มรณาสันนวิถี คือ วิถีจิตเมื่อใกล้จะตาย หมายถึง ภวังคจิตได้เปลี่ยนมาเป็นจุติจิต ซึ่งเป็นจิตสุดท้ายในภพชาตินั้น
เมื่อจุติจิตดับลงแล้ว ปฎิสนธิจิตดวงใหม่ก็จะปรากฎขึ้นครั้งแรกในภพชาติใหม่ด้วยอำนาจแห่งการสืบต่อ เพราะยังไม่สิ้นกรรม
กรรมที่นำให้ไปเกิดในภพชาติใหม่คือ ชนกกรรม ทำหน้าที่สร้างรูปนามขึ้นในภพใหม่ แล้ว อุปถัมภกกรรม ก็จะมาอุดหนุนให้ รูปนามนั้นเจริญขึ้นและดำรงอยู่ต่อไป จนกระทั่งสิ้นอายุขัยหรือสิ้นกรรมอีกวาระหนึ่ง
การตายมาจากเหตุ ๔ ประการคือ
๑. อายุกฺขยมรณ เพราะสิ้นอายุ
๒. กมฺมกฺขยมรณ เพราะสิ้นกรรม
๓. อุภยกฺขยมรณ เพราะสิ้นอายุ และ สิ้นกรรม
๔. อุปจฺเฉทกมรณ เพราะประสบอุบัติเหตุทั้ง ๆ ที่กรรมยังไม่สิ้น
ท่านเปรียบเทียบเหมือนกับตะเกียงจุดไว้ตามบ้านเรือน ย่อมจะดับลงได้ด้วยเหตุ ๔ ประการ คือ เพราะหมดไส้ตะเกียงหมดอย่างหนึ่ง , เพราะหมดน้ำมันอย่างหนึ่ง , เพราะหมดทั้งไส้ทั้งน้ำมันทั้งสองอย่าง และเพราะโดนลมพัดหรือเป่าให้ดับอีกอย่างหนึ่ง รวมเป็น ๔ ประการด้วยกัน
มรณาสันนวิถี มี ๒ ประเภทใหญ่คือ ปัญจทวารมรณาสันนวิถี และ มโนทวารมรณาสันนวิถี
ขึ้นอยู่กับ อารมณ์ที่มาปรากฎเมื่อใกล้ตายนั้นมาปรากฎทางทวารไหน ถ้าปรากฎทางตา คือได้เห็น ทางหูคือได้ยิน ทางจมูกคือได้กลิ่น ทางลิ้น คือได้รส ทางกายคือได้สัมผัสความเย็นร้อนอ่อนแข็ง ก็เป็น ปัญจทวารมรณาสันนวิถี
ถ้าอารมณ์เมื่อใกล้ตายปรากฎทางใจ ก็เป็น มโนทวารมรณาสันนวิถี
ในขณะเมื่อใกล้ตายนั้น กำลังของหทัยวัตถุก็อ่อนลง จึงไม่มีกำลังสามรถจะบังคับอารมณ์ได้ อารมณ์ที่มาปรากฎจึงเป็นกรรมที่เคยทำมาแล้วในชาตินี้ หรือ ชาติก่อนมาแสดงให้ปรากฎ มี ๓ ลักษณะด้วยกัน คือ
ก . กรรมอารมณ์ ( อารมณ์คือกรรม ) คือความรู้สึกเดิมที่เคยทำทั้งที่เป็น กุศล และ อกุศล
กรรมอารมณ์ ที่เกี่ยวกับกุศลนั้น ได้แก่ การให้ทาน การรักษาศีล การฟังธรรม หรือการเจริญภาวนา ในสมัยเมื่อตนได้สร้างบุญกุศลเหล่านี้ มีปิติโสมนัสอย่างไร เมื่อจวนจะใกล้ตาย ก็จะเป็นเหตุให้นึกถึงบุญกุศลนั้น ทำให้มีปิติดโสมนัสเกิดขึ้นเหมือนที่เคยทำมานั้น คือมีจิตใจหน้าตาแช่มชื่นเบิกบานคล้ายกับว่าตนกำลังทำบุญ ให้ทาน รักษาศีล ฟังธรรม หรือเจริญภาวนาอยู่ในขณะนั้น จึงมักตายจากไปอย่างสงบ ไม่หลงตาย
ส่วนกรรมอารมณ์ที่เป็นอกุศลนั้น คือ ตนเคยทำบาปอกุศลอย่างใดมา เช่น เคยฆ่าคน ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เคยถูกจองจำเพราะทำทุจริตหรือเคยโกรธแค้นพยาบาท เป็นต้น ก็ให้นึกบาปกรรมที่ตนเคยทำไว้ ทำให้มีความทุกข์ใจ มีความเศร้าหมอง หรือมีความโกรธขึ้น คล้าย ๆ กับว่าตนกำลังทำกรรมชั่วเหล่านั้น หรือกรรมเหล่านั้นกำลังเกิดขึ้นแก่ตนอยู่ ในขณะเมื่อจวนจะตายนั้น จึงมักตายจากไปอย่างกระสับกระส่าย หรือหลงตาย
กรรมารมณ์เป็นความรู้สึกทางใจ จึงปรากฏได้ทางใจหรือทางมโนทวารอย่างเดียว
ข . กรรมนิมิตอารมณ์ คือ นิมิต หรือเครื่องมืออุปกรณ์ในการทำกรรม หรือวัสดุ สิ่งก่อสร้างที่ตนเคยทำไว้แล้ว ทางกาย ทางวาจา หรือทางใจ ย่อมแสดงนิมิตเครื่องหมายออกมาให้ปรากฏเมื่อจวนจะตาย
