++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

***ผมรักแม่ครับ แต่ผมทำได้แค่นี้***




มีครอบครัวหนึ่งอยู่กันมาอย่างรักใคร่กันเป็นที่สุด ซึ่งเพื่อนบ้านต่างอิจฉากับความรักใคร่กันของครอบครัวนี้ ครอบครัวนี้มีด้วยกัน 4 คน มีแม่ และลูก ๆ อีก 3 คน วันหนึ่ง แม่ก็เกิดเป็นโรคร้ายแรงขึ้นมานั่นก็คือ เป็นโรคหัวใจร้ายแรง จำเป็นต้องผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจโดยด่วน ลูกชายทั้ง 3 รักแม่มาก และรู้ว่าตนเองนั้นต้องทำอะไรซักอย่างให้กับแม่บังเกิดเกล้าของเขา

คนโตเป็นนักธุรกิจพันล้านมีธุรกิจใหญ่โต ได้รับผิดชอบในเรื่องของค่าใช้จ่ายในทุก ๆ ด้าน โดยยอมสละเวลาในการเซ็นสัญญาเพื่อมาคอยเฝ้าไข้คุณแม่ทุกวัน

คนรองเป็นนายแพทย์ชั้นนำของโลก รับผิดชอบในการรักษาคุณแม่ และทำการเรียกประชุมสมาคมแพทย์ทั่วโลกเพื่อหาวิธีรักษาุคุณแม่ของเขา

คนเล็กนั้นยังไม่มีงานทำ เนื่องจากตนนั้นมิได้มีความเฉลียวฉลาดเหมือนกับพวกพี่ ๆ เขา และก็สำนึกตัวเองอยู่ตลอดว่าตนเองนั้นคงไม่มีกำลังพอที่จะช่วยแม่ที่เขาเทิดทูนได้อย่างที่พี่ ๆ ทั้งสองทำได้ แต่เขารู้ว่าตนเองต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อแม่ของเขา

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา การผ่าตัดหัวใจเป็นไปได้ด้วยดี และคุณแม่ก็ฟื้นขึ้นมาหลังจากหลับไปนานถึง 4 วันทีเดียว คุณแม่ได้พบหน้าลูก ทั้งสองคน คือคนโตและคนรอง แต่กลับไม่ได้พบหน้าลูกคนเล็ก คุณแม่จึงถามลูก ๆ ทั้งสองว่า

“น้องไปไหน”

แต่คนโตกลับบ่ายเบี่ยงไปว่าคุณแม่พึ่งฟื้น ให้ทานอาหารก่อน แล้วเขาก็ออกไปนำอาหารมาให้คุณแม่ คุณแม่ถามคนรอง แต่คนรองก็บอกกับคุณแม่ว่า ผมต้องไปนำยามาให้แม่ทานหลังอาหาร และก็จากไป คุณแม่สงสัย เพราะอาการของลูกทั้งสองนั้นไม่ธรรมดาเลย เมื่อทุกคนอยู่พร้อมกันคุณแม่จึงถามขึ้นมาอีกครั้ง

“น้องอยู่ไหน” ทั้งสองอ้ำอึ้ง และไม่มีใครที่อยากจะตอบคำถามแม่ของเขาเลย

คุณแม่ย้ำ “บอกมานะ น้องอยู่ที่ไหนกัน”
คนโตตอบคุณแม่ด้วยน้ำตาคลอเบ้า

“น้องอยู่ในหัวใจคุณแม่ครับ”

คุณแม่ยังงุนงงกับคำตอบของลูกชายคนโตมาก จึงหันหน้าไปถามคนรองซึ่งกำลังร้องไห้อยู่เหมือนกัน

“หมายความว่าไงลูก”

คนรองตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาเอ่อล้นด้วยหยดน้ำที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหย่อน

