โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
“ของ ดีของจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่หลายคนยังไม่ทราบ คือ ขมิ้นชัน ที่มีสารเคอร์คูมินอยด์ เข้มข้นที่สุดในโลก และต้นทุนจากท้องถิ่นของบ้านเราเองนี่แหละ ที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการใช้ของดีเหล่านี้มาทำยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพร”
คำบอกเล่าอย่างง่ายๆ ที่แฝงไว้ด้วยความภาคภูมิในอย่างเต็มเปี่ยมในน้ำเสียงของ “นพ.ศราวุธ เรืองสนาม” ผู้อำนวยการคนขยันแห่งโรงพยาบาลท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่กำลังพูดถึงงานหลักสำคัญงานหนึ่งของโรงพยาบาล ที่เจ้าตัวพยายามผลักดันอย่างเต็มความสามารถเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ในพื้นที่
“เราเริ่มโครงการยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพรนี้ ตั้งแต่ช่วงประมาณปี พ.ศ.2542 เราไม่ได้ทำแบบเร่งนะ ค่อนข้างค่อยเป็นค่อยไป เพราะเป้าหมายจริงๆ ไม่ใช่เชิงธุรกิจ แต่เราหวังไว้ว่าการพัฒนาองค์ความรู้และการวิจัยด้านนี้ของโรงพยาบาล จะเป็นการพัฒนาเพื่อไปสู่ความยั่งยืนและประโยชน์ของผู้ป่วยของเรา”
ขั้นตอนการบรรจุน้ำมันไพลลงในขวด
***พัฒนาคนในพื้นที่ เพื่อกลับมาพัฒนาบ้านเกิด
นพ.ศราวุธ อธิบายขั้นตอนแรกที่เขาทำเมื่อคิดจะทำโครงการนี้ ว่า เริ่มจากการส่งคนในพื้นที่ไปศึกษาองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยสาขา อายุรเวชและหัตถเวช โดยส่งไปศึกษาที่สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข
“ที่เราเลือกเอาคนในพื้นที่ ส่วนหนึ่งเพราะปัญหาหลักปัญหาหนึ่งของจังหวัดในแถบนี้ อย่างจังหวัดระนอง หรือกระทั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานีเอง ประสบอุปสรรคด้านการรักษาสำคัญประการหนึ่งคือ เราขาดแคลนแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์แทบทุกแขนงค่อนข้างหนัก
นอกจากแพทย์ที่ขาดกันทุกโรงพยาบาลแล้ว ยังมีบุคลากรสาขาทันตแพทย์ เภสัชกร รวมถึงพยาบาลวิชาชีพด้วยที่ไม่เคยมีพอ อาจจะเพราะพื้นที่ค่อนข้างห่างไกล และดูทุรกันดารเดินทางลำบาก ทำให้แพทย์ใช้ทุนส่วนใหญ่ขอย้ายทันทีที่หมดสัญญาทุน แพทย์และบุคลากรการแพทย์อื่นๆ ที่ยังคงอยู่ในพื้นที่ ส่วนใหญ่จะเป็นคนพื้นเพที่นี่ หรือไม่ก็มาแต่งงานกับคนที่นี่ จึงไม่ได้ย้ายไปไหน เราจึงพยายามส่งเสริมทรัพยากรบุคคลในท้องถิ่น ส่งเขาไปเรียน เพื่อให้เขากลับมาพัฒนาบ้านเกิดของเขา”
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่าฉางให้ภาพการดำเนินการขั้นต่อไป ว่า ภายหลังบุคคลากรที่ถูกคัดเลือกเรียนจบหลักสูตรจากสถาบันฯ แล้ว ทางโรงพยาบาลท่าฉางก็ได้ค่อยๆ ปรับการรักษา โดยสอดแทรกแนวทางการรักษาแบบการแพทย์แผนไทยลงไปในการรักษาแบบการแพทย์แผน ปัจจุบันอันเป็นแนวหลักของโรงพยาบาลทีละน้อย
การอัดผงยาใส่แคปซูลด้วยเครื่อง เครื่องนี้สามารถบรรจุได้ 360 เม็ด ใน 2 นาที
***ใช้สมุนไพรควบคู่ ผู้ป่วยตอบรับดีเกินคาด
“เราใช้แนวทางการรักษาด้วยยาสมุนไพรและแนวการรักษาแบบแพทย์แผนไทยลง ไปผสมกับการรักษาแบบปกติในระยะแรกๆ เพื่อให้คนไข้ปรับตัวและค่อยๆ ชินไปทีละน้อย ไม่ว่าจะเป็นด้านยาหรือการบำบัดอาการป่วยเจ็บด้วยการนวดตามศาสตร์ของหัตถเวช แบบการแพทย์แผนไทย ควบคู่ไปกับการผลิตยาสมุนไพรเองจากวัตถุดิบของดีในท้องถิ่น และการนำยาสมุนไพรที่โรงพยาบาลใหญ่ๆ เช่นโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี มาจ่ายและวางจำหน่ายให้แก่ผู้ป่วยด้วย ซึ่งพอเราลองไประยะหนึ่งก็พบว่าผู้ป่วยรับได้และตอบรับการรักษาแบบแพทย์แผน ไทยดีมากครับ”
