แล้วเราจะอยู่กันยังไงล่ะพี่ ถ้าไม่มีพันธมิตร ไม่มีเอเอสทีวี" เสียงและสีหน้าละห้อยของภรรยาผมในเย็นวันหนึ่งทำให้ผมฉุกคิดอยู่ลึกๆในใจ "แล้วพ่อแม่เราที่เมืองไทยล่ะ จะอยู่กันอย่างไร" ทุกวันนี้ แม้แกจะเดินไม่ค่อยไหวแต่หัวใจแกผูกติดกับเอเอสทีวีอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโม ง แกจะตัดใจหลับก็เฉพาะตอนคุณสุริยะใสร้องเพลงเท่านั้นแหละครับ
"พี่ เก่งจังเลย เขียนไปเร็ว เขียนไปเลย" ภรรยาผมกระโดด เต้นแร้งเต้นกาอย่างกะแม้วเจอลิเดียอย่างนั้นแหละ เมื่อผมบอกเธอว่าอยากเสนอแนวคิด"ข้าวพันธมิตร" ให้เธอทราบ
คงไม่ต้อง สาธยายแนวคิดนี้หรอกนะครับ จะเรียกข้าวพันธมิตร หรือข้าวถุงพันธมิตร ก้อแล่วแต๊...มันก็คือความคิดเล็กๆของผมที่อยากเห็นพันธมิตรและเอเอสทีวีอยู ่ต่อไปอย่างยั่งยืน
ข้อสนับสนุนแนวคิดนี้มีดังนี้ครับ
๑. ไม่ว่าชาติใด ศาสนาใด กินข้าวหมด ข้าวย่อมเป็นสินค้าที่มีความต่อเนื่องในการบริโภคตราบที่มนุษย์ชาติยังคงดำรงอยู่
๒. พวกเราชาวพันธมิตรและครอบครัวมีกว่าสิบล้านคน กลุ่มลูกค้าผู้บริโภคข้าวเป้าหมายทั้งสิ้น โดยเฉพาะคุณสุภาพสตรีซึ่งเป็นคนจ่ายตลาด เป็นพวกเราทั้งนั้น ใช่ไหมพี่น้อง(เฮ....)
๓. ยังไงเราก็ต้องซื้อ ถ้าช่วยกันซื้อข้าวพันธมิตรแทนข้าวยี่ห้ออื่นๆ พันธมิตรก็สามารถอยู่ช่วยพวกเราต่อไปได้อย่างยั่งยืน โดยพันธมิตรเป็นเพียงผู้จัดจำหน่ายข้าว โดยมีกำไรแน่นอนและเป็นธรรม ขายตรงให้สมาชิก ไม่ต้องไปพึ่งห้างสรรพสินค้าหน้าเลือดใดๆ พวกเราสั่งซื้อเก็บไว้ทีละ ๕-๑๐ ถุงพันธมิตรก็จัดส่งให้ทั่วประเทศ ดีไม๊พี่น้อง(เฮ...)
๔. พันมิตรมีกำไรก็ไปโฆษณา ประชาสัมพันธ์ผ่านเอเอสทีวีและสื่อผู้จัดการ เอเอสทีวีก็อยู่ได้ ใช่ป่าว กำไรของพันธมิตรก็จะได้ไม่ต้องมีมาก ไม่ต้องไปเสียภาษีให้พวกโกงชาติมันแด๊ก
๕. พวกพันธมิตรนินจา (คือพวกสนับสนุนแต่ไม่เปิดเผยตัว)จะได้มีช่องทางสนับสนุนได้ก่อนกำลังจะตายตาหลับ
๖. คุณสนธิจะได้ชะลอโครงการตั้งบริษัทเพลง เพราะพวกเรายังไม่พร้อมจะบริโภคแนวเพลงสุริยะใส...อมร...และสำราญ ใช่ป่าวพี่นัอง(เฮ..)
๗. พวกการเมืองเข้ามาแกล้งสินค้าตัวนี้ยากครับเพราะฐานมวลชนมีมากและกระทบภาคเกษตรกรและรากหญ้าทั้งมวล
ผ มเชื่อว่าแผนธุรกิจสำหรับโครงการนี้นั้นไม่ยาก ทุกคนในประเทศสามารถสนับสนุนได้ไม่ว่ามีหรือจน สามารถหาแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสนับสนุนได้ทันที ผมอยากให้คุณสนธิลองถามพวกเราดูว่าเราสามารถช่วยกันจองทันทีหนึ่งแสนถุงได้ห รือเปล่า รับรองไม่มีปัญหาครับ
อยากให้เป็นไปได้จัง โอมเพี๊ยง มีใครเห็นด้วยรึป่าว
เห็นด้วยอย่างยิ่ง จากลูกชาวนา
คนไทยถูกครอบง ำจากกลุ่มธุรกิจผูกขาด และกลุ่มธุรกิจนั้นก็ครอบงำการเมืองเพื่อรักษาอำนาจผูกขาด กลุ่มพันธมิตรต้องพัฒนาไปสู่การรวมตัวกันในหลายๆด้านของการดำเนินชีวิต ซึ่งในทางการเมืองคือเกิดเอกภาพในทางนโยบายในทางการเมือง ซึ่งการเมืองไทยไม่เคยมีมาก่อน จึงเกิดอำนาจแบบเลือกตัวแทนแบบเซ็นเช็คเปล่าในการเลือกตั้ง กลุ่มพันธมิตรอาจพัฒนาไปกระทำ และสนับสนุนองค์กรในทางธรกิจเดียวกัน(แต่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจให้ตร งกัน มิฉะนั้นแพจะแตกเพราะมองว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ ทำให้อุดมคติของการชุมนุมที่ดีเสียไป)
ผมเป็นลูกชาวนารู้ว่า ข้าวถูกผูกขาดจากกลุ่มพ่อค้า ราคาขายจากชาวนาถึงผู้บริโภคมันมีส่วนต่างถึง 2 เท่า, และรายละเอียดของคววามแตกต่างของข้าว ที่จะทำให้มีคุณภาพ ทางการตลาดยังมีอีกมาก เช่นข้าวชนิดนี้จะได้รับการประกันคุณภาพจากชาวนาถึงผู้บริโภคแบบไม่ปลอมปน, การทำการเกษตรแบบปลอดสารพิษ เป็นต้น
ลองคิดเชื่อมโยงกับโครงการโรงสี ย่อย ของโครงการในพระราชดำหริ จากชาวนา สู่การเป็นข้าวถุงของพันธมิตรสู่กลุ่มผู้บริโภค ในราคาที่เป็นธรรม มันน่าสนใจจริงๆ เพราะจะทำให้กลุ่มทุนผูกขาดต้องลดบทบาทของตนเองลงไป
ขอแค่นี้แต่ต้องช่วยกันนำเสนอต่อไปให้กับกลุ่มพันธมิตร
from http://www2.manager.co.th/mwebboard/listComment.aspx?QNumber=265773&Mbrowse=9
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น