รายงานพิเศษ : รัฐบาลทุ่มงบ 40 ล้าน ช่วยคนเผาเมือง ...สมควรแล้วหรือ?
อมรรัตน์ ล้อถิรธร....รายงาน
ขณะนี้รัฐบาลโดยกระทรวงยุติธรรม กำลังเดินสายใช้เงินภาษีของประชาชนไปยื่นขอประกันตัวคนเสื้อแดงนับร้อยคนที่ถูกคุมขังทั้งใน กทม.และต่างจังหวัดจากคดีเผาบ้านเผาเมืองเผาศาลากลางจังหวัด ถึงขนาดทุ่มงบหลายสิบล้านเพื่อการนี้ และส่อเค้าว่าอาจต้องเพิ่มงบให้อีก ไม่เท่านั้น รัฐบาลยังมีแนวคิดนำเงินไปช่วยประกันตัวคนที่ติดข้อหาหมิ่นสถาบันด้วย ...ลองไปฟังนักกฎหมายว่าจะมองเรื่องนี้อย่างไร?
“พี่น้องนัดกันคราวหน้า ถ้ารู้ว่าเขาจะปราบปราม ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก มาด้วยกัน ขวดแก้วคนละใบ มาเติมน้ำมันเอาข้างหน้า บรรจุให้ได้ 75 ซีซี-1 ลิตร ถ้าเรามา 1 ล้านคนในกรุงเทพมหานคร มีน้ำมัน 1 ล้านลิตร รับรองว่า กทม.เป็นทะเลเพลิงอย่างแน่นอน การสู้ของคนเสื้อแดงแบบง่ายๆ อย่างนี้ บอกให้ทหารได้รับทราบ บอกให้ทหารสุนัขรับใช้ของอำมาตย์ได้รู้ว่า ถ้าคุณทำร้ายคนเสื้อแดง แม้เลือดหยดแต่หยดเดียว นั่นหมายความว่ากรุงเทพฯ จะเป็นทะเลเพลิงทันที ส่วนต่างจังหวัดเนี่ย จตุพรบอกแล้ว ให้รอฟังข่าวว่า พี่น้องที่อยู่ในต่างจังหวัด ไม่ได้มาไม่เป็นไร ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นทันทีรวมตัวกันที่ศาลากลาง ไม่ต้องรอเงื่อนไข จัดการให้ราบพนาสูรเหมือนกัน”
ไม่บอกก็คงจำกันได้ว่า นั่นคือคำปราศรัยของนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์เสื้อแดงเผาบ้านเผาเมืองทั้งใน กทม.และต่างจังหวัดเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 กระทั่งทำให้คนเสื้อแดงที่ก่อเหตุถูกดำเนินคดีและถูกคุมขังนับร้อยคนทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม หลังพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ปรากฏว่า แกนนำ นปช.ต่างได้ดิบได้ดีกันถ้วนหน้า บ้างได้เป็น ส.ส. บ้างได้เป็นรัฐมนตรี พร้อมประกาศว่า จะเดินหน้าช่วยประกันตัวเสื้อแดงทุกคนที่ยังอยู่ในคุก รวมทั้งจะหาทางให้เสื้อแดงที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 ได้รับการเยียวยารายละ 10 ล้าน
นั่นจึงเป็นที่มาของเงินเยียวยา 7.75 ล้านที่ ครม.ยิ่งลักษณ์ อนุมัติงบ 2,000 ล้านเพื่อการนี้ และถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายว่าเป็นตัวเลขการเยียวยาที่สูงเกินความเหมาะสม โดยเฉพาะการเยียวยาความสูญเสียทางจิตใจ (3 ล้าน) ที่ไม่เคยมีประเทศไหนให้มาก่อน
ไม่เพียง ครม.ยิ่งลักษณ์จะอนุมัติงบเพื่อเยียวยาคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการชุมนุม แต่ยังอนุมัติงบ 43 ล้าน เพื่อให้กองทุนยุติธรรม ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม นำไปตระเวนประกันตัวคนเสื้อแดงที่โดนคดีเผาบ้านเผาเมืองที่ยังถูกคุมขังทั้งใน กทม.และต่างจังหวัดนับร้อยคนด้วย
