตัวเองมีแรงลุกแต่เช้าแม้จะปวดเข่ามากก็ตามค่ะ ที่บอกนี้คือ ตัวเองนี้รู้สึกขอบคุณที่พี่น้องเสียอวัยวะแทนเรา เจ็บปวดแทนเรานั่นเอง ซึ่งถ้าไม่ใช่การเสียสละของเค้า ก็อาจจะเป็นเราก็ได้ในวันนั้น เพราะขนาดเราและหมอมีทหารเสนารักษ์ลุยเข้าไปด้วย มันยังยิงสวนออกมาแบบหน้าด้านไร้มนุษยธรรมค่ะ เอ้าล่ะ วันนี้เลยเอาผู้บาดเจ็บที่ตอนนี้ น่ารักสุดๆมาฝากให้พวกเรายิ้มแย้มกันได้บ้าง ตอนนี้เค้าร่าเริงดีจากมือตบยักษ์อันล่าสุดที่ซื้อไปฝาก เรียกเสียงฮาได้พอควร ดูจากรูปละกันนะคะ พี่เค้าน่ารักมาก ส่วนซีรีส์หน้าถ้าไม่เบื่อกัน จะเอามาฝากความคืบหน้าของแต่ละคนที่หนักๆว่าตอนนี้เป็นไงบ้างนะคะ ยามสาวขอคารวะจิตใจผู้กล้าหาญทุกท่าน และไม่ว่าปัญหาหรืออุปสรรคใดๆที่เกิดขึ้น ก็จะไม่ท้อที่จะดูแลผู้บาดเจ็บทุกคนจนอาการจะหายดีค่ะ ยามสาว = น้ำมณฑ์ = น้ำตา


ที่มา http://www2.manager.co.th/mwebboard/listComment.aspx?QNumber=278253&Mbrowse=9


ผมก็อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ช่วงเช้า(อยู่ตรงแยกพิชัย ) มันน่าเจ็บใจ แค้นใจ เรามือเปล่าๆ มันยิงเราเหมือนหมูเหมือนหมา ซึ่งช่วงเช้ายังพอฟังเหตุผลของมันได้ว่า มันจะเปิดทางให้รัฐบาลเข้าไปแถลงนโยบายในสภา
แต่ช่วงสายนี่สิ บริเวณแยกลานพระบรมรูป มันไม่มีเหตุผลอะไรที่มายิงพวกเราเลย เพียงเพราะพวกเราเดินผ่านเพื่อจะไปร่วมสมทบกับพี่น้องที่หน้าสภา
ส่วนช่วงบ่ายถึงเย็น ก็อ้างว่าเปิดทางให้สส.ออกจากสภา ก็ยังพอฟังเหตุผลของมันได้
แต่ช่วงค่ำจนถึงห้าทุ่มนี่สิ มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลย ที่ระดมยิงใส่พวกเรา แถมยังใช้อาวุธหนัก จนทำให้เราต้องสูญเสียน้องโบว์
ห ลังจากเหตุการณ์วันนั้น ผมก็หนีไปทำใจอยู่ลาวมา3วัน(แฟนผมเป็นคนลาว) ไม่รับรู้ข่าวสารมา3วัน(มันรับไม่ได้) กลับเข้าทำเนียบคืนวันที่11 และไม่ได้คุยกับใครเรื่องเหตุการณ์วันที่7อีกเลย มันพูดไม่ออก แต่ได้ยินพี่คนนึงปลอบพี่ผู้ชายอีกคนที่กำลังคั่งแค้นว่า ให้ใจเย็นเราชุมนุมโดยสันติอหิงสามาร้อยกว่าวันแล้ว ถ้าเราออกไปจัดการกับตำรวจตามสี่แยก(คิดเหมือนผม) จะทำให้งานใหญ่พัง เลยคิดได้และพยายามทำใจ


จาก tounyka (tounyka สมาชิก)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น