++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552

กรมควบคุมโรคชี้อย่าตระหนก "เอดส์พันธุ์ผสม" ใช้ถุงยางป้องกันโรคได้ผล

กรม ควบคุมโรคชี้ อย่าตระหนกเอดส์พันธุ์ผสมแอฟริกา
แม้แพร่เชื้อง่ายกว่าพันธุ์ไทย แต่สัดส่วนดื้อยาไม่ต่างกัน
แถมใช้ถุงยางอนามัยป้องกันโรคได้ผล เผยไทยพบเอดส์สายพันธุ์ผสม เฉลี่ย
0.5-1.8% แต่พบผสมสายพันธุ์แอฟริกาเป็นครั้งแรก
แต่ผู้ป่วยยังมีปริมาณน้อย ไม่จำเป็นต้องรักษาแยกสายพันธุ์
แต่เน้นเฝ้าระวังเชื้อดื้อยามากขึ้น



นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค
กล่าวถึงกรณีงานวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
พบว่ามีผู้ป่วย 2 ราย ที่มีสายพันธุ์เอชไอวีต่างจากเดิม
และอาจเป็นสายพันธุ์เอดส์ลูกผสมที่ไม่เคยเจอมาก่อนในโลก
โดยรายแรกเป็นเชื้อเอชไอวีผสมระหว่าง 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ จี และดี
เรียกว่า เอจี-ดี(AG/D) ส่วนรายที่สองเป็นเชื้อเอชไอวีผสม 3 สายพันธุ์
ได้แก่ เอ อี และจี เรียกว่า เออี-จี(AE/G) นั้นว่า
ขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ผสมนี้มากน้อยเพียงใด
แต่เมื่อมีการตรวจพบก็ต้องมีการเฝ้าระวังเข้มข้นขึ้น
รวมทั้งไม่สามารถสอบสวนโรคได้ว่ามีเส้นทางการติดเชื้อได้อย่างไร
เนื่องจากงานวิจัยดังกล่าวเป็นการตรวจสอบเชื้อจากเลือดของผู้ป่วยโดยไม่ได้
ระบุว่าเป็นเลือดของบุคคลใด
แต่คาดว่าผู้ติดเชื้ออาจมีแฟนหรือเคยเดินทางไปในประเทศแถบทวีปแอฟริกา

"ที่ ผ่านมามีการศึกษาการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสเอชไอวี
เพื่อให้ทราบว่าในแต่ละปีเชื้อมีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด
โดยทั่วโลกมีไวรัสเอชไอวีกว่า 20 สายพันธุ์
ซึ่งในปัจจุบันยังไม่พบสายพันธุ์ใหม่
หรือพันธุ์ผสมที่ส่งผลต่อการป้องกันและควบคุมโรคที่ต้องปรับเปลี่ยนแนวทาง
การป้องกัน ดังนั้นจึงสามารถป้องกันได้ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศ
สัมพันธ์" นพ.สมศักดิ์ กล่าว

นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า
ขณะนี้การตรวจพบผู้ป่วยเอดส์สายพันธุ์ผสมในประเทศไทย
ถือว่าไม่กระทบต่อระบบป้องกันและควบคุมโรคของไทย
เนื่องจากจากการวิเคราะห์ของนักวิชาการพบว่า
เอดส์สายพันธุ์ผสมนี้สามารถใช้ยาต้านไวรัสที่มีอยู่ คือ
ยาสูตรพื้นฐานและยาสูตรดื้อยาใช้ได้ผลเช่นเดียวกับสายพันธุ์ไทย
แต่แตกต่างกันที่เชื้อพันธุ์ผสมมีจำนวนเชื้อในสารคัดหลั่งมากกว่าสายพันธุ์
ส่วนจะมีปริมาณเชื้อแตกต่างกันเท่าไหร่นั้นต้องมีการศึกษาต่อไป

