++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

การผูกขาดและขยายกิจการแบบหนวดปลาหมึกของ cp

กระแสการต่อต้านซีพีกรุ๊ปเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในสังคมไทย การผูกขาดและการขยายกิจการแบบ “หนวดปลาหมึก” ที่ยุ่มย่ามไปในหลากหลายกลุ่มผลประโยชน์ ทำให้ผู้คน “ที่เห็นต่างทางการเมือง” หันมา “ล้อมกรอบ” ทุนผูกขาดบริษัทนี้กันถ้วนหน้า
...การเข้ามาครอบครองกิจการ หลากหลายกิจการของของทุนผูกขาด “ซีพี” ที่มีสายป่านยาว มีการบริหารจัดการที่ทันสมัย แม้ว่าจะ “ทำตามกฏหมาย” แต่ก็ไปเบียดเบียน “อุตสาหกรรมขนาดกลางขนาดย่อม” ใน “หลากหลายอาชีพ” ที่มีทุนน้อยสายป่านสั้นและมีการบริหารจัดการที่ด้อยประสิทธิภาพกว่าต้อง “พังลง” เพราะ “ทนแรงเสียดทาน” ของทุนผูกขาดที่มีศักยภาพสูงกว่าไม่ได้
....ยิ่ง “ซีพีกรุ๊ป” ถือโอกาสในช่วงเวลาที่การเมืองในระบอบปัจจุบันเอื้อต่อฝ่ายตน (จะด้วยสาเหตุอะไรไม่ขอกล่าว) ประกอบกับการล่มสลายของทุนยุโรป ซีพีกรุ๊ปจึงได้โอกาส “เพิ่มรากแก้ว กระจายรากฝอย” ออกไปซื้อกิจการใหญ่ๆเอามาไว้ในกำมือไปพร้อมๆกับการทำลายเอสเอ็มอี แย่งชาวบ้านพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่แผงลอย เกษตรกรเลี้ยงเป็ดไก่หมูฯลฯ ทำมาหากินชนิดที่เรียกได้ว่าแทบจะครอบจักรวาล เพราะอุตสาหกรรมอาหารที่ซีพีผูกขาดการถือครองเอาไว้ สามารถแทรกตัวเข้าไปอยู่ได้ในทุกๆกิจการ
....การขยายตัวแบบไม่มีลิมิตของซีพีกรุ๊ป ได้สร้าง “ความหวาดกลัว” ไปพร้อมกับความ“ชิงชัง” ให้กับผู้คน ถึงขนาดรวมตัวกันแสดงประชามติทั้งทางตรงและทางอ้อม ใช้สื่อที่เรียกกันว่า “โซเชี่ยลมีเดี่ย” รณรงค์ให้ “งดซื้อ” สินค้าจาก 7-11 ซึ่งเป็น “ร้านสะดวกซื้อ” ที่เป็น” “แหล่งระบายสินค้า” ของค่ายธุรกิจผูกขาดดังกล่าว ที่ยึด “จุดสำคัญๆ” ของชุมชนเอาไว้ ในช่วง 7-11 พ.ค.2558
............ก่อนอื่นต้องเข้าใจร่วมกันกันเสียก่อนว่า การบริหารจัดการของ “ร้านสะดวกซื้อ” มีลักษณะเป็น one stop service นั้น “สอดคล้อง” กับ “การคลี่คลายขยายตัวของสังคม” ในยุคปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง เพราะสะดวกในการซื้อหาของมนุษย์ในยุคอุตสาหกรรม เพราะนอกมีอาหารสะอาดที่มีบริษัทที่มีตัวตนคอยตรวจสอบคุณภาพและรับรองมาตรฐานแล้ว ยังมีเครื่องอุปโภคอีกหลากหลายชนิดที่ใช้ประจำวันไว้บริการอีกด้วย ร้านสะดวกซื้อจึงเป็นที่นิยมกันทั่วโลกไม่เฉพาะแต่ในเมืองไทย
แต่คำถามก็คือ....ก็ในเมื่อมันมีกันทั่วโลกแล้วทำไม่ในประเทศไทย จึงมีปฏิกิริยาต่อต้านซีพีรุนแรง ทำไมไม่ต่อต้านแฟมมิลี่มาร์ท หรือมาร์ทเจ้าอื่นๆ คำตอบก็คือ...ร้านสะดวกซื้ออื่นๆที่พัฒนาทางการเมืองแล้ว ไม่ว่าจะพัฒนาทางการเมืองเป็นประชาธิปไตยหรือคอมมิวนิสต์ ไม่สามารถเป็นบริษัท “ปลาหมึกยักษ์” เข้าไปซื้อ เข้าไปครอบครองอาชีพอื่นๆแบบครบวงจร (ผลิตเอง ขายเอง) อย่างซีพีได้นั่นเอง เพราะในระบอบที่พัฒนาแล้วดังกล่าว เขามีกฏหมายห้ามการผูกขาดและมีการบังคับใช้กฏหมายอย่างไม่เลือกหน้าอินทร์หน้าพรหม แถมรัฐยังเข้าไปแทรกแซงไม่ให้ทุนใหญ่ไปผูกขาดกิจการต่างๆเพื่อให้คนทุนน้อย คนมือเล็กมือน้อย มีโอกาสได้มีอยู่มีกินบ้างนั่นเอง (บริษัทซอฟแวร์ยักษ์ใหญ่ของโลกยังถูกฟ้องให้จ่ายเงินเป็นพันล้านเพราะมีการผูกขาดเลย)
..........ปัญหาว่าทำไมซีพีกรุ๊ปและบริษัทร่ำรวยติดอันดับโลกอื่นๆของไทยจึงทำมาหากินแบบปลาหมึกคือเข้าไปครอบครองในหลากหลายกิจการหลากหลายอาชีพได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น