++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รร.อิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค เบื้องหลัง “ประตูที่ปิดตาย”

รร.อิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค เบื้องหลัง “ประตูที่ปิดตาย”

โรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค
ได้ประกาศปิดกิจการอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 30 กันยายน
ที่ผ่านมา แต่วันสุดท้ายของโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทยที่ปิดดำเนินการจริง คือ วันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา ท่ามกลางบรรยากาศอาลัยของแขกที่มาใช้บริการและเหล่าพนักงานที่เหลืออยู่

จากช่วงแรกที่เจ้าของโรงแรมเคยประกาศไว้ว่าอีก 2 ปี จึงปิดโรงแรมเพื่อปรับปรุง แต่เพียง
หนึ่งเดือนผ่านไป ผู้บริหารก็
เปลี่ยนใจและตัดสินใจปิดโรงแรมทั้งหมดภายในหนึ่งเดือนต่อมา
ดังนั้นช่วง 1 เดือนที่เหลือก่อนปิดกิจการ จึงกลายเป็นความโกลาหลอลหม่านไปทั้งโรงแรม
ประการแรก คือ เร่งรีบดำเนินการจ้างพนักงานทั้ง 800 คนให้ออก
ในสภาพที่ทุกคนไม่ทันตั้งตัว

ประการต่อมา คือ การจัดหาที่พักใหม่ให้กับลูกค้าทั้งประเภท
สายการบินที่ทำสัญญาพักเป็น
รายปี รวมถึงลูกค้า Longstay ที่พักอยู่กับโรงแรมแห่งนี้เป็นเวลานาน จนเหมือนบ้านหลังที่สองไปแล้ว

ในวันหนึ่งของการ morning brief ที่มีประจำทุกเช้า มีการอ่านจดหมายของแขกฝรั่งคนหนึ่งที่พักกับโรงแรมมานานกว่า 10 ปี เมื่อ
รู้ว่าโรงแรมจะปิดทำการในอีก
หนึ่งเดือนข้างหน้า เขาจึงเขียนจดหมายอำลาอาลัยว่า
“ ผมเสียใจที่รู้ข่าวว่าจะมีการปิดโรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค ผมพักอยู่ที่นี่นานจนรู้สึกผูกพันว่า
ที่นี่เป็นบ้านหลังที่สองของผม และพนักงานทุกคนก็เสมือนเป็นคน
ในครอบครัว หลังจากที่รู้ว่าเหล่าพนักงานถูกปลดออกและจะต้องตกงาน หวังว่าทุกคนคงจะได้งานใหม่ และถ้าเลือกได้ผมจะเลือกเปิดโรงแรมและเก็บพนักงานทุกคนไว้เหมือนเดิม”
ถึงจะมีการเสนอให้ฝรั่งคนนี้พักที่โรงแรมแห่งใหม่ แต่เขาก็ปฏิเสธและตัดสินใจว่าจะย้ายออกจากเมืองไทยไปอยู่ที่อื่น

หลังจากมีประกาศจะปิดโรงแรมอย่างเป็นทางการนั้น มีการแจ้งให้ลูกค้าที่เป็นเมมเบอร์การ์ด มาใช้สิทธิทั้งห้องพักและห้องอาหาร
ซึ่งช่วงสัปดาห์สุดท้าย เริ่มมีแขกทยอยมาใช้บริการที่พักของโรงแรมคึกคักเป็นพิเศษ จนในวันสุดท้าย
มีประมาณเกือบ 100 คน ซึ่งส่วนมากเป็นคนไทยที่มาใช้สิทธิของบัตรเมมเบอร์การ์ด แม้กระนั้นก็ยังทำให้บรรยากาศของโรงแรมขนาดใหญ่เงียบเหงาและวังเวงอย่างเศร้าสลด

แม้จะเป็นวันสุดท้ายของการทำงานของพนักงานที่เหลือ แต่ทุกคนก็ปฏิบัติงานตามหน้าที่อย่างแข็งขันจนถึงนาทีสุดท้าย

11.00 น.ลูกค้าที่เข้าพักเริ่มทยอยเช็คเอ้าท์ออกบริเวณหน้าฟร้อนท์ โดยมีจีเอ็มคนสุดท้ายชาวออสเตรเลีย มร.ไมเคิล ซีเทค
คอยทำหน้าที่ส่งแขกและมอบของขวัญให้กับแขกทุกคนเป็นที่ระลึก
ในวันสุดท้ายในการปิดบริการของโรงแรม ซึ่งแขกคนสุดท้ายในประวัติศาสตร์ คือ สามีภรรยา
ชาวไทยที่มาพัก

หลังจากส่งแขกคนสุดท้ายออกจากโรงแรมแล้ว บริเวณล็อบบี้ขนาดใหญ่ที่เคยมีผู้คนเดินขวักไขว่
ก็เงียบเหงาวังเวงจนน่าใจหาย พนักงานเริ่มหยิบมือถือมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก หลายคนเดินไปนั่งที่ลอบบี้ที่ไม่เคยอนุญาตให้พนักงานนั่งในระหว่างปฏิบัติหน้าที่มาก่อน

มุมหนึ่งที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก คือ ศาลาไทยที่ตั้งสง่างามอยู่ล็อบบี้อันถือเป็นสัญลักษณ์ของโรงแรม เพราะเป็นงานศิลปะที่ อ.ถวัลย์ ดัชนี ได้ฝากไว้เมื่อตอนเปิดโรงแรม

เวลาเที่ยงตรงจีเอ็มและเหล่าพนักงานที่มีทั้งศิษย์เก่าที่เพิ่งถูกจ้างออกและพนักงานปัจจุบันรวมกว่า 400 คนรับประทานอาหาร
มื้อสุดท้ายร่วมกันที่ห้องอาหารปาร์ควิว หลายคนกล่าวว่าทำงาน
ที่นี่มานานยังไม่เคยได้รับประทานอาหารที่ห้องนี้เลย นี่ถือเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายจริง ๆ

หลังมื้อเที่ยงผ่านไปท่ามกลางบรรยากาศที่หงอยเหงา พนักงาน
ก็ไปรวมตัวที่ล็อบบี้อีกครั้ง พร้อมกับร่วมกันร้องเพลง “คำสัญญา” ของวงอินโดจีน โดยมีจีเอ็ม มร.ไมเคิล กล่าวปิดท้ายเพื่อขอบคุณและอำลา

“ผมขอขอบคุณพนักงานทุกคนที่อยู่ร่วมกันทำงานบริการให้กับลูกค้าด้วยความซื่อสัตย์มาโดยตลอด
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่พวกเราจะได้ร่วมทุกข์ ร่วมสุขและเป็นวันสุดท้ายที่พวกเราทุกคนจะได้ทำงานร่วมกัน ถึงแม้จะรู้ว่าเราต้องตกงาน แต่
ทุกคนก็ยังทำหน้าที่เพื่อให้บริการลูกค้าจนนาทีสุดท้าย โดยไม่มีใครผละจากงานเลยสักคน….”

หลังจากจีเอ็มกล่าวจบ พนักงาน
ทุกคนก็โผเข้ามากอดเขาแล้วร้องไห้ด้วยความอาลัยและปลงตกกับโชคชะตาที่จะต้องเจอหลังจากที่โรงแรมปิดตัวลง ซึ่งแม้แต่จีเอ็ม
ก็ต้องตกงานด้วยเช่นกัน ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ภูมิใจที่ทำงานโรงแรมที่มีเจ้าของเป็นคนไทย

ครั้นเมื่อไม่มีแขกเหลืออยู่ และเหล่าพนักงานทุกคนก็เริ่มทยอยกันไปเก็บข้าวของแล้ว จากกำหนดการ
ที่จะปิดประตูใหญ่ทางเข้าโรงแรมตอน 18.00 น. พอถึงเวลา 16.00 น. ประพันธ์ศักดิ์
แพทยานนท์ จีเอ็มคนแรกและมร.ไมเคิล ซีเทค จีเอ็มคนสุดท้ายจึงตัดสินใจปิดประตูกระจกทางเข้าบานใหญ่ที่ไม่เคยปิดเลยมาตั้งแต่เปิดทำการมาเมื่อ 22 ปีที่ผ่าน
จากนั้นไฟแชนดาเลียขนาดใหญ่
ที่ล็อบบี้ก็ถูกปิดลง พร้อมกับไฟดวงอื่น ๆ ทิ้งความมืดสลัวในบรรยากาศที่เศร้าสลด เป็นการปิดฉากสุดท้ายของโรงแรม
อิมพีเรียลควีสน์ปาร์คอย่างถาวร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น