++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ต้นกำเนิดการล้างพิษตับในประเทศไทย อ.แก่นฟ้า แสนเมือง

ต้นกำเนิดการล้างพิษตับในประเทศไทย อ.แก่นฟ้า แสนเมือง กว่าไวรัสตับอักเสบบีจะหายขาด ทดลองมามากมายหลายวิธีหลายปี จนกระทั่งค้นพบการล้างพิษตับที่ผ่านการวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์

อาจารย์แก่นฟ้า แสนเมือง สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีด้านวิศวกรรม–ไฟฟ้า จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เคยทำงานบริษัทเงินเดือนสูง และมีประสบการณ์ในการทำงานด้านสังคมสงเคราะห์กับองค์กรกาชาดสากล ภายหลังตรวจพบว่าป่วยด้วยโรคไวรัสตับอักเสบบีขั้นรุนแรง แพทย์แจ้งว่ารักษาไม่หายจึงลาออกจากงาน ขณะนั้นมีอายุ 29 ปี

ทันทีที่ทราบว่าไม่มีทางรักษาให้หายขาดจากโรคได้ อาจารย์แก่นฟ้าจึงตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายที่ศรีสะเกษ เพราะเป็นจังหวัดที่ยากจนที่สุด เพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์กับสังคมให้มากที่สุด (ทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว) โดยนำความรู้ความสามารถไปช่วยเหลือชุมชนที่ศรีสะเกษ ด้วยการให้ความรู้กับเด็กๆ พาชาวบ้านทำไร่ ทำนา ทำสวน โดยเลือกอาศรมสันติอโศกเป็นแหล่งพักพิงหลัก เหตุผลคือเมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิตยังมีพระอยู่ใกล้ๆ

ระหว่างใช้ชีวิตอยู่ที่อาศรมสันติอโศก ได้ศึกษาหาวิธีต่างๆ เพื่อรักษาตนเอง แต่ก็ไม่พบ ผ่านมา 5 ปี ยังมีชีวิตอยู่ มีคนแนะนำให้ไปรักษากับหมอต่างๆ ด้วยสูตรสมุนไพรมากมาย ทำให้มีความรู้ด้านสมุนไพร จนสามารถปลูกสวนสมุนไพร และผลิตยาขายนำรายได้เข้าชุมชน

นอกจากตะเวนรักษาในประเทศแล้ว มีคนพาอาจารย์แก่นฟ้าไปรักษาที่ต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไต้หวัน ซึ่งมีการบูรณาการความรู้ด้านการแพทย์ตะวันออกกับการแพทย์ตะวันตกเข้าด้วยกัน กล่าวคือ อธิบายเหตุผลทางการแพทย์แบบตะวันตก โดยใช้ศาสตร์ตะวันออก รักษาโรคต่างๆ ที่แพทย์แผนปัจจุบันรักษาไม่ได้ ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น กัวซา ปาก้วน ฝังเข็ม กดจุด สมาธิหมุน ดนตรีบำบัด เป็นต้น ตัวอย่างโรคที่รักษา เช่น มะเร็ง ตับ เบาหวาน ความดัน

หลังผ่านการทดลองรักษาตัวเองด้วยวิธีการต่างๆ จำนวนมากและต่อเนื่องก็ยังไม่หาย อาจารย์แก่นฟ้าจึงหันมาปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหาร โดยเน้นเรื่องอาหารบำบัด การอดอาหาร รับประทานน้ำ ผักปั่น สูตรไหนดีทำทุกอย่าง ทว่า อาการมีแต่ทรงกับทรุดสลับกันไป

สุดท้ายจึงหันมาใช้แนวทางแม็กโครไบโอติกส์ ซึ่งเป็นแนวคิดเกี่ยวกับความเป็นอยู่ที่ดี ครอบคลุมทั้งด้านอาหารการกินและวิถีชีวิตทุกด้าน เช่น การออกกำลังกายที่เหมาะสม การมองโลกในแง่ดี และอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ อาจารย์แก่นฟ้าจึงมานั่งทบทวนกับตัวเองว่า การทดลองทำคนเดียวไม่น่าจะได้ผล ควรมีการรวมกลุ่มกันทำ เพื่อช่วยเหลือและให้กำลังใจกัน

