++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ข้้าวพันธมิตร ต่อยอดความคิดคุณสนธิเพื่อพันธมิตรที่ยั่งยืน

แล้วเราจะอยู่กันยังไงล่ะพี่ ถ้าไม่มีพันธมิตร ไม่มีเอเอสทีวี" เสียงและสีหน้าละห้อยของภรรยาผมในเย็นวันหนึ่งทำให้ผมฉุกคิดอยู่ลึกๆในใจ "แล้วพ่อแม่เราที่เมืองไทยล่ะ จะอยู่กันอย่างไร" ทุกวันนี้ แม้แกจะเดินไม่ค่อยไหวแต่หัวใจแกผูกติดกับเอเอสทีวีอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโม ง แกจะตัดใจหลับก็เฉพาะตอนคุณสุริยะใสร้องเพลงเท่านั้นแหละครับ

"พี่ เก่งจังเลย เขียนไปเร็ว เขียนไปเลย" ภรรยาผมกระโดด เต้นแร้งเต้นกาอย่างกะแม้วเจอลิเดียอย่างนั้นแหละ เมื่อผมบอกเธอว่าอยากเสนอแนวคิด"ข้าวพันธมิตร" ให้เธอทราบ

คงไม่ต้อง สาธยายแนวคิดนี้หรอกนะครับ จะเรียกข้าวพันธมิตร หรือข้าวถุงพันธมิตร ก้อแล่วแต๊...มันก็คือความคิดเล็กๆของผมที่อยากเห็นพันธมิตรและเอเอสทีวีอยู ่ต่อไปอย่างยั่งยืน

ข้อสนับสนุนแนวคิดนี้มีดังนี้ครับ

๑. ไม่ว่าชาติใด ศาสนาใด กินข้าวหมด ข้าวย่อมเป็นสินค้าที่มีความต่อเนื่องในการบริโภคตราบที่มนุษย์ชาติยังคงดำรงอยู่

๒. พวกเราชาวพันธมิตรและครอบครัวมีกว่าสิบล้านคน กลุ่มลูกค้าผู้บริโภคข้าวเป้าหมายทั้งสิ้น โดยเฉพาะคุณสุภาพสตรีซึ่งเป็นคนจ่ายตลาด เป็นพวกเราทั้งนั้น ใช่ไหมพี่น้อง(เฮ....)

๓. ยังไงเราก็ต้องซื้อ ถ้าช่วยกันซื้อข้าวพันธมิตรแทนข้าวยี่ห้ออื่นๆ พันธมิตรก็สามารถอยู่ช่วยพวกเราต่อไปได้อย่างยั่งยืน โดยพันธมิตรเป็นเพียงผู้จัดจำหน่ายข้าว โดยมีกำไรแน่นอนและเป็นธรรม ขายตรงให้สมาชิก ไม่ต้องไปพึ่งห้างสรรพสินค้าหน้าเลือดใดๆ พวกเราสั่งซื้อเก็บไว้ทีละ ๕-๑๐ ถุงพันธมิตรก็จัดส่งให้ทั่วประเทศ ดีไม๊พี่น้อง(เฮ...)

๔. พันมิตรมีกำไรก็ไปโฆษณา ประชาสัมพันธ์ผ่านเอเอสทีวีและสื่อผู้จัดการ เอเอสทีวีก็อยู่ได้ ใช่ป่าว กำไรของพันธมิตรก็จะได้ไม่ต้องมีมาก ไม่ต้องไปเสียภาษีให้พวกโกงชาติมันแด๊ก

๕. พวกพันธมิตรนินจา (คือพวกสนับสนุนแต่ไม่เปิดเผยตัว)จะได้มีช่องทางสนับสนุนได้ก่อนกำลังจะตายตาหลับ

๖. คุณสนธิจะได้ชะลอโครงการตั้งบริษัทเพลง เพราะพวกเรายังไม่พร้อมจะบริโภคแนวเพลงสุริยะใส...อมร...และสำราญ ใช่ป่าวพี่นัอง(เฮ..)

๗. พวกการเมืองเข้ามาแกล้งสินค้าตัวนี้ยากครับเพราะฐานมวลชนมีมากและกระทบภาคเกษตรกรและรากหญ้าทั้งมวล

ผ มเชื่อว่าแผนธุรกิจสำหรับโครงการนี้นั้นไม่ยาก ทุกคนในประเทศสามารถสนับสนุนได้ไม่ว่ามีหรือจน สามารถหาแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสนับสนุนได้ทันที ผมอยากให้คุณสนธิลองถามพวกเราดูว่าเราสามารถช่วยกันจองทันทีหนึ่งแสนถุงได้ห รือเปล่า รับรองไม่มีปัญหาครับ

อยากให้เป็นไปได้จัง โอมเพี๊ยง มีใครเห็นด้วยรึป่าว


เห็นด้วยอย่างยิ่ง จากลูกชาวนา

คนไทยถูกครอบง ำจากกลุ่มธุรกิจผูกขาด  และกลุ่มธุรกิจนั้นก็ครอบงำการเมืองเพื่อรักษาอำนาจผูกขาด  กลุ่มพันธมิตรต้องพัฒนาไปสู่การรวมตัวกันในหลายๆด้านของการดำเนินชีวิต  ซึ่งในทางการเมืองคือเกิดเอกภาพในทางนโยบายในทางการเมือง  ซึ่งการเมืองไทยไม่เคยมีมาก่อน  จึงเกิดอำนาจแบบเลือกตัวแทนแบบเซ็นเช็คเปล่าในการเลือกตั้ง  กลุ่มพันธมิตรอาจพัฒนาไปกระทำ และสนับสนุนองค์กรในทางธรกิจเดียวกัน(แต่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจให้ตร งกัน  มิฉะนั้นแพจะแตกเพราะมองว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ ทำให้อุดมคติของการชุมนุมที่ดีเสียไป)

ผมเป็นลูกชาวนารู้ว่า ข้าวถูกผูกขาดจากกลุ่มพ่อค้า ราคาขายจากชาวนาถึงผู้บริโภคมันมีส่วนต่างถึง 2 เท่า,  และรายละเอียดของคววามแตกต่างของข้าว ที่จะทำให้มีคุณภาพ ทางการตลาดยังมีอีกมาก เช่นข้าวชนิดนี้จะได้รับการประกันคุณภาพจากชาวนาถึงผู้บริโภคแบบไม่ปลอมปน, การทำการเกษตรแบบปลอดสารพิษ เป็นต้น

ลองคิดเชื่อมโยงกับโครงการโรงสี ย่อย ของโครงการในพระราชดำหริ จากชาวนา สู่การเป็นข้าวถุงของพันธมิตรสู่กลุ่มผู้บริโภค ในราคาที่เป็นธรรม มันน่าสนใจจริงๆ เพราะจะทำให้กลุ่มทุนผูกขาดต้องลดบทบาทของตนเองลงไป

ขอแค่นี้แต่ต้องช่วยกันนำเสนอต่อไปให้กับกลุ่มพันธมิตร


from http://www2.manager.co.th/mwebboard/listComment.aspx?QNumber=265773&Mbrowse=9 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น