Theขี้ฝุ่นริมทาง
วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557
สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ นิพพานก็ไม่ไกลอยู่ที่ใจเหมือนกัน
คำที่ยกมาพูดนี้เป็นคำที่จำมาตั้งแต่เป็นเด็ก
ผู้ใหญ่คนเฒ่าคนแก่เขาพูดกัน ได้ใส่ใจจำคำพูดนี้มานานแล้ว
คนต้นที่สร้างคำพูดนี้ขึ้น เขาคงเห็นนรกสวรรค์นิพพานไม่ไกล
อย่างที่ตำรากล่าวว่า ชาติหน้าๆต่อไปเท่านั้นมิได้
นรกสวรรค์นิพพานเขาคงเห็นปรากฏอยู่ในตัวเขาเองและคนอื่นๆทั่วไป
ในปัจจุบันชาตินี้เอง ไม่ต้องรอไปพบเอาชาติหน้าดอก
เขาคงจับเอาอาการจิตของเขาเอง ที่อารมณ์ต่างๆปรุงให้เกิดขึ้น
เป็นความทุกข์ความสุข และเฉยๆนั้นเอง
ความทุกข์เดือดร้อนเป็นพวกสัตว์นรก
ความสุขสบายใจเป็นเทพเจ้าในสวรรค์
เมื่อจิตเฉยๆโดยปัญญารู้เท่ารู้ทัน ไม่ติดในอารมณ์ที่ก่อให้เกิดทุกข์
และไม่ติดอารมณ์ที่ก่อให้เกิดสุข จิตมีลักษณะอาการเฉยไม่สุขไม่ทุกข์
แต่กลับได้รับความสุขพิเศษขึ้นอีกอย่างหนึ่ง เป็นความสุขที่ไม่มีคู่แข่ง
เป็นความสุขที่เกิดจากการปล่อยวางเป็นสุญญตาโว่งว่าง
ไม่ปรากฏเห็นอะไร เป็นนิมิตที่หมาย
เข้าในบทบาลีว่า
อกิญฺจนํ อนาทานํ เอตํ ทีปํ อนาปรํ นิพพานํ อิตินํ พฺรูมิ ชรา มจฺจุ ปริกฺขยํ
แปลว่า
ความไม่กังวล ไม่ยึดถืออารมณ์อะไรๆเข้าไว้นี้แหละ
เป็นตัวที่พึ่งอย่างประเสริฐ ที่ไม่มีอื่นใดจะเปรียบได้
เราหมายเอาที่พึ่งอย่างนี้ เรียกใช้พูดว่านิพพาน มีคุณภาพพ้นจากการแก่ตายดังนี้
ความสุขไม่มีคู่แข่ง เป็นตัวนิพพานเป็นความสุขนอกโลก โลกุตตระ
เกิดจากจิตบริสุทธิ์ไม่ติดในอารมณ์ พ้นจากอำนาจวัฏฏะ ๓ คือ กิเลส กรรม วิบาก
ส่วนความสุขที่มีคู่แข่ง คือ ความสุขที่เกิดจากอารมณ์
คู่แข่งกับทุกข์ ทุกข์ก็เกิดจากอารมณ์เหมือนกัน
ความสุขอย่างนี้เป็นความสุขในโลก เป็นสมบัติของโลก
โลกใช้ โลกนิยม แต่พระพุทธเจ้าไม่ยอมเรียกว่าสุข
พระองค์ทรงจัดเป็นทุกข์หมด เป็นทุกข์ทั้งเพ
โลกไม่มีความสุข นิพพานอย่างเดียวเท่านั้นเป็นความสุข
ตามบทบาลีว่า นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ พระนิพพานเป็นบรมสุข ดังนี้
ขยายความตามรูปเรื่องที่แสดงออกได้จำพูดสืบๆกันมา
หากจะไม่ตรงตามความหมายเดิมก็คงไม่เสียรูปเรื่อง
ถึงแม้ไม่เป็นนรกสวรรค์นิพพานจริงตามความหมายที่ใช้กันอยู่