ถ้าเป็นฝ่ายบุญกุศล ก็ทำให้รู้เห็นเครื่องหมาย แห่งบุญกุศลที่ตนเคยทำไว้ เช่น โบสถ์ วิหาร โรงเรียน โรงพยาบาลที่ตนเคยสร้าง เห็นภาพพระภิกษุที่ตนเคยบวช หรือบวชลูกหลาน เห็นพระพุทธรูปที่ตนเองเคยสร้าง เห็นขันข้าวหรือทัพพีที่ตนเคยตักบาตรเป็นต้น หรือภาพนิมิตแห่งกิริยาอาการที่ตนเคยทำบุญกุศลนั้น ๆ มาปรากฏแก่ตนในเมื่อเวลาจวนจะตาย เมื่อจิตได้หน่วงเอาภาพนิมิตนั้นมาเป็นอารมณ์ ให้เห็นเป็นนิมิตเครื่องหมาย หรืออุปกรณ์ในการทำบุญกุศลต่าง ๆ เหล่านั้นที่ตนเคยทำมาก็ย่อมนำไปเกิดในสุคติ เพราะมีจิตใจเบิกบานไม่เศร้าหมอง
แต่ถ้ากรรมนิมิตที่เป็นอกุศลกรรม เช่น เคยฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ มาปรากฏ ก็ทำให้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ในการทำกรรม เช่น เห็นหอก ดาบ อวน เห็น เครื่องประหารเบียดเบียนสัตว์ที่เคยใช้ในการทำบาปมาแล้ว บางคนทำให้สะดุ้งหวาดเสียว ร้องไห้เสียงลั่น คิดว่าจะมีคนทำร้ายตน บางคนถ้าเคยฆ่าหมู ก็ร้องเสียงเหมือนหมู ฆ่าวัวก็ร้องเสียงเหมือนวัว ถ้าเคยชนไก่ก็เอาหัวแม่มือทั้ง ๒ ของตนชนกันแล้วร้องเหมือนเสียงไก่ชน ถ้ากรรมนิมิตฝ่ายบาปอกุศลมาปรากฏเป็นอารมณ์เมื่อจวนตายเช่นนี้ ก็ย่อมนำไปเกิดในทุคติ
กรรมนิมิตทั้งฝ่ายกุศลและอกุศลดังกล่าวมาแล้ว ถ้าเป็นเพียงคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ดังกล่าวมาแล้วนั้น นิมิตนั้น ๆ จะปรากฏทางมโทวาร เป็นอดีตารมณ์ ( อารมณ์อดีต ) แต่ถ้าเห็นด้วยตาจริง ๆ ได้ยินด้วยหูจริง ๆ ได้กลิ่น รู้รส ถูกต้องสัมผัสทางกายจริง ๆ ก็เป็นนิมิตที่ปรากฏทางปัญจทวาร และเป็นอารมณ์ในทางปัจจุบัน
ค . คตินิมิตอารมณ์ คือ นิมิต หรือเครื่องหมายที่บ่งบอกให้ทราบถึงที่จะไปเกิดใหม่
ถ้าเป็นคตินิมิตที่จะนำไปสู่สุคติ ก็จะปรากฏเป็นปราสาท ราชวัง วิมาน ทิพยสมบัติ เทพบุตร เทพธิดา เห็นครรภ์มารดา เห็นวัดวาอาราม เห็นบ้านเรือนผู้คน หรือพระภิกษุสามเณร ซึ่งล้วนแต่เห็นสิ่งที่ดี ๆ
ถ้าเป็นคตินิมิต ที่จะนำไปสู่ทุกคติ ถ้าจะไปเกิดในนรก ก็ปรากฏเห็นเป็นเปลวไฟนรก เห้นนายนิรยบาล เห็นสุนัข เห็นแร้ง กา เป็นต้น ที่กำลังจะเข้าทำร้ายตน ถ้าต้องไปเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานก็จะเห็นเหว ถ้ำ ป่าทึบ หรือทุ่งหญ้า หนองน้ำ เป็นต้น ที่ตนจะต้องไปเกิด
คตินิมิต จะปรากฏได้ในทวาร ทั้ง ๖ แต่ที่ปรากฏส่วนมากทางจักษุทวารและมโนทวาร คือ เห็นทางตา และทางใจเป็นส่วนมาก และจัดเป็นอารมณ์ในปัจจุบัน
อารมณ์ของมรณาสันนวิถีนี้ ย่อมเป็นกรรมอารมณ์ กรรมนิมิตหรือคตินิมิต อย่างใดอย่างหนึ่ง มาปรากฏแก่วิถีจิตที่ใกล้ชิดกับจุติจิตที่สุด หรือจะเรียกว่า “ เป็นการฝันครั้งสุดท้ายในชีวิตก็ได้ ” ถ้าฝันไม่ดี คือเห็นอารมณ์นิมิตไม่ดี ก็ไปเกิดในทุคติ ถ้าฝันดี คือเห็นอารมณ์ที่ดีก็ไปเกิดในสุคติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น