นิ่วในถุงน้ำดี เป็นโรคหนึ่งที่เกิดแก่ผู้สูงอายุ มักเป็นเมื่ออายุ เกิน
40 ขึ้นไป หญิงเป็นมากกว่าชายประมาณ 4 เท่า โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
หญิงที่อ้วน ตับผลิตน้ำดีขึ้น เพื่อช่วยย่อยไขมัน แล้วส่งไปเก็บไว้ในถุงน้ำดี
ใน น้ำดีมีสารหลายชนิด เช่น โปรตีน ไขมัน คลอเลสเตอรอล แคลเซียม
และเม็ดสีบิลลิรูบินซึ่งมาจากเม็ดโลหิตแดงที่สลายตัวแล้ว เป็นต้น ก้อน
นิ่วในถุงน้ำดีมี 2 ชนิด ชนิดหนึ่งเกิดจากคลอเลสเตอรอล ซึ่งปกติ
ละลายในน้ำดี กลับตกตะกอนรวมตัวเป็นก้อนเล็กๆ อีกชนิดหนึ่งเกิดจากเม็ด
สีบิลลิรูบินจับตัวกับแคลเซียม ชาวตะวันตกส่วนใหญ่มักเป็นนิ่วในถุงน้ำ
ดี ซึ่งเกิดจากคลอเลสเตอรอล ส่วนชาวตะวันออกมักเป็นนิ่วที่เกิดจากเม็ดสี
ผู้ที่มีนิ่วในถุงน้ำดีจำนวนไม่น้อยไม่รู้ตัว เพราะไม่มีอาการปรากฏ
ตรวจพบต่อเมื่อไปตรวจร่างกายเพราะโรคอื่นๆ จะมีอาการ แสดงก็ต่อ
เมื่อเป็นมากแล้ว เริ่มด้วยอาการปวดท้องหรือท้องอืดหลังอาหาร เนื่อง
จากเมื่อไขมันตกไปถึงลำไส้ จะมีฮอร์โมนไปกระตุ้นให้ถุงน้ำดีบีบตัวขับ
น้ำดีออกไปช่วยย่อยไขมัน มักจะมีอาการปวดท้องข้างขวา ซึ่งอาจแผ่
กระจายจนถึงไหล่ขวา ปวดมาก น้อยแล้วแต่อาการอักเสบของถุงน้ำดี
บางคนก้อนนิ่วไปอุดตันท่อส่งน้ำดีทำให้ตัวเหลือง และอาจมีอาการ
อาเจียน คลื่นไส้ ท้องเสีย และเป็นไข้แทรก ปัสสาวะจะมีสีแก่ขึ้นออกเป็นสี
น้ำตาล และเมื่อ ไขมันไม่ถูกย่อย จะถูกขับถ่ายออกมากับอุจจาระ
อุจจาระจะมีสีอ่อนกว่าปกติ เพราะน้ำดีไม่ลงมาในลำไส้และมีไขมันปน หาก
ปล่อย ไว้ไม่รักษา น้ำดีจะคั่งในตับแล้วทำลายเนื้อเยื่อในตับ กลายเป็น
โรคตับ ซึ่งเป็นโรคที่ร้ายแรงทำให้ถึงแก่เสียชีวิตได้
นิ่วในถุงน้ำดีรักษาด้วยการผ่าตัด ยา หรือรักษาด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์
ส่วนใหญ่ใช้วิธีผ่าตัดถุงน้ำดีออก ซึ่งจะไม่ทำในขณะที่ถุงน้ำดี
อักเสบมาก ต้องรอให้อาการอักเสบหายเสียก่อน หากผู้ป่วยมีน
้ำหนักเกินขนาด อาจต้องรอให้ลดน้ำหนักลงก่อน ในขณะที่รอการผ่าตัด อาจ
บรรเทาอาการปวดท้องได้ด้วยการลดไขมันในอาหาร หลังผ่าตัดแล้ว อาจจำ
เป็นต้องกินอาหารลดไขมันต่อไปสักพัก จนกว่าระบบการย่อยไขมันจะมี
ประสิทธิภาพดีดังเดิม
อาหารลดไขมันสำหรับผู้ป่วยเป็นนิ่วในถุงน้ำดี ควรมีไขมันไม่เกิน
วันละ 50 กรัมหากอาการปวดท้องหลังอาหารยังไม่บรรเทา อาจต้องลด
ไขมันให้ต่ำลงเหลือเพียงวันละ 25 กรัม มีวิธีนับปริมาณไขมันในอาหาร
ง่ายๆ ดังนี้
น้ำมันหนึ่งช้อนชาให้ไขมัน 5 กรัม เนยแท้และมาร์การีนก็มีปริมาณ
ไขมันเท่าน้ำมัน ครีมแท้ ครีมเทียม และหัวกะทิหนึ่งช้อนโต๊ะให้ไขมัน 5
กรัม จึงหลีกเลี่ยงใช้น้ำมัน เนย และกะทิประกอบอาหาร งดอาหารผัด
และทอดทุกชนิด เปลี่ยนไปเป็นใช้วิธีต้ม นึ่ง ย่าง หรืออบแทน
อาหารประเภทเนื้อสัตว์มีไขมันแทรกปนในเนื้อ งดไส้กรอก เบคอน
แฮมและกุนเชียง เพราะมีไขมันสูงมาก เลือกกินปลาชนิดไม่มีมันหรือมี
มันน้อย หรือเนื้อไก่ที่ไม่ติดหนัง ลดเนื้อหมูและเนื้อวัว เพราะเนื้อวัวชิ้น
เท่าฝ่ามือจะให้ไขมันประมาณ 10-20 กรัม ในขณะที่เนื้อปลาและเนื้อ
ไก่ขนาดเดียวกันให้ไขมันเพียง 6-8 กรัม งดเนื้อสัตว์ที่มองเห็นว่ามีมัน
ปนมาก เช่น หมูติดมัน หมูสามชั้น
ไข่หนึ่งฟองให้ไขมันประมาณ 5 กรัม ไม่ควรกินไข่เกินสัปดาห์ละ 3
ฟอง เพราะมีคลอเลสเตอรอลสูง ควรงดไข่เจียวและไข่ดาว
ผู้ที่กินอาหารมังสวิรัติ ซึ่งกินถั่วแทนเนื้อสัตว์ ควรจำกัดปริมาณ
เพราะถั่วเหลืองและถั่วลิสงมีไขมันสูง ซึ่งพลอยทำให้ผลิต ภัณฑ์จากถั่ว
เหลือง เช่น เต้าหู้และนมถั่วเหลืองมีไขมันสูงไปด้วย
นม 1 แก้ว
มีไขมันประมาณ 10กรัม
ระหว่างกินอาหารลด ไขมัน
จึงควรดื่มนมที่ขาดมันเนยแทนนมสด ซึ่งปกติเป็นอาหารบำรุงสำหรับคน
ไข้ระหว่างพักฟื้น เนยแข็งส่วนใหญ่ทำจากนมที่มีไขมันสูง
จึงควรงดเนย แข็งด้วยอาหารหมู่ข้าว และแป้งจะเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญ ระหว่างที่
ต้องลดไขมันกินอาหารหมู่นี้ได้ไม่จำกัดปริมาณ หากว่าผู้ป่วยมิได้มี
น้ำหนักตัวเกินขนาด ผักและผลไม้ส่วนใหญ่มีไขมันต่ำ จึงกินได้ไม่จำกัดปริมาณ
เช่น เดียวกัน ยกเว้นผักบางอย่างที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น กะหล่ำปลี ถั่ว หรือ
ผักคะน้า อาจจะทำให้ผู้ป่วยบางคนปวดท้อง จึงจำเป็นต้องงดเฉพาะราย
ขนมหวานหลายอย่างมีไขมันมาก เช่น ขนมไทยที่ใส่กะทิ
ขนมฝรั่ง ที่ใช้นมเนย เช่น ขนมเค้ก พาย คุกกี้ ไอศกรีม ฯลฯ เหล่า นี้ควรงดทั้งสิ้น
อาหารที่มีไขมันต่ำมักไม่มีรสชาติ ต้องพลิกแพลงปรุงแต่งให้มีรสดี
จัดแต่งให้น่ากิน และควรใช้อาหารจำกัดไขมันในระยะที่จำเป็นจริงๆ
เท่า นั้น โดยเฉพาะหลังผ่าตัดถุงน้ำดีออกแล้ว ผู้ป่วยต้องการอาหารบำรุงร่าง
กายระหว่างพักฟื้น หากกินไม่เพียงพอเพราะกินไม่ลง อาจทำให้แผล
หายช้า เพราะขาดสารอาหาร โดย เฉพาะโปรตีน ทั้งยังขาดวิตามินชนิด
ที่ละลายในไขมัน ซึ่งได้แก่วิตามินเอและดี ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาจขาดเหล็ก
เพราะกินเนื้อสัตว์น้อยเกินไป ในระหว่างที่กินอาหารลดไขมัน จึงควรกิน
วิตามิน และเหล็กเสริม
โดยคุณ : อรวินท์ โทรกี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น