++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2557

พระพุทธเจ้ามีตัวตนจริงหรือ?



มีบางท่านพูดกับผมทำนองสงสัยว่า พระพุทธเจ้าของเรานี้ มีตัวตนจริงหรือเปล่า ผมจึงย้อนถามว่า "ทำไมคุณจึงคิดอย่างนั้น เมื่อไม่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์แล้ว คำสอนของท่านที่เรียกว่าพระพุทธศาสนามาจากไหนล่ะ"

ท่านผู้นั้นพูดว่า "คำสอนอาจมีขึ้นมาจนเป็นระบบลัทธิความเชื่อ โดยไม่ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ"

"มันเป็นยังไงน่ะ ลองขยายความให้ชัดหน่อยซิ" ผมถาม

เขากล่าวว่า "อย่างศาสนาพราหมณ์นั่นไง ใครเป็นต้นตำรับความคิดยังไม่มีใครบอกได้เลย แสดงว่า แนวความคิดความเชื่อที่สืบทอดต่อๆ กันมาเป็นเวลาหลายพันปีนี้ ได้เกิดจากคนคนเดียว หากแต่เป็นพัฒนาการของความคิดร่วมยุคสมัย แต่ละยุคสมัยสืบถ่ายทอดสืบกันมา"

ผมเถียงว่า อย่างศาสนาพราหมณ์อาจจะใช่ เพราะคำสอนของศาสนาพราหมณ์หลากหลายมาก แตกต่างและขัดแย้งโดยสิ้นเชิง แสดงว่าต้นตำรับความคิดความเชื่อ ไม่ได้มาจากแหล่งเดียว ยุคเดียว

แต่พระพุทธศาสนามีหลักคำสอนที่สอดคล้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีหลักการใหญ่ลงรอยกันอย่างดี จะแตกต่างกันบ้างเรื่องรายละเอียดปลีกย่อย และแหล่งที่มาของพระพุทธศาสนาก็มาจากบุคคลเดียวคือ พระพุทธเจ้าเท่านั้น

และพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ มิใช่บุคคลในจินตนาการหรือในเทพนิยาย เป็นบุคคลจริงในประวัติศาสตร์ ท่านที่เรียนประวัติศาสตร์อินเดียก็จะรู้ได้ทันทีว่า เมื่อ 2,500 กว่าปีมาแล้ว ดินแดนที่เรียกว่า ชมพูทวีป อันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น มีรัฐหรือแคว้นต่างๆ มากมาย แยกกันปกครองเป็นอิสระบ้าง เป็นเมืองขึ้นของรัฐอื่นที่ใหญ่กว่าบ้าง

ด้านเชิงเขาหิมาลัย ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของดินแดนชมพูทวีป มีแคว้นเล็กๆ อยู่สองแคว้นของเผ่าโกลิยะกับเผ่าศากยะ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ทางสายเลือด สองแคว้นนี้ตั้งอยู่คนละฟากฝั่งแม่น้ำเล็กๆ สายหนึ่ง

ประวัติศาสตร์อินเดียระบุว่า มีแคว้นศากยะ แคว้นเทวทหะจริง และแคว้นต่างๆ ที่พระองค์เสด็จดำเนินไปเผยแผ่คำสอนก็มีบันทึกไว้จริง สถานที่ประสูติคือ ลุมพินี ก็มีอยู่จริง ปัจจุบันนี้อยู่ที่ประเทศเนปาล

สถานที่ตรัสรู้ปัจจุบันเรียกว่า พุทธคยา สถานที่ทรงแสดงธรรมครั้งแรกแก่ปัญจวัคคี ปัจจุบันเรียกว่า สารนาถ อยู่ที่รัฐพิหาร สถานที่ปรินิพพานปัจจุบันเรียกว่า กุสินารา อยู่ในรัฐอุตตรประเทศ

สถานที่เหล่านี้ได้รับการยืนยันจากนักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดีว่าเป็นของจริง ไม่ใช่ของปลอมที่ "กุ" ขึ้นแบบเทพนิยาย มีโบราณสถาน โบราณวัตถุ เป็นประจักษ์พยานอยู่

พระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งมีชีวิตหลังจากสมัยพระพุทธเจ้าสองร้อยกว่าปี เคยเสด็จไปนมัสการสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่แห่ง อันเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า ได้ทรงจารึกเสาศิลาแล้วปักไว้ตามสถานที่เหล่านี้ เพื่อยืนยันความมีอยู่จริง เช่น เมื่อเสด็จไปที่ลุมพินี สถานที่ประสูติก็ทรงจารึกเสาศิลาไว้ว่า "หิธ พุเธ ชาเต พระพุทธเจ้าประสูติ ณ ที่นี้"

