++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ปิดทองหลังพระ ท่องเที่ยวเรียนรู้โครงการพระราชดำริ / วินิจ รังผึ้ง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์


โดย : วินิจ รังผึ้ง

"...การทำงานด้วยน้ำใจรักต้องหวังผลงาน นั้นเป็นสำคัญ
แม้นจะไม่มีใครรู้ใครเห็นก็ไม่น่าวิตก
เพราะผลสำเร็จนั้นจะเป็นประจักพยานที่มั่นคง ที่พูดเช่นนี้
เหมือนกับสอนให้ปิดทองหลังพระ การปิดทองหลังพระนั้น
เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด
ว่าที่จริงแล้วคนโดยมากไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก
เพราะนึกว่าไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า
ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งามสมบูรณ์ไม่ได้..."

ผมขออัญเชิญพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่พระราชทานไว้ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ณ
หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2506
ที่ทรงพระราชทานแนวทางการทำงานเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมและประเทศชาติ
ซึ่งเป็นงานหนักที่ต้องอาศัยความทุ่มเทความรู้
ความสามารถและความตั้งใจจริง
แม้การกระทำนั้นจะไม่ค่อยมีใครมองเห็นซึ่งเป็นเสมือนการ "ปิดทองหลังพระ"
แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีคนทำ
มีคนเสียสละและมุ่งมั่นตั้งใจจริงที่จะทำเพื่อส่วนรวม
ซึ่งดูเหมือนแนวพระราชดำริการทำงานเพื่อส่วนรวมแบบปิดทองหลังพระนั้นดู
เหมือนสังคมเราจะขาดแคลนคนเสียสละ
หรือคนที่ตั้งหน้าตั้งตาปิดทองหลังพระกันจริงๆ

และในทางตรงกันข้าม
นอกจากจะไม่ค่อยมีใครเสียสละปิดทองหลังพระกันแล้ว กลับยังจะมีคนประเภท
ทำงาน บริหารงาน
บริหารบ้านเมืองแบบขูดทองจากด้านหน้าองค์พระประธานเพื่อกอบโกยเอาไปเป็น
ประโยชน์ส่วนตนกันอย่างหน้าด้านๆ อย่างไม่อายฟ้าดินกันเข้าไปทุกที
การกระทำอันน่าละอายที่ทำร้ายชาติบ้านเมืองเช่นนี้ ในยุคสมัยกรรมติดจรวด
วันหนึ่งในเวลาอันใกล้คนเหล่านั้นก็คงจะได้ชดใช้กรรมชั่วที่ตัวก่อขึ้นอย่าง
แน่นอน

กำลังจะเล่าถึงโครงการดีๆ
กับปรัชญาการทำงานที่เป็นแบบอย่างของความเสียสละและทุ่มเทให้กับส่วนรวมที่
น่าน้อมนำมาปฏิบัติ
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องแวะไปกล่าวถึงพฤติกรรมการแก่งแย่งอำนาจและผลประโยชน์
ของฝ่ายการเมืองที่ดูจะเลวร้ายลงไปทุกวันไม่ได้
ก็คงต้องฝากความหวังไว้กับพี่น้องประชาชนว่าคงจะต้องช่วยกันคัดสรรผู้แทนดี
ที่ พรรคการเมืองดีๆ มีคุณภาพ
ไม่โกงชาติโกงบ้านเมืองเข้ามาบริหารบ้านเมือง ไม่เช่นนั้น
ประชาชนที่เลือกเข้ามานั่นแหละจะต้องเป็นผู้รับผลกรรมในสิ่งที่ตนทำ
ในสิ่งที่ตนเลือกเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แนวทางการทำงานอย่างทุ่มเทและเสียสละเพื่อส่วนรวมแบบปิดทองหลังพระ
ตามพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น
อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องยาก
แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากที่น้อมนำไปถือปฏิบัติเป็นแนวทาง
ไม่เช่นนั้นประเทศชาติของเราก็คงไม่เจริญก้าวหน้าและพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้
และผู้คนรวมทั้งหน่วยงานที่ทุ่มเททำงานเพื่อส่วนรวมแบบปิดทองหลังพระนี้
ก็จะยังคงมุ่งมั่นทำงานอย่างเข้มแข็งต่อไปแม้ผู้คนทั่วไปอาจจะไม่มีโอกาสได้
รับรู้ถึงกระบวนการของการทำงานที่ทุ่มเทเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมเหล่านั้นก็
ตาม

