++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มิตรภาพ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มิตรภาพ แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2550

น้ำใจของคุณสุขพงศ์ ต่อความตั้งใจในการจัดตั้งชมรมคนรักผลงานของอาจารย์วิทยากร เชียงกูล ของคุณนิด


เมื่อคนจุดตะเกียงได้แจ้งที่อยู่ในเวบ blog แด่คุณสุขพงศ์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลของ อ.วิทยากร ที่
http://onknow.blogspot.com/search/label/witayakorn


คุณสุขพงศ์ได้แวะเข้ามาอ่าน และฝากข้อความไว้ สำหรับการหาแนวร่วมของชมรมนี้
http://www.rsu.ac.th/csi/mr_witayakorn.htm


โดยให้ดูข้อมูลกิจกรรมนักศึกษาที่ อ.วิทยากร ดูแลอยู่

นอกจากการหาสมาชิกชมรมจากคนที่สนใจทั่วไปแล้ว
ในส่วนของคนใกล้ๆตัว คือ นักศึกษา ม.รังสิต ที่เรียนกับ อ.วิทยากรนั้น ก็น่าสนใจเช่นกัน
น่าจะมีคนที่มีความฝัน คล้ายคุณนิดอยู่บ้าง


นอกจากแนวร่วมจาก สมาชิกที่สนใจทั่วไป นักศึกษา ม.รังสิตแล้ว คุณสุขพงศ์ย่อมถือว่า เป็นแนวร่วมที่สำคัญตั้งแต่เริ่มต้นของคุณนิดเลยทีเดียว

คุณนิด มีพี่ชายท่านหนึ่งทำงานที่กองกิจการนักศึกษา มมส. ที่เป็นนักอ่านหนังสือตัวยง และอ่านผลงานเขียนของ อ.วิทยากร มาแล้วหลายเล่ม เธออยากจะลองทาบทามให้มาเป็นแนวร่วมในชมรมนี้ด้วย..


วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2550

คำทักทายของบุคคลที่เริ่มจะคุ้นเคย ; ขอบคุณที่ยังคิดถึงกันอยู่


เมื่อได้บันทึกเกี่ยวกับ ความฝันของคุณนิด แฟนพันธุ์แท้วิทยากร เชียงกูล จนกระทั่งเดินตามฝันได้พบกับนักเขียนในดวงใจ จากการช่วยติดต่อของ คุณสุขพงศ์ คหวงศ์อนันต์

คุณนิดได้พบบุคคลที่อยากพบสมใจ แต่คุณสุขพงศ์ไม่ว่างที่จะมาพบด้วย



คนจุดตะเกียง จึงคลิกกลับไปที่ blog http://anan.blogrevo.com และเขียนบันทึกถึงคุณสุขพงศ์อีกครั้งในบันทึก


เมื่อได้ติดตามอ่านบันทึกใน blog ของบุคคลที่เริ่มคุ้นเคย : วาทกรรม- วรรณกรรม
http://onknow.blogspot.com/2007/06/blog_05.html



คุณสุขพงศ์ ได้คลิกเข้า มาอ่านความคิดเห็นใน blog ของตัวเอง ในบันทึก หมู่บ้านพิลึกและทิ้งความคิดเห็นไว้ว่า
"ขอบคุณที่ยังคิดถึงกันอยู"

ช่วงนี้เขากำลังยุ่งกับการต้องเร่งรีบออกหนังสือเล่มใหม่ของสำนักพิมพ์ให้ทันภายในเดือนนี้
จากบันทึกของเขา คนจุดตะเกียงได้ทำ link มายังบันทึกที่เขียนถึงเขาที่ blogspot.com และคลิปวิดีโอที่ อ.วิทยากร เชียงกูล ได้พบกับคุณนิด และยัง link ไปยัง blog ของคุณนิดที่ gotoknow



ซึ่งคุณสุขพงศ์ คงจะคลิกเข้าไปตาม ลิงค์ที่ทิ้งไว้จาก blog ของตัวเอง มาที่ blogspot และ เชื่อมโยงไปเจอบันทึกคุณนิด ที่ gotoknow จึงได้เขียนข้อความ ฝากความคิดเห็นทิ้งไว้ให้คุณนิด

บุคคลที่ให้ความช่วยเหลือ เป็นธุระ ให้อย่างเต็มใจนั้น ไม่ใช่บุคคลที่จะลืมได้ง่ายๆนัก
อย่างน้อย แม้สิ่งที่ได้เอื้อเฟื้อและมีน้ำใจนั้น
แม้ จะตีเป็นราคา ค่าเงินไม่ได้ แต่กลับมีความหมายมากล้น
มีความหมายต่อ แฟนพันธุ์แท้ของวิทยากร เชียงกูลอย่างยิ่ง
เพราะหากไม่ได้รับความเอื้อเฟื้อและน้ำใจเช่นนี้
คุณนิด คงไม่มีโอกาสที่จะได้พบกับ วิทยากร เชียงกูล สุดยอดนัก เขียนในดวงใจได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้


ในช่วงที่ได้รับการติดต่อกลับจากคุณสุขพงศ์ในช่วงเดือนก่อนๆ ทั้งทางอีเมล์และโทรศัพท์
คุณนิด เกิดความรู้สึกปิติยินดีทุกครั้ง
ดังนั้น ความรู้สึกเหล่านี้ ที่เกิดขึ้น ย่อมไม่สามารถที่จะลืมได้อย่างง่ายดายแน่นอน
โดยเฉพาะ ความเอื้อเฟื้อและน้ำใจที่มีให้อย่าง เกินความคาด หมาย



วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2550

เมื่อได้ติดตามอ่านบันทึกใน blog ของบุคคลที่เริ่มคุ้นเคย : วาทกรรม- วรรณกรรม


ในระหว่างการท่อง internet จนไปพบกับ blog แห่งหนึ่ง ที่ชื่อว่า
วาทกรรม-วรรณกรรม
http://anan.blogrevo.com


คลิกดูรายละเอียด มีระบุชื่อเจ้าของบล็อกไว้ ชื่อ สุขพงศ์ คหวงศ์อนันต์

ชอบในมุมมอง สำนวนของเขา ทั้งๆที่ไม่รู้ว่า เขาเป็นใครมาจากไหน
แต่หลังจากที่แฟนพันธุ์แท้แห่งบุรีรัมย์ คุณนิด ได้ติดต่อสื่อสารผ่านทางเขา จนเขาติดต่อประสานงานให้ได้พบกับสุดยอดนักเขียนในดวงใจ "วิทยากร เชียงกูล"
http://onknow.blogspot.com/2007/06/blog-post_03.html


จึงมีโอกาสได้รู้ว่า เขาเป็นคนทำหนังสือ เป็นบรรณาธิการของสำนักพิมพ์วิญญูชน - สายธาร

แฟนพันธุ์แท้แห่งบุรีรัมย์เปิดเผยความรู้สึกกับคนจุดตะเกียงว่า

"ประทับใจในความเอื้อเฟื้อ ความช่วยเหลือที่คุณสุขพงศ์ติดต่อประสานให้ได้พบกับวิทยากร เชียงกูล รวมทั้งติดต่อเธอเป็นระยะๆ"


เมื่อ 27 พ.ค.2550 คุณนิดได้พบกับ อ.วิทยากร เชียงกูล ตัวจริงเสียงจริง แต่ในช่วงนั้น คุณสุขพงศ์แจ้งแก่คุณนิดว่า เขาติดธุระ จึงไม่สามารถที่จะมาพบคุณนิด แฟนพันธุ์แท้ได้ คาดว่า คงจะได้พบในโอกาสต่อไปครับ

ถึงแม้ว่า ในช่วงที่ผ่านมา ยังไม่มีโอกาสได้พบคุณสุขพงศ์ แต่ใน internet สามารถที่จะสัมผัสกับมุมมอง ความคิดที่ถ่ายทอดออกมาจากตัวตนของเขา จาก blog ของเขานั่นเอง

เช่น ในบันทึกล่าสุดของเขา ที่ทำให้ได้สัมผัสในอีกมิติ มุมมองหนึ่ง




หมู่บ้านพิลึก



ผมพลัดหลงเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางทะเลทรายเวิ้งว้าง ทันทีที่ย่างก้าวเข้าเหยียบในอาณาเขต ชาวบ้านหญิงชาย เด็กเล็ก คนชรา ต่างชะเง้อดูอย่างลนลาน บ้างยืนจ้องอยู่หน้าระเบียง บ้างวิ่งถลามากลางถนน บางคนถึงกับปรบมือยินดี ด้วยความหิว ผมจึงเข้าไปที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง และบอกกับชายชราผู้น่าจะเป็นเจ้าของร้านว่าผมต้องการอาหาร ชายชราผู้นั้นบอกว่าผมจำต้องทำบางสิ่งเป็นการตอบแทน ว่างั้นเขาก็เอาเบียร์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเทรดหัวผม ส่งเสียงหัวเราะชอบใจ คนอื่น ๆ ที่อยู่ในร้านต่างตีมือกันอย่างคะนอง ผมเดินออกจากร้าน เมื่อออกมามีคนมากมายวิ่งกรูเข้ามาห้อมล้อม บ้างกระชากเสื้อ บ้างตะโกนเสียงดังใส่หู บ้างลูบหัว เล่นหน้าทะเล้น พวกเด็กที่ล้อมอยู่วงนอกปรบมือร้องเพลงให้จังหวะสะเปะสะปะ ผมเหลือกมองออกไปไกลผ่านเงาชุลมุน เห็นบ้านพักสีขาวโดดเดี่ยวกับกลุ่มคนผู้สงบกลุ่มหนึ่งยืนดูนิ่งงัน บางคนถือไม้เท้าและสวมเสื้อผ้าสะอาดดูต่างออกไป บางคนนั่งอยู่บนพำนักแขนทั้งสองหล่นข้างตัว ส่วนบางคนคุกเข่าหลับตาและพูดพึมพำอะไรสักอย่าง ผมคิดว่าคนที่นั่นน่าจะปกติดีอยู่ จึงค่อย ๆ สลัดจากมือนัวเนียของฝูงชนที่กุยกระชาก เสียงกร่นด่าอลหม่าน และดนตรีพิสดารของพวกเด็ก ๆ วิ่งอ้าวสับสนออกไปอย่างเร็วที่สุด เมื่อไปยืนอยู่หน้าบ้านอย่างเหนื่อยหอบ ผู้สงบนิ่งเหล่านั้นยืนดูผมราวกับกำลังนับเสียงลมหอบของคนแปลกหน้า ผมใจจดจ่อถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป ในที่สุด คนหนึ่งในนั้นก็พูดออกมาจนได้ว่า "เพื่อเห็นแก่คุณพระ เลิกทำตัวอย่างนั้นทีเถอะ" แล้วก็ปิดประตูใส่ผม ปล่อยให้ผมนั่งสำนึกผิดอยู่คนเดียว



อ่านบันทึกที่ดูเหมือนจะแฝงนัยอะไรบางอย่าง แม้ว่า เนื้อความที่ถ่ายทอดออกมา ทำให้มองเห็นภาพตามตัวอักษรที่เกิดขึ้น แต่สามารถที่จะตีความได้หลากหลาย
- คนเขียนกำลังคิดอะไร
- คนเขียนสะท้อนบางสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาหรือเปล่า
- หมู่บ้านพิลึก และพฤติกรรมของผู้คนที่กล่าวมา สะท้อนถึงเหตุบ้านการเมือง และกลุ่มบุคคลบางกลุ่มหรือเปล่า
- แล้ว คนแปลกหน้าที่เดินเข้าไปในหมู่บ้าน เขาทำอะไรผิดไป ทำไมจึงได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น

มีมิติให้ขบคิดได้หลากหลายจริงๆ





ปล เมื่อคุณนิด มีโอกาสได้พบกับ วิทยากร เชียงกูลแล้ว ดังนั้น ในครั้งหนึ่งของชีวิต ก็น่าที่จะมีโอกาสได้พบกับ ผู้ที่มีน้ำใจช่วยเหลือเธอให้ฝันเป็นจริง "คุณสุขพงศ์ คหวงศ์อนันต์" ซึ่งคาดว่า น่าจะได้พบกันในอีกไม่นานนี้..


วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2550

บันทึกรักจากชายคนหนึ่ง : เปิดบันทึกให้เพื่อนรักได้ร่วมอ่านไปด้วย

เมื่อมีบันทึกที่เกี่ยวกับความรักของเขาและเธอ
ของชายคนหนึ่งและเธอผู้เป็นหวานใจ
เธอเจ้าของเรื่องราว ก็ติดตามอ่านอยู่เรื่อยๆ
เมื่อเธอชวนเพื่อนรัก "จิ๋ม" มาร้าน Internet ด้วยกัน
ก็เลยเปิดบันทึกให้เพื่อนอ่าน

"จิ๋ม" อ่านไปสักพัก แล้วบอกเธอว่า
เรื่องราวของชายคนหนึ่งนี้ ถ่ายทอดออกมาดีจัง
อิจฉา....

เธอและ จิ๋มเป็นเพื่อนรักกัน
มีนิสัยใจคอคล้ายๆกัน
ทั้งเธอและจิ๋ม ได้สัมผัสความรักกันมาคล้ายๆกัน
ในขณะที่เธอกำลังสุขล้ำกับความรัก
ในเวลานี้จิ๋ม กลับรู้สึกตรงกันข้าม
อยากจะหันหลัง ลาจากความรักในปัจจุบัน
อยากจะก้าวไปสู่รักใหม่ที่สดใสกว่า ณ ดินแดนที่ไกลโพ้น
..ต่างประเทศ

เธอจึงช่วยเหลือ ส่งเสริมสนับสนุนให้ "จิ๋ม" สมหวัง
เมื่อรักหนุ่มไทยไม่ work หนุ่มต่างชาติย่อม work กว่า
เธอช่างมีน้ำใจ และรักเพื่อนดีแท้

2 สาว มีนิสัยคล้ายๆกัน
เอ๊ะ.. ในเมื่อมาถึงจุดหนึ่ง "จิ๋ม" รู้สึกว่า หนุ่มไทย ไม่ work
แล้วในวันหนึ่ง เธอจะรู้สึกว่า ชายคนหนึ่งไม่ work บ้างหรือไม่
แล้วอยากจะก้าวไปสู่รักใหม่ที่สดใสกว่า ตามรอยจิ๋มหรือเปล่า
น่าคิดเหมือนกันนะ



อดีตรักของเธอ พบกับความผิดหวังมาแล้ว
ชายคนหนึ่งนั้น แทบจะไม่มีอะไรที่จะเชิดหน้าชูตาให้กับเธอได้เลย
บางที เมื่อถึงเวลาหนึ่ง เธออาจจะเกิดความรู้สึกอย่างจิ๋มก็ย่อมได้

ในวันวาน เธอรับรู้เรื่องราวของจิ๋ม และคนที่จิ๋มเลือก
เธอไม่สนับสนุน ไม่เห็นด้วย
แต่จิ๋มก็เลือกเขาคนนั้น เพราะ "ฉันรักเค้าว่ะ"
แต่ในวันนี้ จิ๋มเกิดความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจากเดิม
น่าคิด....




วันหนึ่งข้างหน้า เธอก็ย่อมที่จะเกิดความรู้สึกที่เปลี่ยนไปกับชายคนหนึ่ง เหมือนจิ๋มกับเค้าคนนั้น
อะไรจะเกิดขึ้นกับความรักก็แล้วแต่
ก็ต้องเตรียมใจไว้ล่วงหน้า
เพราะเธอเคยตัดสินใจลารักเดิม และเกิดความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจากเดิมมาแล้ว


คุณครูคนเก่ง ไม่มีเวลาไปหาซื้อแฮรี่พอตเตอร์

จะว่าไปแล้วก็ขำไม่ออก สำหรับคนทำงานหลายคน
แม้แต่เวลาที่จะไปหาซื้อหนังสือที่อยากอ่านอย่าง แฮรี่พอตเตอร์ ยังหาเวลาไปซื้อไม่ได้



คุณครูมัธยมท่านหนึ่งสอนอยู่ที่หนองกี่ บุรีรัมย์ โทรมาทักทายคนจุดตะเกียง
แล้วถามว่า มีเวลาไปร้านหนังสือหรือไม่
ไปดูหนังสือแฮรี่พอตเตอร์ฉบับภาษาไทยให้หน่อย
อยากได้ทั้งชุด ที่มี 6 เล่ม



ช่วงนี้คุณครูท่านนี้ งานเยอะมากๆ แค่เพียงเวลาพักผ่อนยังแทบจะหาไม่ได้
เรื่องที่จะไปร้านหนังสือยิ่งมีน้อย
ด้วยความที่อยู่ในอำเภอเล็กๆ จึงไม่มีร้านหนังสือใหญ่ๆอย่าง ซีเอ็ด ดอกหญ้า ไปเปิดร้านที่นั่น
อยากจะหาซื้อหนังสือที่อยากได้ ต้องแวะเวียนเข้ามาในตัวจังหวัด

เมื่อโทรมาทักทาย คนจุดตะเกียงก็จัดให้
เพราะร้านหนังสือนั้น เดินผ่านแทบทุกวัน เข้าไปตากแอร์ทุกวัน หลบร้อน
เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ขอให้มีหนังสือเท่านั้น จ่ายตังค์ซื้อและส่งไปให้ถึง บ้านทันที