หลังจากนั้นมาสถานที่เหล่านั้นได้ร้างไป ที่เคยเป็นบ้านเป็นเมืองก็รกร้างว่างเปล่า มีนักโบราณคดีไปขุดค้นพบเสาศิลาและฐานอิฐแห่งสิ่งก่อสร้างซึ่งจมดินอยู่ ก็ได้รู้เรื่องราวแต่หนหลัง สืบสายแห่งประวัติศาสตร์ต่อมาจนทุกวันนี้

ปัจจุบันนี้ประเทศอินเดียมีรายได้จากนักทัศนาจรต่างประเทศที่เข้าไปนมัสการ สถานที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์เหล่านี้ ปีละเป็นจำนวนมากมาย ทุกคนที่ไปดูไปชมด้วยตา ต่างก็ไม่มีใครสงสัยว่า เป็นสถานที่ในเทพนิยายแม้แต่คนเดียว

จากหลักฐานของศาสนาร่วมสมัยเช่น ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนาเชน มีพูดถึงศาสดาแห่งศาสนาพุทธ คือพระพุทธเจ้าด้วย โดยเฉพาะศาสนาเชน เขาถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นคู่แข่งคนสำคัญของเขา

บุคคลชั้นมันสมองของศาสนานี้ ได้ออกมาโต้วาทะกับพระพุทธองค์บ่อยครั้ง แต่ละครั้งก็ถูกพระพุทธองค์หักล้างด้วยเหตุผลจนยอมจำนน หันมานับถือพระพุทธศาสนาหลายคน เรื่องราวเหล่านี้มิเพียงแต่บันทึกไว้ในคัมภีร์ฝ่ายเขาเท่านั้น

คัมภีร์ฝ่ายเราก็บันทึกไว้เช่นกัน คนทั้งหลายทั้งปวงต่างก็เชื่อว่า พระพุทธเจ้ามิใช่บุคคลในเทพนิยาย มีตัวตนจริงแน่นอน เมื่อ 6-7 ปีก่อน ก็มีเด็กมหาวิทยาลัยถามผม และในเวลาต่อมา ก็มีพระสงฆ์ลูกวัดคุยกับผมในเรื่องเดียวกันนี้เหมือนกัน

แต่ก็อย่างว่าแหละ คนที่คิดสงสัยแปลกๆ อย่างนี้มิใช่เพิ่งเคยมี สมัยก่อนก็มีคนใหญ่คนโตเสียด้วย ชื่อ "เมนันเดอร์" เป็นกษัตริย์กรีก ลูกหลานอเล็กซานเดอร์มหาราช เมนันเดอร์เป็นนักปราชญ์ฝีปากกล้า โต้เถียงกับพระนาคเสน (เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 5) ว่า พระพุทธเจ้าไม่มีตัวตนจริง พระนาคเสนตอบว่า "มีจริง แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง"

"พระคุณเจ้าเคยเห็นพระพุทธองค์หรือ" เมนันเดอร์ซัก

"ไม่เคย"

"อ้าว ไม่เคยเห็น จะรู้ได้อย่างไรว่ามีตัวตนจริง" เมนันเดอร์สำทับ

"มหาบพิตร เคยเห็นปฐมบพิตรแห่งพระราชวงศ์ของมหาบพิตรไหม" นาคเสนถามบ้าง

"ไม่เคย"

"อ้าว ถ้าอย่างนั้นกษัตริย์ต้นวงศ์ของมหากษัตริย์ก็ไม่มีสิ" นาคเสนย้อน

เมนันเดอร์ตอบว่า "มีสิขอรับ เมื่อมีโยมก็ต้องมีพ่อของโยมมีปู่ มีปู่ของปู่ ไล่ไปก็ถึงกษัตริย์ต้นวงศ์เอง"

นาคเสนตอบว่า "เช่นเดียวนั่นแหละ เมื่อมีอาตมา ก็ต้องมีอุปัชฌาย์ของอาตมา มีอุปัชฌาย์ของอุปัชฌาย์ ไล่ไปเรื่อยๆ ก็ถึงพระพุทธเจ้าผู้เป็นต้นวงศ์ของพระพุทธศาสนา"

เมนันเดอร์ก็คือพระยามิลินท์ การโต้ตอบระหว่างเมนันเดอร์กับนาคเสน ก็มีบันทึกไว้เป็นเอกสารประวัติศาสตร์ชื่อว่า มิลินทปัญหา

อ่านแค่เรื่องพระพุทธเจ้ามีจริงหรือไม่ ข้อเดียวก็แจ้งจางปางแล้ว ถ้าอยากหายสงสัยในเรื่องอื่นที่ลุ่มลึกกว่านี้ ก็ไปหาอ่านเอาเองเทอญ

คอลัมน์ ร่มรื่น รมเยศ/ศ.เสฐียรพงษ์ วรรณปก
มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 9 มีนาคม 2557

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น