โดยประเดิมที่ จ. มุกดาหาร ที่มีคนเสื้อแดงติดคุกอยู่ 13 คนในคดีเผาศาลากลางจังหวัด-บุกรุกสถานที่ราชการ ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมทนายเสื้อแดงและ ส.ส.พรรคเพื่อไทย พยายามเดินสายขอประกันตัวเสื้อแดงในจังหวัดต่างๆ ส่วนใหญ่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากคดีเผาทำลายสถานที่ราชการเป็นคดีร้ายแรงและมีอัตราโทษสูง แต่เมื่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ลุกขึ้นมาออกหน้าร่วมกับนายนรินทร์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความของกลุ่ม นปช.นำเงินจากกองทุนยุติธรรมที่ ครม.ให้มากว่า 40 ล้านไปตระเวนเดินสายประกันตัวเสื้อแดงในจังหวัดต่างๆ แล้ว การประกันตัวจึงเริ่มสัมฤทธิผล สังเกตได้จากศาล จ.มุกดาหาร อนุญาตปล่อยตัว 13 เสื้อแดงโดยตีราคาประกันคนละ 2 ล้านบาท รวม 26 ล้านบาทเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ไม่ใช่แค่ จ.มุกดาหารเท่านั้นที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ นำเงินจากกองทุนยุติธรรมไปช่วยประกันตัวคนเสื้อแดง แต่ยังมีอีกหลายจังหวัดที่ได้ทยอยยื่นประกัน เช่น จ.อุดรธานี ที่ยังมีคนเสื้อแดงติดคุกอยู่ 5 คน, มหาสารคาม 9 คน, อุบลราชธานี 4 คน รวมทั้งใน กทม.อีก 14 คน ซึ่งนายนรินทร์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนาย นปช.บอกด้วยว่า หากเงิน 43 ล้านที่ ครม.ให้กองทุนยุติธรรมมาไม่พอสำหรับใช้ประกันตัวเสื้อแดง ทางสมาคมฯ จะทำเรื่องของบเพิ่มจาก ครม.ต่อไป
คำถามตามมาทันทีว่า การที่รัฐบาลทุ่มงบกว่า 40 ล้านที่มาจากภาษีประชาชนให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ นำไปใช้ประกันตัวเสื้อแดงในคดีเผาบ้านเผาเมืองทั้งใน กทม.และต่างจังหวัดเป็นเรื่องเหมาะสมหรือไม่ นี่ยังไม่รวมว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เผยระหว่างแถลงความคืบหน้าการยื่นขอประกันตัวคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า มีแนวคิดจะนำเงินจากกองทุนยุติธรรมไปยื่นขอประกันตัวคนที่ถูกคุมขังในคดีหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วย แต่อยู่ระหว่างรอให้คณะกรรมการพิจารณาอีกครั้งว่าจะยื่นขอประกันตัวหรือจะดำเนินการอย่างไร? ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่า มีแกนนำคนเสื้อแดงหลายคนที่อยู่ระหว่างถูกคุมขังคดีหมิ่นสถาบัน เพราะศาลไม่อนุญาตให้ประกัน เช่น นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ,นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือแซ่ด่าน, น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด เป็นต้น
นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายพันธมิตรฯ พูดถึงกรณีที่รัฐบาลอนุมัติงบให้กองทุนยุติธรรมไปใช้ประกันตัวเสื้อแดงที่เผาบ้านเผาเมืองว่า ไม่รู้สึกแปลกใจ เพราะเรื่องที่ผิดๆ รัฐบาลทำได้ทุกอย่าง ขนาดเงินเยียวยาเสื้อแดงรายละ 7.75 ล้าน รัฐบาลก็อนุมัติมาแล้ว