แต่มูลฐานที่จะให้เกิดเป็นนรกสวรรค์นิพพานจริงก็รวมอยู่ในจิตใจของคนทุกคน
จิตใจของคนทุกคนเป็นต้นเหตุ
แม้สมเด็จพระโลกเชษฐสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสรู้เรื่องนิพพาน
พระองค์ก็ทรงเจริญฌานสมาบัติตรวจค้น
เห็นปรากฏเป็นอริยสัจจ์ ๔ ขึ้นมาได้ภายในจิตใจของพระองค์นั้นเอง
ไม่ใช่ทรงได้จากภายนอกจิตเลย
เพราะฉะนั้นเขาจึงประพันธ์คำพูดขึ้นว่า
สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ นิพพานก็ไม่ไกลหายใจได้ยิน ดังนี้
ยากที่จะคัดค้านได้
ผลของอกุศลกรรมที่คนได้กระทำไว้ในปัจจุบันชาตินี้ก็เป็นทุกข์เดือดร้อน
ตายไปแล้วก็ตามสนองเป็นทุกข์เดือดร้อนในโลกอื่นต่อไปอีก
ผลของกุศลกรรมที่ตรงกันข้ามนั้นเล่าก็เช่นกัน ในปัจจุบันชาติเป็นสุขสบาย
ตายไปแล้วก็ตามสนอง เป็นสุขสบายในโลกอื่นต่อไปอีก
สามัญชนมวลมนุษย์ทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในโลกเวลานี้หรือเวลาไหนก็ตาม
เมื่อเพ่งโดยสมรรถภาพแล้ว ก็เห็นเป็น ๒ จำพวกเท่านั้น
จำพวกหนึ่งจิตใจอ่อนหย่อนความสามารถ จะเรียกว่าพวกคนชั้นต่ำก็ได้
แต่อีกจำพวกหนึ่งจิตใจเข้มแข็งสมบูรณ์ด้วยคุณธรรม มีความสามารถ
จะเรียกว่าพวกคนชั้นสูงก็ได้
จำพวกที่จิตใจอ่อนหย่อนความสามารถนั้น
คือจำพวกที่บกพร่องคุณธรรม เป็นเหตุให้เสียกำลังใจ เช่น
อ่อนสติปัญญา หนักไปในทางโง่เขลา
อ่อนขันติความอดทน หนักไปในความไม่อดทน
อ่อนความขยันหมั่นเพียร หนักไปในทางเกียจคร้าน
อ่อนความรอบคอบถี่ถ้วน หนักไปในทางหยาบสะเพร่า
อ่อนความไม่ประมาท หนักไปในความประมาทเลินเล่อ
อ่อนศรัทธาความเชื่อถือ หนักไปในทางดื้อกระด้าง
อ่อนสัจธรรม หนักไปในทางเหลวไหลจิตใจไม่ซื่อตรง
การงานอากูล เป็นคนอกตัญญู ไม่รู้จักคุณคน เป็นต้น
คนจำพวกที่อ่อนหย่อนคุณธรรม คุณสมบัติดังว่านี้
จัดว่าเป็นคนยากจนในพระพุทธศาสนา
ต้องตกจมอยู่ในกองทุกข์หนักเบานานาประการ
ไม่สามารถที่จะก่อร่างสร้างตน กู้ตนให้พ้นจากความทุกข์เดือดร้อน
ให้ได้รับความสุขสบายด้วยทรัพย์สินสมบัติ เครื่องอุปถัมภ์ชีวิต
ประกอบความสุขให้เกิดขึ้นในปัจจุบันชาตินี้ได้
และคนหย่อนความสามารถดังว่านี้ มักเป็นพวกกิเลสหยาบบาปหนา
นิยมชมชอบไปในทางการอกุศลกรรมทุจริตนานาประการ
ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดผลเป็นทุกข์เดือดร้อนอยู่ไม่ว่างเว้นอีกด้วย
