“หากคิดเฉลี่ยจากประชากร 63 ล้านคน เราจะจ่ายเงินคนละไม่เกิน 3,370 บาท เพื่อซื้อคืน ปตท เราน่าจะได้เห็นราคาน้ำมันลดลงอีกลิตรละ 5 บาท และเห็นการรับประกันการไม่ขึ้นราคาก๊าซภายใน 10 ปี” สารี กล่าว
ส ่วนสาเหตุที่มีการนำเสนอแนวคิดนี้ สารีระบุว่า เนื่อง ปตท.ดำเนินกิจการภายใต้การผูกขาด เป็นผู้รับซื้อขายก๊าซเป็นรายเดียว และยังขายให้บริษัทลูกในราคาถูกกว่าที่ขายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งถ้าขายในราคาเดียวกันจะทำให้ค่าไฟฟ้าของประชาชนถูกลงกว่า 3,500 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะหน่วยงานที่ต้องตรวจสอบการทำงานของ ปตท.ล้วนมีส่วนเป็นกรรมการ หรือมีผลประโยชน์ใน ปตท. อีกด้วย
สารี ยังแสดงความไม่เห็นด้วยกับมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน 2.5 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 6 เดือนของรัฐบาลด้วย โดยระบุว่า มาตรการดังกล่าวเป็นการผลักภาระให้ประชาชนแบกรับ เพราะเราใช้น้ำมัน 6 เดือนราว 10,000 ล้านลิตร ทำให้รัฐต้องขาดรายได้จากภาษีส่วนนี้ไปราว 25,000 ล้านบาท สิ่งที่ควรทำคือ บริษัทสามารถลดราคาน้ำมันลง 5 บ าทได้เลยโดยที่ยังได้กำไร เพราะปัจจุบันนี้ ต้นทุนราคาน้ำมันที่ขายอยู่นั้นสูงกว่าตันทุนที่แท้จริงมาก เนื่องจากบริษัทน้ำมันอาศัยราคาน้ำมันซื้อล่วงหน้าของตลาดสิงค์โปร์ ไม่ใช่ต้นทุนจริงจากการซื้อน้ำมันจากตะวันออกกลาง และน้ำมันที่ได้จากภายในประเทศถึง 21% ซึ่งเฉลี่ยแล้วต่ำกว่าราคาตลาดล่วงหน้าของสิงค์โปร์อยุ่ประมาณลิตรละ 5 บาท
จากจุดเริ่มต้นนี้ สารี กล่าวว่า อาจจะนำไปสู่รูปแบบการร่วมกันเป็นบริษัทประชาชนเพื่อพลังงาน หรือเป็นไปตามรูปแบบของมูลนิธิ
“แ ต่สิ่งที่ต้องดำเนินการก่อนที่เราจะซื้อคืนหุ้น ปตท เราจำเป็นจะต้องให้ ปตท คืนทรัพย์สินของประเทศตามคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด ให้ครบถ้วน ก่อน เพื่อที่ประชาชนจะได้ซื้อหุ้นในราคาที่เป็นจริง ไม่ได้รวมค่าทรัพย์สินที่เป็นของรัฐที่ ปตท.ยังไม่ได้คืน” สารีกล่าว
ทั้งนี้ ตามคำตัดสินของศาล ปตท ต้องคืนทรัพย์สิน ซึ่งในวันที่ 17 ธันวาคม 2550 นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท ได้ให้สัมภาษณ์ว่า โครงข่ายท่อก๊าซและที่ดินติตของปตทมีมูลค่าตามปัญชีอยู่ที่ 100,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้การคืนทรัพย์สินยังไม่ได้เป็นที่เปิดเผยว่าได้คืนครบถ้วนแล้วหรือไม่ และเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ทางมูลนิธิผู้บริโภคได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอตรวจสอบความคืบหน้าการ คืนทรัพย์สินของ ปตท. ซึ่งศาลไม่รับคำร้องดังกล่าวโดยให้เหตุผลว่าทางมูลนิธิไม่ใช่ผู้เสียหายโดยต รง
ด ังนั้น มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายผู้บริโภค จะไปยื่นจดหมายต่อ คณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ตลอดจนกระทรวงการคลังเพื่อให้ตรวจสอบมูลค่าทรัพย์สินที่ ปตท ต้องคืนต่อรัฐว่าครบถ้วนหรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น