"การ ที่พบปริมาณเชื้อในสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ผสมมากกว่าใน
สารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ไทยจะส่งผลให้การแพร่เชื้อง่ายขึ้น
เพราะมีปริมาณเชื้อจำนวนมากขึ้น โอกาสติดก็มากขึ้น
แต่หากประชาชนป้องกันตนเองด้วยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
ก็สามารถป้องกันการติดเชื้อเอดส์สายพันธุ์ผสมได้เช่นเดียวกับการป้องกัน
เอดส์สายพันธุ์อื่น"นพ.สมศักดิ์กล่าว

นพ.สมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า
จากการเก็บข้อมูลผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทย
เพื่อศึกษาเกี่ยวกับอัตราเชื้อดื้อยา พบว่า
ผู้ป่วยเอดส์ที่ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ไทยดื้อยาประมาณ 10%
เป็นผลมาจากการที่เชื้อมีการพัฒนาจนดื้อยาและผู้ป่วยรับประทานยาไม่ต่อ
เนื่อง และคาดการว่าเชื้อสายพันธุ์ผสมมีอัตราการดื้อยาที่ 10% เท่ากัน
ซึ่งปัจจุบันยาต้านไวรัสที่ให้กับผู้ป่วยเอดส์ มี 2 สูตร ได้แก่
สูตรพื้นฐานและสูตรดื้อยา
โดยประเทศไทยมีผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านไวรัสประมาณ 2 แสนคน
รับยาสูตรพื้นฐานประมาณ 1.5-1.6 แสนคน อีกราว 4-5 หมื่นคนรับยาสูตรดื้อยา

ด้าน พญ.พัชรา ศิริวงศ์รังสรร ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ วัณโรค
และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า
ผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทยส่วนใหญ่จะติดเชื้อสายพันธุ์อี 80-90%
ที่เหลืออีกประมาณ 10-20% ติดเชื้อสายพันธุ์บี
ที่มาจากประเทศในแถบตะวันตก
และจากการเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของไวรัสเอชไอวีในประเทศไทย พบว่า
ที่ผ่านมามีการตรวจพบผู้ป่วยเอดส์ที่ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ลูกผสมอื่นๆ
เฉลี่ยประมาณ 0.5-1.8% แต่การตรวจพบสายพันธุ์ผสม 3
สายพันธุ์ที่คาดว่าเป็นสายพันธุ์แอฟริกาถือว่าพบเป็นครั้งแรก
ซึ่งการติดตามความเปลี่ยนแปลงของเชื้อไวรัสจะทำให้ทราบถึงธรรมชาติของการ
ระบาดวิทยาของแต่ละสายพันธุ์ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
มีแนวโน้มความรุนแรงมากน้อยแค่ไหนและมีอัตราการดื้อยาเป็นเช่นไร

"ในการตรวจผู้ป่วยจะดำเนินการเพียงแค่ตรวจหาปริมาณระดับเม็ดเลือดขาว
ในกระแสเลือด หรือซีดีโฟร์
และดูอาการของผู้ป่วยว่าจำเป็นต้องให้ยาต้านไวรัสหรือไม่
หากแพทย์เห็นว่าต้องให้ยาก็จะให้ทันทีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
โดยไม่ได้แยกว่าผู้ป่วยติดเชื้อเอดส์สายพันธุ์ไหน
ขณะนี้จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสำรวจจำนวนผู้ป่วยเอดส์ที่ติดเชื้อไวรัส
3 สายพันธุ์ เพราะยังมีปริมาณน้อยมาก
แต่จะต้องเฝ้าระวังว่าผู้ป่วยที่ได้รับยามีการตอบสนองดีหรือไม่
และเชื้อสายพันธุ์นี้และสายพันธุ์อื่นๆ ดื้อยาที่มีอยู่หรือไม่
แต่หากในอนาคตพบผู้ป่วยสายพันธุ์นี้จำนวนมากขึ้นก็อาจจะมีอัตราดื้อยาที่สูง
ขึ้น จึงค่อยพิจารณาเปลี่ยนสูตรยาให้ใช้ได้ผลกับแต่ละสายพันธุ์
แต่ขณะนี้ยายังใช้ได้ผลกับสายพันธุ์ผสม" พญ.พัชรากล่าว

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000064913

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น