แปลว่าสร้างเหตุแห่งความทุกข์เดือดร้อนเพิ่มพูนให้มากขึ้นเสมอ
ประการหนึ่ง
คนจำพวกนี้ไม่สามารถต้านทานกับการยั่วยวนแห่งอารมณ์ต่างๆในโลกได้
เช่น อารมณ์ที่ยั่วยวนให้เกิดรักใคร่ เรียกสั้นๆว่าอารมณ์รัก
อารมณ์ที่ยั่วยวนให้บันดาลโทสะ เรียกสั้นๆว่าอารมณ์ฉุนเฉียว เป็นต้น
รั้งจิตใจไว้ไม่อยู่ กิเลสดุจไฟก็ลุกโพลง อับปัญญา มืดมิดไม่สมหวัง
ก็เป็นเหตุให้ทำการทุจริตหนักเบานานาประการได้ ตามอำนาจของกิเลส
จนกระทั่งถึงทำลายชีวิตกันเป็นที่สุด
บางพวกประสบกับอารมณ์ไม่สมคิดผิดหวัง ไม่สมหวังในเรื่องใดๆ
เคราะห์ร้ายทุกข์หนักหาช่องออกไม่ได้ ก็พร่าชีวิตตนเอง ฆ่าตัวตาย
ยิงตัวตาย กินยาตาย ผูกคอตาย กระโดดน้ำตาย กระโดดเรือนตาย
นิยมถือกันว่าดี ใจคอเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ
แต่ทางพระพุทธศาสนาถือว่าคนจำพวกนี้อ่อนแอ หย่อนสมรรถภาพ
ไม่สามารถต่อสู้กับเหตุการณ์ที่ชั่วร้ายได้
ยอมเสียสละชีวิตอันมีค่าสูง ในทางที่ไม่เป็นประโยชน์เสียง่ายๆ
พวกโง่ไม่รู้จักใช้ชีวิตให้สมค่า ไม่รู้จักหาความสุข
คนจำพวกที่จิตใจย่อหย่อนอ่อนสมรรถภาพเอาตัวไม่รอด
หาเรื่องจัญไรใส่ตัวเอง คิดแต่จะสร้างอกุศลกรรมทุจริตนานาประการ
ซึ่งเป็นเหตุผลิตผลให้เกิดความทุกข์เดือดร้อนแก่ตนเอง
ดังกล่าวแจกแจงมานี้ และจัดเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย ในปัจจุบันชาตินี้
นรกหมายถึงความทุกข์เดือดร้อน
นรกอยู่ที่ไหน เขาว่าอยู่ใต้ดิน ใครจะไปค้นหาพบ อยู่ที่ใจนี้เอง
ใครเป็นทุกข์เดือดร้อนเพราะบาปเหมือนไฟหมกไหม้ คนนั้นตกนรกแล้ว
ตกอยู่นานเท่าใด แล้วแต่ผลกรรมจะกำหนดให้ดังนี้ฯ
อีกจำพวกหนึ่ง ตรงกันข้ามกับจำพวกต้น
จำพวกนี้กำลังจิตใจเข้มแข็งสมบูรณ์ด้วยคุณธรรม
ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดสมรรถภาพ เป็นต้นว่า สติปัญญาความขยันหมั่นเพียร
ขันติความอดทนต่อความตรากตรำ ต่ออารมณ์เครื่องยั่วยวนชวนให้เกิดรักเกิดชัง
และเหตุการณ์ก่อให้เกิดทุกข์เดือดร้อนหรือเหตุการณ์ชั่วร้ายต่างๆในเวลาประกอบกิจ
จิตใจบึกบึนไม่พรั่นพรึงมุ่งความสำเร็จแห่งกิจการงานเป็นสำคัญ ฝ่าอันตรายไปได้ไม่ท้อถอย
เมื่อถึงคราวเคราะห์ร้ายตกอับ ก็พยายามแก้ไขเอาตัวรอดไปได้ไม่ยอมจำนน
ไม่ประพฤติตนผิดศีลธรรม ไม่ผิดกฎหมายของบ้านเมือง