ผู้อำนวยการหนุ่มไฟแรงได้ให้รายละเอียดของยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ โรงพยาบาลทำเองว่า แบ่งออกเป็นสองประเภทหลักคือยาและเครื่องสำอาง ในส่วนของยาที่โรงพยาบาลผลิตเองได้ ได้แก่ ขมิ้นชันแคปซูล แก้ท้องอืดเฟ้อ อาหารไม่ย่อย จุกเสียด, มะระขี้นกแคปซูล ลดน้ำตาลในเลือด แก้ร้อนใน แก้ไข้, เถาวัลย์เปรียงแคปซูล แก้ปวดเมื่อยและขับปัสสาวะ, ส้มแขกแคปซูล ลดไขมันส่วนเกินและช่วยระบาย, เพชรสังฆาตแคปซูล แก้ริดสีดวงทวาร และมีสรรพคุณบำรุงสมานกระดูก, ฟ้าทะลายโจรแคปซูล แก้ร้อนใน เจ็บคอ ท้องเสีย, มะขามแขกแคปซูล ช่วยระบายท้องและบำรุงธาตุ, พริกไทยดำแคปซูล ช่วยละลายไขมัน ขับเหงื่อ ขับลม ทั้งยังมียาอมแก้ไอ แก้เจ็บคอรสต่างๆ ให้เลือกซื้อ ทั้งยาอมฟ้าทะลายโจร, ยาอมรสส้ม, ยาอมรสบ๊วย และยาอมรสมะนาว
ส่วนยาทาภายนอกก็มีไม่ได้น้อยหน้ากัน แถมน่าสนใจหลายๆ ตัวทีเดียว โดย นพ.ศราวุธ ได้ให้รายละเอียดว่า มีทั้งยาหม่องไพลที่ทั้งหอมและใช้ทาแก้เคล็ดขัดยอกได้ด้วย,พิมเสนน้ำที่ใช้ สูดดมแก้วิงเวียน, เจลว่านหางจระเข้ที่รักษาไฟไหม้ น้ำร้อนลวกได้ชะงัดกว่ายาฝรั่งเป็นไหนๆ รวมไปถึงยาหม่องพญายอ ที่ช่วยบรรเทาอาการแมลงสัตว์กัดต่อย ที่ขายดีไม่น้อยหน้าคาลามายด์แก้คันเนื้อคันตัวสูตรไทยๆ ที่ทำจาก “เสลดพังพอน” ด้วย
***โลชั่นขมิ้นชัน มัดใจคุณสาวๆ
ถึงตรงนี้คุณสาวๆ ผู้รักสวยรักงามคงอยากจะให้ผู้อำนวยการหนุ่มบอกเล่าถึงรายละเอียดประเภท ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสมุนไพร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของโรงพยาบาลแล้ว...
“ขายดีที่สุดต้องยกให้ขมิ้นชันบอดี้โลชั่นครับ ผลิตเท่าไหร่ก็หมด คุณสุภาพสตรีจะชอบมาก เพราะนอกจากจะบำรุงผิวได้ดีแล้วกลิ่นของโลชั่นจะหอมติดผิวได้นาน โลชั่นขมิ้นนี้ถือว่าเป็นตัวเด่นของเรา เพราะขมิ้นที่นี่ดีมาก พูดได้ว่าดีที่สุดในโลก ทำเป็นโลชั่นแล้วสรรพคุณเรื่องดูแลรักษาผิวไม่แพ้โลชั่นอื่นๆ แน่นอน ที่สำคัญคือราคาไม่แพงเพราะวัตถุดิบเป็นวัตถุดิบในท้องถิ่นเราเอง เราใช้ขมิ้นจากอ.บ้านตาขุนนี่เองครับ ทำให้เราไม่มีค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งมากนักเพราะไม่ไกล”
นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์สบู่เหลวขมิ้นชัน,เกลือขัดผิว,แชมพูและครีมนวดมะกรูด, สบู่ก้อนแตงกวา แชมพูและครีมนวดอัญชัญ และครีมล้างหน้าสูตรมะขาม
นพ.ศราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า การตอบรับของการใช้ยาและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรแบบการแพทย์แผนไทยในเบื้องต้นดี กว่าที่คาดไว้มาก เพราะแต่แรกเขาหวังผลโดยให้น้ำหนักไปทางการศึกษาต่อยอดองค์ความรู้ด้านการ แพทย์แผนไทยของบุคลากรของโรงพยาบาลมากกว่า แต่ปรากฏว่าผู้ป่วยตลอดจนประชาชนทั่วไปให้การตอบรับดีและในระยะที่สอง ก็ปรากฏว่า ผู้ป่วยแสดงความจำนงต่อแพทย์ผู้รักษาว่าต้องการรับยาสมุนไพรสำหรับรักษาโรค เล็กๆ น้อยๆ เช่น อาการเจ็บคอ เป็นไข้ หรือท้องอืดท้องเฟ้อ
นพ.ศราวุธ เรืองสนาม ผอ.รพ.ท่าฉางกับยาและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรของโรงพยาบาล
*** “เพชรสังฆาต” แทนยาฝรั่ง 100%
“ที่ประสบความสำเร็จมากที่เห็นชัด ก็คือ การใช้เพชรสังฆาตรักษาอาการริดสีดวงทวารหนัก เพราะทางโรงพยาบาลของเราได้ตัดยาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาโรคนี้ออกไปได้ระยะ หนึ่งแล้วครับ และสั่งจ่ายเพชรสังฆาตทดแทนยาฝรั่งแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะถ้าเทียบในส่วนของราคา ยาฝรั่งจะแพงมาก ในขณะที่เพชรสังฆาตถูกกว่าและให้ผลการรักษาที่ดี”
และเมื่อถามต่อถึงส่วนของการผลิตยาและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร นพ.ศราวุธ ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้กำลังการผลิตมีมากพอสมควร โดยโรงพยาบาลท่าฉางสามารถผลิตยาและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรขายป้อนให้แก่โรง พยาบาลในจังหวัดสุราษฎร์ธานีทุกแห่ง เพราะทุกแห่งสนใจที่จะใช้สมุนไพรควบคู่ไปกับการรักษาแบบแผนปัจจุบันเช่นกัน
***มุ่งพัฒนาสู่มาตรฐานจีเอ็มพี
“แต่เราไม่หยุดแค่นี้นะครับ เราไม่ได้ต้องการจะผลิตใช้เอง หรือผลิตป้อนโรงพยาบาลในท้องถิ่นเท่านั้น เพราะเราเชื่อในศักยภาพของสมุนไพรไทยและภูมิปัญญาเก่าแก่ซึ่งได้รับการ พิสูจน์แล้วในเชิงการแพทย์แบบวิทยาศาสตร์ว่าดีจริง รักษาได้จริง แถมมีผลข้างเคียงน้อย และบางตัวราคาไม่แพง เราจึงต้องการให้ยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพรของเรามีคุณภาพและได้รับการรับรองตาม ระบบสากลที่เรียกว่าจีเอ็มพี (GMP) คือโครงการพัฒนาการผลิตยาและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรให้โครงการของรัฐให้ได้ มาตรฐาน โดยอย.จะเป็นผู้รับรอง ซึ่งจะทำให้ยาและผลิตภัณฑ์ของเราได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจมากขึ้น
ขณะนี้เราได้ปรับทั้งกระบวนการผลิต มีการนำเครื่องจักรการบรรจุแคปซูลเข้ามาใช้ และกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาอาคารผลิตยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพร รวมถึงส่วนที่จะให้บริการด้านการนวดและหัตถเวชแก่ผู้ป่วย ก็คาดว่าน่าจะอีกประมาณสองเดือนทุกอย่างก็จะเรียบร้อย”
***ไม่ลืมพัฒนาทักษะผู้ปลูกวัตถุดิบ
ถึงตรงนี้ นพ.ศราวุธ ก็ได้กล่าวเพิ่มเติมในประเด็นที่ไม่ค่อยมีใครนึกถึง ต่อผู้ที่อยู่เบื้องหลังผลิตภัณฑ์ดีๆ ทุกชนิดของโรงพยาบาลท่าฉาง นั่นก็คือเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรเพื่อนำมาเข้าสู่กระบวนการผลิตนั่นเอง
“ช่วงแรกเราสนับสนุนให้พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ปลูกสองชนิดหลักคือ ขมิ้นชันและไพล ควบคู่ไปกับตัวอื่นๆ อีกประมาณสิบชนิด แต่ขณะนี้ทั้งยาและผลิตภัณฑ์ในส่วนของเครื่องสำอางผลิตไม่พอต่อความต้องการ ในอนาคตก็จะสนับสนุนให้ปลูกมากขึ้นและดูแลรับซื้อวัตถุดิบมากขึ้นด้วย
เราเชื่อว่ายาและผลิตภัณฑ์ของเราจะดีมีมาตรฐาน ต้องเริ่มตั้งแต่ได้วัตถุดิบที่ดี ยาจะดีไม่ได้เลยถ้าต้นทางไม่ดีมาตั้งแต่ต้น เรามีต้นทุนคือดินที่ดี แต่เท่านั้นไม่พอ ในอนาคตอันใกล้เราจะลงไปในมุมของผู้ผลิตคือเกษตรกร จะมีการจัดอบรมให้ความรู้แก่พวกเขาด้วย ว่าต้องปลูกอย่างไร ดูแลอย่างไร และทำอย่างไรวัตถุดิบจึงจะปลอดภัยจากสารเคมี” ผอ.ศราวุธ
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000045651
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น