“กองทุนยุติธรรมมันเป็นเงินภาษีอากรของประชาชน และพวกนั้นก็คือข้อหาเผาศาลากลาง ทำลายทรัพย์สินของทางราชการและของประชาชนที่มีไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน แต่เมื่อนโยบายของรัฐบาลดำเนินการเช่นนี้ ก็จะเห็นได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าแปลก เพราะเวลาพวกเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง เขายังอนุมัติให้ 7.75 ล้านไปแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับรัฐบาลนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ในเรื่องที่ผิดๆ เนี่ยเขาทำได้ทุกอย่าง คนเหล่านี้ไม่ใช่คนบริสุทธิ์ เอาไปช่วยคนบริสุทธิ์ แต่เขายากจน มันก็เรื่องหนึ่ง แต่พวกนี้มันจงใจเผาศาลากลาง”
ด้าน ผศ.ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกว่า การนำเงินกองทุนยุติธรรมไปช่วยประกันตัวคนเสื้อแดง หากภายหลังเกิดความผิดพลาดขึ้น รัฐมนตรีและปลัดกระทรวงยุติธรรมจะต้องรับผิดชอบ
“คนที่รับผิดชอบก็คือ ปลัดกระทรวง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คือถ้าหากตอนหลังพบว่ามีการดำเนินการโดยผิดพลาดคลาดเคลื่อน ก็ต้องรับผิดชอบ กองทุนยุติธรรมต้องเป็นหลักประกันของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่ใช้เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ...การประกันเป็นกลไกที่กฎหมายมีไว้สำหรับการคุ้มครองขั้นต่ำสำหรับประชาชน ทีนี้ถ้าปรากฏว่าจะไปคุกคามพยาน ก็จะไม่ให้ประกัน หรือปรากฏว่าจะไปทำความผิดซ้ำ ก็จะไม่ให้ประกัน ทีนี้จะทำความผิดซ้ำได้หรือไม่ ก็เป็นดุลพินิจของศาล ศาลต้องรับผิดชอบอยู่แล้วในการพิจารณาว่าจะให้ประกันหรือไม่ให้ประกัน และเมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต้องใช้มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศด้วยนะ ไม่ใช่ใช้เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง”
ขณะที่ ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก คณบดีบัณฑิตวิทยาลัยสาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม มองว่า เป็นเรื่องประหลาดและตลกที่มีการนำเงินกองทุนยุติธรรมไปช่วยประกันตัวคนเสื้อแดงที่เผาบ้านเผาเมือง ทั้งที่เงินกองทุนดังกล่าวควรนำไปช่วยคนที่ยากจนจริงๆ แต่ถูกคุมขังด้วยคดีเล็กน้อย พร้อมชี้ว่า หากมีการนำเงินกองทุนนี้ไปช่วยประกันตัวคนที่ถูกคุมขังจากคดีหมิ่นสถาบันด้วย แสดงว่ารัฐบาลไม่เคารพกฎหมายอาญา มาตรา 112
“ผมว่ามันประหลาดรึเปล่า กองทุนยุติธรรมเพื่อแบบนี้ แล้วถ้าจะไปประกันคนเสื้อแดง คนเสื้อเหลือง คนเสื้อสีอะไรก็แล้วแต่ ทำไมไม่ไปสำรวจดูว่าบรรดาพี่น้องคนยากคนจนที่ไม่มีเงินประกันตัว ต้องถูกจองจำถูกจำขังอยู่ในเรือนจำมีจำนวนมากมายมหาศาล คนเหล่านั้นเนี่ยไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย หรือเพียงแค่ว่าทำความผิดเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็ไม่สามารถที่จะหาเงินมาประกันตัวได้ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว ศาลก็พร้อมจะให้ประกันตัว เพียงแต่ว่าไม่มีตังค์ ทำไมไม่ไปช่วยคนเหล่านั้น ...เอาเงินมาจ่ายให้เสื้อแดง มันตลกรึเปล่ากองทุนยุติธรรม”