เป็นพวกสัมมาอาชีพ ไม่ประกอบการอกุศลกรรมทุจริตใดๆ
มีจิตเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นประจำ
ไม่ประมาทในชีวิต ในทรัพย์สิน ในกิจกรรมการงานในครัวเรือน
และในเหตุการณ์ทั่วๆไป
ถ้าเป็นคนมีปัญญาเยี่ยมยิ่งชั้นมหาบุรุษนารีรัตนะเข้าอีกก็ยิ่งเด่นสูงมากขึ้น
คือ ปัญญาที่แจ่มใสในการ
รู้จักเหตุ
รู้จักผล
รู้จักกาลเวลา
กาลที่แซงเข้ามาในเวลากาลปกติดำเนินอยู่ ที่พูดกันว่า ฉวยโอกาส ได้โอกาส
คู่มวยข้างหนึ่งเสียท่า เปิดโอกาสให้แก่อีกข้างหนึ่ง
พระนเรศวรมหาราชทรงเอาชัยชนะกับพระมหาอุปราชาได้
เพราะพระองค์ทรงยั่วให้กองทัพพระมหาอุปราชรามัญทั้ง ๔๐ ทัพ
เสียกระบวนหมด อ่อนกำลังลง สมัยอาวุธสั้นไม่ร้ายแรง
ทรงตะลุยโจมตีเอาชนะได้เมื่อข้าศึกเสียกระบวนแล้ว
พระมหาอุปราชมีพลนิกรถึงหกแสนเศษ
ส่วนพวกเราคือพระนเรศวรเพียงสิบแปดหมื่นเท่านั้น
กาลจรดังว่านี้ รวมอยู่ในคำว่ารู้จักกาลด้วย
รู้จักประมาณพอดี ในกิจกรรมทั้งหลาย แม้แต่การรับอาหาร
รู้จักบริษัท คือ รู้จักเรื่องของคนพรรคหนึ่งพวกหนึ่ง
ตลอดทั่วถึงรู้จักตัวของตัวเอง
เพราะคนเราไม่รู้จักตัวเอง ถึงรู้จักแล้วก็มักจะลืมตัว
รู้จักคนทั่วๆไปในเมื่อเข้ามาติดต่อพัวพันดังนี้เป็น ๗ ประการ
ชายก็ดี หญิงก็ดี ถ้ามีปัญญาเยี่ยมยิ่งครบกิจ ๗ ประการ
ชำนาญหรือบกพร่องบ้างเล็กน้อย
ก็ควรได้นามอย่างสมเกียรติว่าบุรุษรัตน์ นารีรัตน์ ชายแก้ว หญิงแก้ว
อิงบาลีภาษิตว่า
ปญฺญา นรานํ รตฺตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของคนทั้งหลาย ดังนี้ ฯ
คนมีกำลังจิตใจเข้มแข็ง จำพวกหลัง
ซึ่งประกอบด้วยคุณธรรม เป็นเหตุให้เกิดสมรรถภาพดังกล่าวมานี้
เป็นจำพวกที่สามารถในการก่อร่างสร้างตัวขึ้นได้ ด้วยกิจกรรมการงานที่ผลิตผล
ให้เกิดเป็นทรัพย์สินอุปถัมภ์ชีวิตของตนให้ได้ความสุขสำราญ
พ้นจากความทุกข์เดือดร้อนในปัจจุบันชาติได้ โดยไม่ต้องประพฤติการทุจริตใดๆ
มีความสุขมากหรือน้อย แล้วแต่ความสามารถมากและน้อย เป็นไปตามเหตุ
จำพวกที่มีความสามารถน้อย พอยังครอบครัวให้มีความสุขได้ไม่แร้นแค้น
ประกอบกับผลแห่งศีลธรรมมนุษยธรรมที่ตนปกครองรักษาอยู่
สมทบให้เกิดความสุขสำราญ เป็นคู่กันไปกับทรัพย์สินที่อาศัยอยู่นั้นด้วย
คนจำพวกนี้ควรจัดให้มีความสุขเป็นชั้นมนุษย์เท่านั้น