การทรงงานหนักเพื่อพสกนิกรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ก็นับเป็นแบบอย่างของการทำงานแบบปิดทองหลังพระเช่นกัน
เพราะโครงการพระราชดำริที่เป็นประโยชน์แก่พสกนิกรที่มีมากมายกว่า 3,000
โครงการ ก็เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี
ซึ่งโครงการพระราชดำรินั้นได้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนในทุกหมู่เหล่า
ทุกชนชั้นของสังคม และทุกภูมิภาคของประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นโครงการหลวงที่ได้ช่วยแก้ปัญหาแก่ประชาชนในถิ่นทุรกันดารกลาง
ป่าเขาให้เลิกปลูกฝิ่นเพื่อแก้ปัญหายาเสพติด
และส่งเสริมให้ปลูกพืชทดแทนเพื่อให้เกิดรายได้ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี
ขึ้น ซึ่งดำเนินไปพร้อมๆ
กับการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการฟื้นฟูผืนป่าต้นน้ำลำธาร
เป็นการคืนความอุดมสมบูรณ์และความชุ่มชื้นมาสู่ผืนแผ่นดินสู่ชุมชนเกษตรใน
พื้นราบ อันเป็นการสกัดกั้นปัญหายาเสพติดที่จะระบาดเข้ามาสู่เมืองใหญ่
ทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาความมั่นคงตามแนวชายแดนไปในตัว

หรืออย่างโครงการแก้ปัญหาชลประทาน
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความสำคัญกับการชลประทานที่เป็นหัวใจ
แก่การเกษตรอย่างยิ่ง
จึงทรงพระราชทานโครงการชลประทานเพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่ต่างๆ
ทั่วประเทศให้เกษตรกรได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างกว้างขวาง
และพระองค์ท่านยังทรงห่วงใยแม้นแต่พสกนิกรในเมืองที่ประสบความทุกข์ยากจาก
ปัญหาน้ำท่วม เช่นในกรุงเทพฯและปริมณฑล
ซึ่งพระองค์ทรงศึกษาและพระราชทานแนวพระราชดำริโครงการแก้มลิง
หรือโครงการใหญ่ๆอย่าง โครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่จังหวัดลพบุรี
โครงการเขื่อนขุนด่านปราการชล ที่จังหวัดนครนายก
ซึ่งสามารถจะเก็บกักน้ำเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก
และค่อยๆระบายน้ำสู่ระบบชลประทานเพื่อเป็นประโยชน์ต่อพื้นที่การเกษตรในยาม
น้ำแล้งได้อย่างดียิ่ง
ซึ่งทั้งเกษตรกรและพวกเราที่อยู่ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯมหานครล้วนได้รับ
ผลดีจากโครงการ เพราะไม่เคยมีเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ๆในกรุงเทพฯ
มาจนปัจจุบัน

โครงการพระราชดำริที่มีมากมายกว่า 3,000 โครงการ
ล้วนเป็นประโยชน์ต่อประชาชนคนไทยอย่างสูงยิ่ง
ซึ่งไม่สามารถจะกล่าวรายละเอียดหรือแค่เพียงยกตัวอย่างให้ครบถ้วนสมบูรณ์ก็
ยากยิ่งแล้ว นั่นยิ่งสะท้อนถึงพระอัจฉริยภาพและการทุ่มเททรงงานหนักของพระองค์ท่านเพื่อ
พสกนิกรของพระองค์
กับความทุ่มเทของหน่วยงานและบุคลากรที่น้อมนำและทำงานเพื่อสนองโครงการ
ตามพระราชดำริที่ต้องใช้ทั้งความรู้ ความสามารถ และความทุ่มเท
กับระยะเวลาอีกยาวนานจึงจะสามารถฝ่าฟันไปสู่ความสำเร็จได้
ซึ่งก็ล้วนเป็นการทำงานแบบปิดทองหลังพระที่ยากจะมีผู้คนรับรู้ทั้งสิ้น

