หัวหน้าภาควิชา จุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล
เผยสถานการณ์ล่าสุด "เอดส์พันธุ์ผสม" ระบุ ขณะนี้กำลังเพาะเชื้อ ชี้
การพบเชื้อเอชไอวีลูกผสม 3 สายพันธุ์ เป็นสัญญาณว่า
การระบาดของโรคเอดส์ในระลอกใหม่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะเท่ากับว่า
คนไทยไม่มีการป้องกันการรับเชื้อเพิ่ม
วานนี้ (10 มิ.ย.) ที่โรงพยาบาลศิริราช ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง สุทเธนทร์
หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล
กล่าวถึงกรณีศูนย์รวบรวมและวิเคราะห์เชื้อเอชไอวีแห่งประเทศไทย (NHRBC)
สำรวจพบสายพันธุ์เชื้อเอชไอวีลูกผสม จากผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 2
รายว่า ขณะนี้ได้ทำการเพาะเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ลูกผสมชนิดใหม่ทั้ง 2
สายพันธุ์ เพื่อตรวจวินิจฉัยและติดตามในห้องปฏิบัติการ
โดยตรวจหาแอนติบอดีจำเพาะ การตรวจหาปริมาณไวรัส และการตรวจหายีนดื้อยา
ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการตรวจวิเคราะห์เป็นเวลา 1 เดือน จึงจะทราบว่า
เอชไอวีสายพันธุ์ลูกผสมที่คาดว่าสามารถแพร่เชื้อได้รวดเร็วนั้น
มีปริมาณไวรัสในสารคัดหลั่งหรือน้ำอสุจิมากกว่าสายพันธุ์ปกติกี่เท่าและ
สามารถทำลายเซลล์ได้มากกว่าหรือไม่
รวมทั้งมีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์เอชไอวีทั่วไปหรือไม่
อย่าง ไรก็ตาม การพบเชื้อเอชไอวีลูกผสม 3 สายพันธุ์ เป็นสัญญาณว่า
การระบาดของโรคเอดส์ในระลอกใหม่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะเท่ากับว่า
คนไทยไม่มีการป้องกันการรับเชื้อเพิ่ม เมื่อทราบว่า
ตนเองมีเชื้อเอชไอวีอยู่แล้ว ทำให้ผู้ป่วยมีปริมาณเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น
เชื้อรุนแรงขึ้น และสามารถแพร่ไปยังผู้อื่นได้ง่าย
ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง กล่าวอีกว่า
ขณะนี้จะต้องเฝ้าระวังผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่
และอยู่ระหว่างการประสานให้มีการสุ่มสำรวจสารคัดหลั่งหรือเลือดของผู้ติด
เชื้อรายใหม่โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ ทั้ง กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่
ขอนแก่น ฯลฯ เพราะคาดว่าน่าจะมีการติดเชื้อมากกว่าในต่างจังหวัด
รวมถึงเฝ้าระวังในกลุ่มเสี่ยง เช่น กลุ่มชายรักชาย
โดยเฉพาะที่ให้บริการทางเพศ ซึ่งพบว่าไม่มีการป้องกัน
โดยพบว่าการติดเชื้อเอชไอวีทางลำไส้มีความไวมากกว่าการติดเชื้อจากการมีเพศ
สัมพันธ์ต่างเพศ ซึ่งอัตราการติดเชื้ออยู่ที่ 1 ต่อ 300 คน
กลุ่มวัยรุ่นที่ยังไม่สามารถสำรวจทั่วประเทศได้ว่าติดเชื้อหรือไม่
เนื่องจากยังไม่บรรลุนิติภาวะ
รวมทั้งการมีเพศสัมพันธ์ต่างเพศที่มีอัตราการติดเชื้อประมาณ 1 ต่อ 1,000
คน ซึ่งเชื้อเอชไอวีลูกผสมน่าจะมีอัตราเสี่ยงที่สูงกว่านั้น
แต่ขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน
สำหรับผู้ติดเชื้อเอไอวีสายพันธุ์ลูกผสมนั้น คาดว่า
เกิดจากการถ่ายทอดเชื้อมาแล้วอย่างน้อย 2 หรือ 3 รอบ
เริ่มจากกลุ่มหญิงบริการทางเพศซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง
โดยรับเชื้อมาจากภายนอกประเทศซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดในแอฟริการตะวันตก
และแอฟริกากลาง จากนั้นถ่ายทอดให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ
และถ่ายทอดมาสู่ภรรยา
โดย จะเห็นได้จากการที่ผู้ติดเชื้อที่ตรวจพบทั้ง 2 ราย
เป็นคู่สามีภรรยาปกติ ซึ่ง 1 ใน 2 รายนี้เป็นหญิงตั้งครรภ์
แพทย์ได้ให้ยาต้านไวรัสขณะตั้งครรภ์ทำให้ทารกที่คลอดออกมาไม่ติดเชื้อเอชไอ
วี สำหรับอาการทั่วไปของผู้ติดเชื้อ เนื่องจากเป็นระยะเริ่มแรก
จึงยังไม่พบอาการป่วยหรืออาการแทรกซ้อนใดๆ
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000065492
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น