“(ถาม - เมื่อ 22 มิ.ย.ท่านประชาพูดถึงความคืบหน้าการใช้เงินกองทุนนี้ไปประกันคนเสื้อแดงที่มุกดาหาร ท่านประชาบอกด้วยว่า กำลังพิจารณาว่าจะเอาเงินนี้ไปประกันคนที่ทำผิดกฎหมายหมิ่นสถาบันด้วย ตรงนี้คิดอย่างไร?) นั่นยิ่งไปกันใหญ่ คนทั้งหลายที่ถูกดำเนินคดีในเรื่องของการหมิ่นสถาบัน ควรจะได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนรอบคอบ การมาทำในลักษณะของการประกันตัวแบบนี้ แสดงว่าคุณไม่เคารพกฎหมายนี้”
ด้าน นายนิติธร ล้ำเหลือ กรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ บอกว่า ส่วนตัวแล้วไม่เคยไปขอใช้เงินจากกองทุนยุติธรรมในการประกันตัวใคร โดยเฉพาะคดีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ไม่ได้ใช้เงินจากกองทุนดังกล่าว เพราะคิดว่าผู้นำในการชุมนุมควรรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่มเสื้อแดงที่โดนคดีเผาบ้านเผาเมือง หากจะขอประกันตัวก็ควรให้แกนนำในการชุมนุมเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ใช่มาใช้เงินจากกองทุนยุติธรรม
“ผมเองไม่เคยไปใช้ในส่วนของกองทุนยุติธรรม โดยเฉพาะคดีพันธมิตรฯ ก็ไม่ได้ใช้กองทุนยุติธรรม ใช้เงินจากการบริจาคส่วนหนึ่ง บริจาคนี่ก็คือเอาไปซื้อกรมธรรม์อิสรภาพ เพื่อใช้เป็นประกัน เพราะเราคิดว่าอันนี้มันเป็นเรื่องของ คือผู้นำการชุมนุมเนี่ยควรจะต้องรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้น”
(ถาม - เพราะฉะนั้น การกระทำของคนเสื้อแดงที่ติดคุกอยู่ทั่วประเทศกว่า 100 คน ในการเผาบ้านเผาเมือง ผู้นำในการชุมนุมก็ควรจะต้องรับผิดชอบเหมือนกัน?) ผมคิดว่าผู้ที่เป็นผู้นำในการชุมนุม ผู้ที่พูดจาให้คนเข้าใจได้แบบนั้น เกิดความรู้สึกแบบนั้น เกิดความรู้สึกร่วมหรือไปกระทำการในลักษณะที่เขาเชื่อว่า เป็นคำสั่ง เป็นความเห็น เป็นคำแนะนำ อะไรก็แล้วแต่ ...อันนี้ควรจะต้องรับผิดชอบกับบุคคลเหล่านี้ ผมว่ากองทุนแบบนี้มันควรจะใช้กับลักษณะที่เป็นคนยากคนจนจริงๆ คือมันไม่ควรใช้กับลักษณะของคดีที่มันก่อให้เกิดความเสียหาย นอกเหนือจากการชุมนุมทางการเมือง หมายความว่า อย่างเผาบ้านเผาเมืองเนี่ย จะอ้างว่าเป็นนั่น ก็คงไม่ใช่มั้ง มันดูไม่ค่อยสมเหตุผลเท่าไหร่”
นายนิติธร ยังฝากรัฐบาลด้วยว่า ก่อนจะทำอะไร ควรคิดถึงผลทางจิตวิทยาที่จะตามมาด้วย เพราะแม้ว่าเรื่องการประกันตัวจะเป็นเรื่องที่เริ่มต้นจากการเคารพสิทธิหรือการคำนึงถึงสิทธิที่ทุกคนพึงได้รับ แต่การนำเงินของรัฐที่มาจากภาษีประชาชนไปช่วยเหลือผู้ที่ก่อความเสียหายให้บ้านเมือง อาจเป็นแรงกระตุ้นหรือส่งเสริมได้ว่า ต่อไปการชุมนุมทางการเมืองสามารถใช้ความรุนแรงได้ เพราะในที่สุดแล้วจะมี 7.75 ล้านมาเยียวยา หรือมีเงินจากกองทุนยุติธรรมมาช่วยเหลือ ซึ่งนอกจากไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมืองแล้ว ยังอาจเกิดความไม่เป็นธรรมจากการเลือกปฏิบัติด้วย!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น