ความลับของลมหายใจ
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้นั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอมีใบหน้าอ่อนกว่าวัย ก็เพราะพวกเขาได้มีโอกาสฝึกหายใจ
ให้ลึก ยาว และละเอียดบ่อยครั้งนั่นเอง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความสงบสุขในใจ และลดสารความเครียดที่เรียกว่า
"คอร์ซิตอล"(อันเป็นสาเหตุหลักของความแก่ชราก่อนวัยอันควร)แล้ว
การหายใจอย่างเต็มปอดยังช่วยฟอกเลือดที่นำพาออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆของใบหน้าอย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอทำให้ใบหน้าดูมีน้ำมีนวล เต่งตึง สดใส อ่อนกว่าวัย และสุดท้ายเลือดเหล่านั้นก็ยังช่วยขับสารพิษตกค้างต่างๆ(detox) ออกจากอวัยวะทุกส่วนของร่างกายและบนใบหน้าได้อย่างทั่วถึงอีกด้วย
จะสังเกตได้ว่าเวลาที่เราโกรธ กลัว ตกใจ เครียด หงุดหงิด กังวล หรือทุกข์ ลมหาย
ใจของเราจะสั้นและตื้น
แต่เวลาที่เรามรความสุข สงบ มีพลัง นิ่ง สุขุม มั่นใจ สบายใจ ลมหายใจของเราจะยาวและลึก ทั้งนี้สิ่งที่หลายคนไม่รู้ก็คือ หากเราตั้งใจหายใจให้ยาวและลึกสัก 4-5 ครั้ง สมองของเราจะถูกหลอกว่า เรากำลังรู้สึกสบาย สุขุม และมีพลังเช่นกัน
กระบวนการนี้เรียกว่าการทำ
"Biofeedback"( การป้อนกลับทางชีวภาพ)โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆ. เทคนิคการหายใจที่ดีคือ การหายใจอย่าง"ละเอียด" ซึ่งเป็นการหายใจให้ช้า ลึกและเบา โดยสูดลมหายใจเข้าจนสุดปอด ให้หน้าท้องและหน้าอกพองตัวจนไม่สามารถพองต่อไปได้อีก แล้วจึงค่อยๆปล่อยลมหายใจออกยาวๆ อย่างไม่รีบร้อนจนหมดทั้งปอด ทำเท่านี้เพียง 3-4 ครั้งก็จะรู้สึกว่าร่างกายเริ่มเบา ใจเริ่มเย็น จิตเริ่มโล่ง และสมองเริ่มปลอดโปร่งขึ้นแล้ว ถามว่าต้องทำและต้องฝึกบ่อยแค่ไหน คำตอบคือ"รู้ตัวเมื่อไหร่ก็ทำเมื่อนั้น" หรือทำทุกครั้งที่รู้สึกว่าจิตเริ่มตก คือ เริ่มกลัว โกรธ กังวล เหนื่อย เครียด เบื่อ เซ็ง ท้อ ทุกข์ ชีวิตของคนเราแท้จรืงอยู่ได้ด้วยลมหายใจที่เชื่อมต่อกัน และการหายใจที่ดีก็เป็นเครื่องมือในการสร้างจิตใจที่สงบ สร้างชีวิตที่ประสบความสำเร็จ และสร้างสุขภาพให้ยืนยาวที่ง่ายที่สุด หลายคนเสียเงินทองมากมายไปกับการเข้าคอร์สบริหารจิต หรือปลุกพลังต่างๆในราคาแสนแพงโดยลืมหันกลับมาหาสิ่งมหัศจรรย์อันล้ำค่าที่อยู่ตรงปลายจมูกของเรานี่เอง
คอลัมน์ Mind Management โดย ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร
นิตยสาร Secret
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้นั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอมีใบหน้าอ่อนกว่าวัย ก็เพราะพวกเขาได้มีโอกาสฝึกหายใจ
ให้ลึก ยาว และละเอียดบ่อยครั้งนั่นเอง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความสงบสุขในใจ และลดสารความเครียดที่เรียกว่า
"คอร์ซิตอล"(อันเป็นสาเหตุหลักของความแก่ชราก่อนวัยอันควร)แล้ว
การหายใจอย่างเต็มปอดยังช่วยฟอกเลือดที่นำพาออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆของใบหน้าอย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอทำให้ใบหน้าดูมีน้ำมีนวล เต่งตึง สดใส อ่อนกว่าวัย และสุดท้ายเลือดเหล่านั้นก็ยังช่วยขับสารพิษตกค้างต่างๆ(detox) ออกจากอวัยวะทุกส่วนของร่างกายและบนใบหน้าได้อย่างทั่วถึงอีกด้วย
จะสังเกตได้ว่าเวลาที่เราโกรธ กลัว ตกใจ เครียด หงุดหงิด กังวล หรือทุกข์ ลมหาย
ใจของเราจะสั้นและตื้น
แต่เวลาที่เรามรความสุข สงบ มีพลัง นิ่ง สุขุม มั่นใจ สบายใจ ลมหายใจของเราจะยาวและลึก ทั้งนี้สิ่งที่หลายคนไม่รู้ก็คือ หากเราตั้งใจหายใจให้ยาวและลึกสัก 4-5 ครั้ง สมองของเราจะถูกหลอกว่า เรากำลังรู้สึกสบาย สุขุม และมีพลังเช่นกัน
กระบวนการนี้เรียกว่าการทำ
"Biofeedback"( การป้อนกลับทางชีวภาพ)โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆ. เทคนิคการหายใจที่ดีคือ การหายใจอย่าง"ละเอียด" ซึ่งเป็นการหายใจให้ช้า ลึกและเบา โดยสูดลมหายใจเข้าจนสุดปอด ให้หน้าท้องและหน้าอกพองตัวจนไม่สามารถพองต่อไปได้อีก แล้วจึงค่อยๆปล่อยลมหายใจออกยาวๆ อย่างไม่รีบร้อนจนหมดทั้งปอด ทำเท่านี้เพียง 3-4 ครั้งก็จะรู้สึกว่าร่างกายเริ่มเบา ใจเริ่มเย็น จิตเริ่มโล่ง และสมองเริ่มปลอดโปร่งขึ้นแล้ว ถามว่าต้องทำและต้องฝึกบ่อยแค่ไหน คำตอบคือ"รู้ตัวเมื่อไหร่ก็ทำเมื่อนั้น" หรือทำทุกครั้งที่รู้สึกว่าจิตเริ่มตก คือ เริ่มกลัว โกรธ กังวล เหนื่อย เครียด เบื่อ เซ็ง ท้อ ทุกข์ ชีวิตของคนเราแท้จรืงอยู่ได้ด้วยลมหายใจที่เชื่อมต่อกัน และการหายใจที่ดีก็เป็นเครื่องมือในการสร้างจิตใจที่สงบ สร้างชีวิตที่ประสบความสำเร็จ และสร้างสุขภาพให้ยืนยาวที่ง่ายที่สุด หลายคนเสียเงินทองมากมายไปกับการเข้าคอร์สบริหารจิต หรือปลุกพลังต่างๆในราคาแสนแพงโดยลืมหันกลับมาหาสิ่งมหัศจรรย์อันล้ำค่าที่อยู่ตรงปลายจมูกของเรานี่เอง
คอลัมน์ Mind Management โดย ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร
นิตยสาร Secret
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น