บังเอิญมีพระรูปหนึ่งที่ชำนาญเรื่องการจัดคอร์สสุขภาพ ทราบว่าอาจารย์แก่นฟ้ามีองค์ความรู้ด้านนี้ดี จึงชวนให้ช่วยจัดคอร์สสุขภาพที่ประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ จากประสบการณ์ครั้งนั้น อาจารย์แก่นฟ้าจึงนำรูปแบบคอร์สสุขภาพดังกล่าว มาจัดครั้งแรกสำหรับชาวสันติอโศก ที่โรงเรียนผู้นำ จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมทดลองทำกับตัวเองด้วย แต่อาการป่วยก็ยังไม่หาย

อ.ขวัญดิน สิงห์คำ และหลาน ได้ทราบถึงวิธีล้างพิษตับจากมาเลเซีย ซึ่งนำมาจากเยอรมัน โดย Dr. Andreas Moritz ชาวเยอรมันได้นำวิธีล้างพิษตับโดยใช้น้ำมันมะกอกมาจากโบราณ มีทั้ง โรมัน จีนโบราณ และอายุรเวชของอินเดีย ซึ่งมีมากว่าห้าพันปีแล้ว Dr. Andreas Moritz นำมาเผยแพร่ในโลกยุคปัจจุบันเมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา อาจารย์แก่นฟ้าก็ได้ทดลองทำแต่ช่วงแรกๆ ยังไม่สำเร็จ

อ.แก่นฟ้า จึงมานั่งทบทวนใหม่อีกครั้ง โดยนึกถึงเครื่องยนต์หรือรถยนต์ว่า จะมีวิธีใดที่ทำให้เครื่องยนต์ใช้งานได้ดีและสะอาด คำตอบที่ได้คือการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ดังนั้น การรับประทานอาหารสุขภาพอย่างเดียวจึงไม่ใช่คำตอบ เพราะร่างกายคนเราเปรียบเหมือนโรงงานขนาดใหญ่ ควรจะมีการล้างเครื่องบ้าง

อาจารย์แก่นฟ้าวิเคราะห์ต่อว่า อวัยวะส่วนใดบ้างที่น่าจะเป็นปัญหา พบว่าอันดับแรกคือทางเดินอาหาร การทำดีท็อกซ์ล้างได้เฉพาะลำไส้ใหญ่ ส่วนการล้างลำไส้เล็กนั้น จากการศึกษาตำราต่างประเทศและทดลองทำกับตนเองพบว่ามี 2 วิธี คือใช้ยาถ่าย ซึ่งจะระคายเคืองในระยะยาว (ถ้ารับประทานบ่อย) หากรับประทานมากไป ต้องเปลี่ยนยาถ่ายตลอด

อีกวิธีคือใช้สมุนไพร ที่มีฤทธิ์คล้ายไม้กวาด ซึ่งได้ผลดีและใช้มาถึงปัจจุบัน ส่วน “ความมัน” ที่อยู่ในปากนั้นมีมาก การใช้น้ำยาบ้วนปากไม่สามารถล้างออกได้หมด ต้องใช้ออยล์พูลลิ่ง (oil pulling) ให้ผลดีกว่า เพราะไขมันจากน้ำมันมะพร้าวจะดูดเอาไขมันที่มีเชื้อโรคปะปนอยู่ในน้ำลายออกมา

สุดท้ายส่วนสำคัญที่สุดคือตับ ซึ่งมี 3 วิธี คือ อดอาหาร ล้างลำไส้ และล้างตับ
พิษที่ส่งผลกับร่างกายมากที่สุดคือ “พิษที่ตับ” เพราะไม่ทราบว่าจะเอาพิษออกได้อย่างไร (พิษสะสมที่เกิดจากทางการแพทย์ก็มาก) จากการศึกษาตำราอายุรเวชที่มีบันทึกไว้หมื่นปีมาแล้วพบว่า ยาที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือ น้ำมันพืชผสมผลไม้รสเปรี้ยว

งานวิจัยของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอบกินส์ระบุว่า ใช้น้ำมันมะกอกผสมน้ำมะนาวดื่ม ช่วยขับนิ่วออกได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ในประเทศเยอรมันและอังกฤษก็ใช้วิธีนี้เมื่อ 300 ปีที่แล้ว อาจารย์แก่นฟ้าจึงนำความรู้ที่ได้มาสังเคราะห์ว่าจะรับประทานอย่างไรดี

เริ่มจากการล้างพิษตับด้วยตัวเอง ครั้งแรก-ไม่ได้ผล อาจเป็นเพราะธาตุแข็ง ครั้งที่สอง-ไม่ได้ผลอีก ครั้งที่สาม-ลองผสมผสานหลายวิธี เช่น อดอาหารก่อนกี่วัน ล้างลำไส้ก่อนกี่วัน แล้วจึงดื่มน้ำมันมะกอก ซึ่งได้ผลคือ เป๊ะเลย ! สิ่งที่ร่างกายขับถ่ายออกมา มีทั้งไขมัน เม็ดสีเหลือง สีเขียว ซึ่งออกมาเป็นจำนวนมาก จากนั้นทำดีท็อกซ์ต่อ ครั้งนั้นรู้สึกมีกำลังใจ และมีพลังขึ้นทันทีจากที่อ่อนเพลีย

หลังล้างพิษตับได้ 4-5 วัน มีคนทักว่าหน้าตาสดใสขึ้น ปากมีสีแดง อาจารย์แก่นฟ้าจึงชักชวนให้ญาติมิตรและคนในวัดทำกัน และได้ผลดีมาก จึงจัดเป็นคอร์สโดยใช้เวลาพัฒนามา 5 ปีแล้ว การจัดคอร์สขึ้นมา เพื่อสร้างสังคมสิ่งแวดล้อม เป็นกำลังใจให้กันและกัน การทำเองคนเดียวอาจไม่สำเร็จ ใครเคยทำแล้วจะมีความรู้ สามารถทำเองได้ที่บ้านได้ ถ้าทำสัก 4-5 ครั้ง จะสามารถช่วยแนะนำหรือช่วยเหลือคนอื่นได้ด้วย

จากการที่ อ.แก่นฟ้าทดลองกับตัวเอง และร่วมพัฒนาสูตรกับ อ.ขวัญดิน สิงห์เมือง จนปัจจุบันผ่านมาประมาณ 20 กว่าปี อ.แก่นฟ้า หายเป็นปรกติ และเผยแพร่หลักสูตรล้างพิษตับให้คนทั่วไปทั้งที่ยังไม่ป่วย ได้รู้จักและบำบัดดูแลตัวเองตามแนวธรรมชาติ

อาจารย์แก่นฟ้า และอาจารย์ขวัญดิน ย้ำว่า ผู้ที่ต้องการล้างพิษตับควรเข้าคอร์สเพื่อเรียนรู้วิธีการ และทดสอบว่าตนเองจะเกิดอาการแพ้อะไรบ้างไหม เพราะในคอร์สจะมีผู้เชี่ยวชาญดูแลแก้อาการให้ อย่าไปทดลองด้วยตนเอง เพราะหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นจะไม่มีใครช่วยเหลือ อาการที่อาจจะเกิดคือ ซ่านพิษ – ลมตีขึ้น – อึดอัดท้อง – ตัวเย็น – ช็อคเฉียบพลัน – อาเจียน ฯลฯ

*** หมายเหตุแอดมินชีวอโรคยา: จากการประสบการณ์ล้างพิษตับและจัดคอร์สมาตั้งแต่ปี 2555 ในทุกคอร์สจะมีผู้เกิดอาการต่างๆ ประมาณ 1 – 5 คน โดยไม่จำกัดอายุ เพศ ความอ้วน-ผอม เรียกได้ว่าไม่ทราบเลยว่าใครจะเกิดอาการบ้าง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น