ส่วนคนที่มีความสามารถมาก ประกอบกิจการงานเกิดผลประโยชน์ได้สูงกว่า
ภายในครอบครัวของตนเอง แผ่กว้างออกไปถึงคนภายนอก และประเทศชาติด้วย
คนจำพวกนี้ นับว่ามีความสุขสำราญใจมากกว่าพวกต้น
เพราะได้ให้ความสุขแก่คนส่วนใหญ่ ไม่ใช่เพียงแต่ภายในครอบครัวของตนเท่านั้น
คนจำพวกนี้ควรจัดให้มีความสุขเป็นชั้นเทวดาคู่กับมนุษย์ข้างต้น
คนมีกำลังจิตเข้มแข็งมีสมรรถภาพ ทั้งประกอบด้วยศีลธรรม มนุษยธรรมด้วย
ที่จัดเป็นพวกมนุษย์ และพวกเทวดาดังว่านี้ เหมาะสมกับพระพุทธศาสนา
ซึ่งสอนให้คนทุกคนช่วยตัวเองสร้างตนเอง สามารถรับเอาไปประพฤติปฏิบัติได้ดี
ตลอดถึงทางนิพพาน ก็สามารถปฏิบัติให้ดีได้ด้วย
ควรเป็นศิษย์สาวกของพระพุทธเจ้า ตรงตามพระพุทธคุณบทหนึ่งว่า
สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พระองค์เป็นครูสอนเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ดังนี้
แต่พวกนรกเปรตอสุรกายต้องไม่เหมาะสมกับพระพุทธศาสนา
ไปนิพพานไม่ได้แน่ เพราะอ่อนหย่อนความสามารถ หมกตัวอยู่ในกองทุกข์
สกปรกโสมมไปด้วยกิเลส ตาบอดเสียอีกด้วย
หมดผลบาปกลับมาเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดาได้เมื่อใด
เมื่อนั้นเห็นพอจะฟังรู้เรื่องสวรรค์นิพพานกับเขาได้บ้าง
ไม่มีทางใดที่จะช่วยพวกนรกเปรตอสุรกาย ให้พ้นจากกองทุกข์ได้
นอกจากพระพุทธศาสนา
คนจำพวกที่ตกนรกเป็นเปรตเป็นอสุรกายในปัจจุบันชาตินี้แล้ว
เมื่อร่างกายตายแล้วไปตกนรกเป็นเปรตอสุรกายต่อไปอีกก็ได้
คนจำพวกที่เป็นมนุษย์และเทวดา มีกำลังใจเข้มแข็งในปัจจุบันชาตินี้
เมื่อร่างกายตายแล้ว ก็ไปเกิดเป็นมนุษย์และเทวดาอีกก็ได้ในชาติต่อไป
เท่าที่พูดมานี้เห็นพอจะเข้ากันได้กับคำโบราณที่ยกขึ้นเป็นกระทู้ในเบื้องต้นว่า
สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ นิพพานก็ไม่ไกล อยู่ที่ใจเหมือนกัน ดังนี้
จบเสียทีก็ดีฯ
ที่เอย ที่พึ่ง
เมื่อไรจะถึงรำพึงเหงา
จะครวญคร่ำร่ำหาทำไมเล่า
ที่พึ่งเราอยู่ที่เราเขลาจริงจริง
ทำใจคึกตรึกหาอย่าย่อหย่อน
เอาคำสอนพระพุทธมาพิงสิง
ที่พึ่งในไม่มีเที่ยววิ่งวุ่น
ต้องนอนกลิ้งจมปุกกองทุกข์เอยฯ
------- เปมงฺกโร ภิกฺขุ --------
คัดลอกจากหนังสือชุมนุมบทความ...เปมงฺกโร ภิกฺขุ เรียบเรียง
ข้อ ๑๘ เรื่องสวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น