“พวกเราสามคน พอรู้เรื่องว่าแม่ไม่สบาย ก็กระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง ผมและพี่ได้ทำในสิ่งที่ตนเองทำได้และควรกระทำแล้ว
และน้องก็ได้ทำสิ่งที่พวกผมไม่มีความกล้าพอที่จะทำได้ให้กับแม่”

“แม่ไม่เข้าใจ ลูก” แม่เอ่ยปากแบบสงสัย

“วันนั้นเป็นเวรของน้องที่จะมาเฝ้าไข้แม่ โดยที่พวกผมจะมาเปลี่ยนเวรกันในตอน 6 โมงเช้า เมื่อผมเข้ามาถึงกลับไม่เห็นน้องอยู่ในห้องของแม่ แต่มีโน๊ตเขียนไว้ตรงเตียงแม่ว่า

"พี่รอง ผมอยู่ในห้องน้ำ และไม่ต้องตกใจสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น"

ผมก็เดินไปที่ห้องน้ำ ปรากฏว่า........

น้องได้ทำการฆ่าตัวตาย โดยใช้มีดที่นำมาปลอกผลไม้ กรีดที่ข้อมือตัวเองในอ่างน้ำ โดยให้เลือดไหลช้า ๆ เพื่อที่หัวใจจะยังสามารถทำงานและยังจะสามารถนำมาช่วยแม่ได้ น้องเขียนจดหมายไว้ในห้องน้ำว่า

"นำหัวใจผมไปช่วยแม่ ผมรักแม่ แต่ผมทำได้แค่นี้"

"น้องเสียแล้วเพราะเลือดไหลมากเกินไป และผมก็ได้นำหัวใจของน้องมา ช่วยแม่ครับ"

"ไม่จริงใช่ไหมลูก น้องออกไปหางานทำเท่านั้นใช่ไหม อย่ามาหลอกแม่เลย" แม่พูดพร้อมน้ำตาคลอเบ้า

ลูกคนโตปลอบโยนคุณแม่ที่ทำท่าปฏิเสธทั้งน้ำตาว่า

“แม่ครับ พวกผมสองคน ให้แม่ยังไม่ได้ครึ่งของน้องเลยครับ เราสามคนรักแม่มาก และผมก็เข้าใจน้องดีครับ แม่ทำใจนะครับ”

“พวกเรา จะยังคงอยู่ด้วยกัน 4 คนเหมือนเดิม ไม่มีวันใดที่พวกเราจะแยกจากกันหรอกครับ…”

แม่สะอื้น แต่เริ่มทำใจได้แล้ว

“แม่รักลูก รักลูกทุกคน และลูกทุกคนจะอยู่กับแม่เสมอ และตลอดไป”

ทั้ง 3 คน ร้องไห้ และพร่ำเรียกหาน้องคนเล็ก แม้เขาจะไม่มีโอกาสได้ยินเสียงของแม่และพี่ชายทั้งสองคนอีกครั้งก็ตาม.....

เอาสองมือประนมกร
ลาจากจรมารดาแก้ว
ชีวิตแทนให้แล้ว
ขอแม่แคล้วจากโรคภัย
สำนึกในบุญคุณ
ที่อบอุ่นแม่คอยให้
ชาตินี้มีอะไร
ตอบแทนได้ให้สมดี
มองซ้ายเหลียวแลขวา
ไม่เห็นค่าคู่ควรศรี
เหลือแต่เพียงชีวี
ของลูกนี้จักทดแทน....

******************************
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอุปมาว่า ถ้าบุตรจะพึงวางบิดามารดาไว้บนบ่าทั้งสองของตน ประคับประคองท่านอยู่บนบ่านนั้น ป้อนข้าวป้อนน้ำและให้ท่านถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่านั้นเสร็จ แม้บุตรจะมีอายุถึง ๑๐๐ ปี และปรนนิบัติท่านไปจนตลอดชีวิต ก็ยังนับว่าตอบแทนพระคุณท่านไม่หมด
******************************

ที่มา : dhammathai.org/by สาระแห่งสุขภาพ

1 ความคิดเห็น: