++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2549

"รัก" อย่างไร ให้หวานมิรู้ลืม

"ความรักเริ่มขึ้นเมื่อคนคนหนึ่งรู้สึกว่า ความต้องการของอีกคนหนึ่ง มีความสำคัญเท่ากันกับของตัวเอง” วาทะของแฮร์รี สแต็ก ซัลลิแวน ใช่หรือเปล่าขอให้ลองไปตรึกตรองดู

อย่าง ไรก็ตาม ขอยืนยันว่า ความรักต้องอาศัยการเพาะบ่ม, ดูแลและเอาใจใส่ ถ้าทิ้งๆขว้างๆ หรือรักง่ายหน่ายเร็ว ความรู้สึกนี้ก็จะสูญหายไปกับสายลม

ว่า กันว่า ผู้ชายส่วนมากมักเกิดอาการตายด้านหรือไม่ค่อยติดตามเอาใจใส่ในความสัมพันธ์ กับคนรัก หลังจากตกลง โอเคแล้วว่า เป็นแฟนกัน หลังจากนั้น ผู้ชายหลายคนจะรู้สึกเฉยๆ แล้วไม่ค่อยมีความพยายามที่จะรักษาสัมพันธภาพระหว่างเราทั้งสองเอาไว้สัก เท่าไหร่ ต่างกับฝ่ายหญิงที่จะกระตือรือร้นในเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ

ถาม ว่า แล้วผิดหรือที่หนุ่มๆ จะซึมกะทือหลังมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว? เกจิไหนๆ ก็บอกได้ว่า ไม่เห็นผิดอะไร แต่คู่ควงของเขาน่ะสิ จะคิดว่า ถ้าไม่แคร์กันก็อาจหมายถึง “ไม่รักจริง” ก็ได้ รู้ๆ กันอยู่ว่า ผู้หญิงมีหัวใจอ่อนไหวแค่ไหน พวกซิก เซนส์ (ผู้มีสัมผัสที่หกหรือไวต่อการแปรเปลี่ยนพฤติกรรมของคนรัก) นี่ต้องยกให้คุณเธอทั้งนั้นแหละจ้า

เหตุนี้จึงขอเป็นไกด์ผีเขียน ถึง สิ่งเล็กๆน้อยๆที่คู่รัก (ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตาม) ไม่ควรละเลยต่อกัน (Little Things Count In Relationship) ให้ฟังสักหน่อย ความรักจะได้ฝังราก หยั่งลึก ไม่ใช่เปราะบางและแตกง่าย ดังเช่นวัยรุ่น วัยจี๊ดจ๊าดชอบรักๆ เลิกๆ อย่างเช่นทุกวันนี้

โดยทั่วไป คนที่มีแฟน รายไหน รายนั้นหวังเหลือเกินว่า อยากให้คนที่ตัวเองรักมีความสม่ำเสมอ ทั้งด้านการกระทำและคำพูด แต่เผอิญบางคนไม่เป็นแบบนั้นสิท่าน ตอนจีบกันล่ะก็กระตือรือร้นเหลือแสน แต่หลังจากจีบสำเร็จ อะไรๆ ก็ดูจะจืดๆ ไปหมด

จึงขออนุญาตสั่นกระดิ่งเตือนว่า “การอยู่ในห้วงแห่งความรัก” ไม่ว่าจะตอนไหน หมายถึง คุณควรจะให้ความเอาใจใส่ต่อความรู้สึกของอีกฝ่ายเสมอ

ไม่ใช่ตอนจีบกันก็อยากเจอกันเหลือเกิน แต่นานวันเข้า สักเจ็ดวันค่อยเจอก็ได้ เป็นซะอย่างงี้แล้วจะไม่ให้อีกฝ่ายอกกลัดหนองได้ไง

เมื่อ เป็นเช่นนี้ เกจิด้านความรักจึงขอแนะนำเคล็ดวิชาเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงให้เห็นว่า คุณนั้นแสนเอาใจใส่, ห่วงใย และสนใจคนรักเสียเต็มประดา ดังนี้

@ ยามอยู่ใกล้ชิดกัน

1. หัดจูงไม้จูงมือ หรือจับมือถือแขน ตอนสมัยจีบกันใหม่ๆ เคยแสดงออกว่า สองเราคู่กันอย่างไรก็ควรทำแบบเดียวกับวันวานยังหวานอยู่

2. เอ่ยปากชมหวานใจเมื่อเขาหรือเธอมีอะไรใหม่ๆ ในชีวิต เช่น รองเท้าของคุณดูเก๋จังเลย หรือชุดนี้ทำไมเท่ระเบิดอย่างนี้นะ เว่อไปตามเรื่อง

3. มีจิตใจเอื้ออารีและเป็นสุภาพชน ไม่ใช่เอะอะโมโหโทโสกันทีก็หมดความอดทน หันมาใช้วิธีตบตีแทนสันติวิธี ถ้าเจอเนื้อคู่กระดูกคู่ แบบนี้ก็ตัวใครตัวมันแล้วกันนะโยม

4. เรียนรู้ที่จะทำอะไรบางอย่างให้คนรัก

เช่น ชาตินี้ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า จะเข้าครัวเป็นกุ๊กกะเขาได้ แต่แด่เธอด้วยดวงใจแล้ว พี่ยอมผูกผ้ากันเปื้อน หยิบตะหลิวทำกับข้าวให้คนสวยทานบ้างก็ได้ บางทีเธออาจคิดไปโน่นเลยว่า พี่เค้ามีความตั้งใจสูง ถ้าไม่รักจริง ก็คงไม่พยายามถึงปานนี้ ส่วนจะใช่หรือไม่ แต่รับรองคุณพี่ได้ คะแนนนิยมไปตุนไว้แล้ว

5. ชวนเธอไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ของคุณบ้าง

ไม่ใช่มัวแต่คิดว่า เรื่องของแฟนกับก๊วนของเพื่อนไม่เกี่ยวกัน ไม่เห็นเป็นไรนี่ ถ้าสองฝ่ายนี้จะไม่เคยเจอกันเสียเลย

อัน ที่จริงมันก็ไม่เป็นไรหรอก ที่จะแบ่งพวกเขาออกจากกัน แต่แน่ใจนะว่า ที่ทำเช่นนี้ ไม่ใช่ เพราะคุณกับเพื่อนๆ มีลับลมคมในระหว่างกัน จึงไม่อยากแนะนำให้เพื่อนของคุณรู้จักกับ “ว่าที่คนรัก” น่ะ อีกประการ ขนาดมีคนรักแล้วยังไม่ยอมแนะนำให้เพื่อนรู้จัก แบบนี้จะเรียกว่า ปกปิดอย่างสุจริตหรือเปล่าจ๊ะ

ทีนี้มาถึง ยามที่ทั้งคุณและคนรักต้องพรากจากกันบ้าง มีข้อเสนอให้ทำดังนี้...

1. ก่อนลาจาก อย่าลืมเขียนโน้ตถ้อยคำหวานซึ้ง สะกิดใจให้เธอฟุ้งซ่านไปไกลว่า เธอเป็นคนสำคัญกับคุณซะเหลือเกิน

2. โทรศัพท์หรืออีเมล์มาหาหวานใจ โดยไม่ต้องไปคำนึงว่า จะด้วยเหตุผลกลใด นอกจากความคิดถึง

3. สัญญาว่า จะให้เวลากับเธอหลังเสร็จภารกิจที่ต้องร้างลาจากกันเป็นที่เรียบร้อย

4. มีของฝากติดไม้ติดมือมาให้ ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงราคา แม้อมยิ้มอันเดียว ก็ชื่นใจ

อยากสานสัมพันธ์รักให้แน่นแฟ้น เรือรักไม่ล่มตั้งแต่เริ่มตั้งไข่ ถ้าบอกให้อีกฝ่ายรู้เสียหน่อยว่า ห่วงใยแค่ไหน มันจะเป็นอะไรเหรอ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น