ในปี 2550 อันเป็นปีมหามงคลเฉลิมพระพรรษา 80
พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
มูลนิธิชัยพัฒนาร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(สสปน.)
ได้จัดทำโครงการ "ปิดทองหลังพระ ท่องเที่ยวเรียนรู้โครงการพระราชดำริ"
ขึ้น เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป
ได้มีโอกาสเข้าไปเที่ยวชมและสัมผัสความสวยงามในพื้นที่โครงการพระราชดำริ
พร้อมๆกับการเรียนรู้แนวพระราชดำริในด้านต่างๆ
เพื่อนำกลับมาเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน การประกอบอาชีพ
และเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต ซึ่งการจัดทำโครงการปิดทองหลังพระ
เรียนรู้โครงการพระราชดำริในช่วงแรก (2550-2551)
นั้นประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง
เพราะมีทั้งนักท่องเที่ยวและประชาชนผู้สนใจเดินทางไปเยี่ยมชมและศึกษา
โครงการพระราชดำริต่างๆมากถึงกว่า 2
ล้านคนซึ่งหลายๆคนได้ความรู้ประสบการณ์ใหม่ๆมาประกอบวิชาชีพ
ได้แนวทางและกำลังใจในการทำงานอย่างเสียสละและทุ่มเทกลับมายึดถือปฏิบัติ

เมื่อโครงการปิดทองหลังพระ
ท่องเที่ยวเรียนรู้โครงการพระราชดำริประสบความสำเร็จ
รัฐบาลจึงได้จัดสรรงบประมาณมาขยายโครงการขั้นที่ 2 ต่ออีก 3 ปี
โดยเริ่มต้นจากปี 2552-2554
เพื่อเป็นการสานต่อการศึกษาเรียนรู้ของประชาชนในโครงการพระราชดำริ
ซึ่งการขยายโครงการก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในยุควิกฤตเศรษฐกิจ
ที่ผู้คนกำลังเดือดร้อนจากผลกระทบของวิกฤตการณ์ดังกล่าว
หลายๆคนได้เข้าไปท่องเที่ยว เข้าไปศึกษาอบรมและดูงานในด้านต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเรื่องน้ำในการเกษตร การทำเกษตรแบบผสมผสาน
การเลี้ยงปลา เลี้ยงกบ การเพาะเห็ด การปลูกพืชผักเมืองหนาว
และความรู้ในแขนงต่างๆอีกมากมาย นอกจากจะได้เข้าไปอบรม
ดูงานแล้วหลายๆคนยังได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์กับชาวบ้านที่
เป็นเกษตรกรตัวอย่างผู้ประสบผลสำเร็จในการทำการเกษตรตามแนวพระราชดำริอีก
ด้วย

โครงการปิดทองหลังพระ ท่องเที่ยวเรียนรู้โครงการพระราชดำริ
ในช่วงที่ 2 นี้
ทางสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการซึ่งเป็นแม่งานหลัก
กำลังเร่งจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวที่จะมานำเสนอกับผู้สนใจ
โดยจะเน้นพื้นที่โครงการพระราชดำริที่กระจายอยู่ทั่วประเทศเป็นจุดหลัก
และจะผนวกเอาแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงเข้าไปเป็นจุดสนใจร่วมในโปรแกรมเพื่อ
ให้เกิดความสมบูรณ์ของเส้นทางท่องเที่ยว
และจะมุ่งเน้นกิจกรรมการมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยว
เช่นการการร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อความร่มเย็นของผืนแผ่นดินและสภาพแวดล้อม
หรือกิจกรรมสาธารณประโยชน์กับชุมชนและส่วนรวม
เพื่อให้เกิดสำนึกของความเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวมตามแนวพระราชดำริของ
การทำงานแบบปิดทองหลังพระ
ซึ่งนอกจากกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวและประชาชนผู้สนใจทั่วไปแล้ว ทาง
สสปน.ยังจะเน้นไปยังกลุ่มประชุมสัมมนาตามหน่วยงานต่างๆและบริษัทห้างร้าน
เอกชน ให้มีโอกาสเข้ามาเยี่ยมชม ศึกษาดูงาน
เพื่อจะได้เห็นได้สัมผัสถึงแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่
ได้ทรงงานหนักเพื่อประชาชนคนไทยมาโดยตลอด
และจะได้ร่วมปิดทองหลังพระกันคนละไม้คนละมือเพื่อประเทศชาติและผืนแผ่นดิน
ไทยที่รักยิ่งของพวกเราทุกคน


http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000064911

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น