หาก พูดถึงชื่อของ "สงกรานต์ เตชะณรงค์" ในยามนี้
น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักหนุ่มเนื้อหอมไฮโซคนนี้
จากเด็กหนุ่มที่ใช้เงินวันละแสน ปัจจุบันก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารโบนันซ่า
เขาปรับแนวคิดจากคนที่ไม่เห็นค่าของเงิน
มาเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างไร?
สงกรานต์ เตชะณรงค์
โครงการศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสื่อสารพัฒนาการ
คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้จัดสัมมนาวิชาการ เรื่อง
"อยู่อย่างมั่นคง ดำรงความพอเพียง" ณ หอประชุมพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งในงาน นอกจากจะเชิญ ศ.นพ.เกษม
วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานเปิดการสัมมนา และกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ
"อยู่อย่างมั่นคง ดำรงความพอเพียง" และ ดร.ชุมพล พรประภา
ประธานกรรมการบริษัท เอสทีอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
มาบอกเล่าแนวคิดการดำรงชีวิตอยู่อย่างพอเพียง ให้บรรดานักศึกษา คณาจารย์
และผู้สนใจได้ฟังแล้ว
สงกรานต์ เตชะณรงค์ นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง ผู้บริหารโบนันซ่า
ยังร่วมเป็นวิทยากรรับเชิญมานำเสนอแนวคิด
และการใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามแบบของคนรุ่นใหม่ให้น้องๆ ได้รับฟังกันด้วย
สงกรานต์ แนะน้องๆ ว่า ขณะที่เขาอยู่ในช่วงชีวิตวัยรุ่น
อาจจะไม่เคยเห็นค่าของเงิน ไม่รู้จักว่าเงินที่ได้มา ได้มาอย่างไร
ต้องแลกกับความยากลำบากแค่ไหน และจะใช้อย่างไรให้คุ้มค่า
จนกระทั่งได้เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัว ทำให้มีแนวคิดที่จะบริหารธุรกิจ ควบคู่ไปกับชุมชน
"เมื่อ ก่อนผมเคยใช้เงินวันละแสน เพราะด้วยความที่ไม่รู้ค่า
ว่าแต่ละบาทที่ใช้ไปกว่าจะหามาได้ลำบากแค่ไหน
อีกทั้งยังมีครอบครัวค่อยหนุนหลัง
จนกระทั่งได้ไปใช้ชีวิตด้วยการเรียนต่อที่ประเทศนิวซีแลนด์
ต้องใช้ชีวิตตัวคนเดียว ต้องทำงาน ล้างจาน ทุกอย่างทำให้เราโตขึ้น
รู้จักค่าของเงินมากขึ้น รู้จักวางแผนชีวิต พอกลับมาอยู่กรุงเทพ
อาจจะหลงแสงสีเหมือนกันวัยรุ่นทั่วไป แต่พอนึกถึงสมัยที่อยู่นิวซีแลนด์
ก็กลับมาคิดว่า เรามีหน้าที่อะไร มีภาระหน้าที่อะไรที่เราต้องรับผิดชอบ"
ความยากลำบากจากการใช้ชีวิตในต่างแดนตามลำพัง
ทำให้เด็กหนุ่มชื่อสงกรานต์ได้เรียนรู้จากการลงมือทำงานจริงๆ
และประสบการณ์ดังกล่าว สอนให้เขาทำงานเป็น เมื่อต้องมาบริหารธุรกิจใหญ่ๆ
ซึ่งเรื่องของผลกำไรต้องมาก่อนเสมอ
ซึ่งขัดกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่สอนให้รู้จักประหยัด อดออม
ไม่หวังผลกำไร เน้นการใช้ชีวิตอย่าลงตัวและพอเพียง
สงกรานต์จึงต้องปรับแนวทางการบริหารธุรกิจใหม่
"ผม ค่อยๆ สานต่อธุรกิจครอบครัวขยายไปยังชุมชน
หรือให้ชุมชนมีส่วนร่วมเน้นความเข้มแข็ง เราไม่จำเป็นต้องตั้งโจทย์ว่า
ต้องดี ต้องเด่นขอแค่สบายใจ และไม่เดือนร้อนใคร ดังนั้น
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของคนไทยสอนให้เราไม่หลง หรือยึดติดวัตถุนิยม
รู้จักใช้ในสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น"
ขณะที่ สุวิช สุทธิประภา ผู้ประกาศข่าวโมเดิรน์ไนท์ทีวี
คนรุ่นใหม่ไฟรงอีกคน กล่าวว่า ใช้หลักการและเหตุผล
บนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง ว่า บางคนเลือกเกิดไม่ได้
แต่เลือกที่จะปฏิบัติตนตามแบบพอเพียง ไม่ต้องสะสมเงินทอง หรือของมีค่า
นอกจากความดีและรู้่จักตอบแทนสังคม ประเทศชาติ
"ผม เป็นเด็กบ้านนอกที่เลือกเกิดไม่ได้
ด้วยความจำเป็นในชิวิตต้องอาศัยอยู่วัดมา 15 ปี ต่อสู้เรื่อยมา
จนกลายเป็นภูมิคุ้มกันในชีวิต
ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียงจึงทำให้ชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้
เพราะไม่เคยสะสมอะไร อยู่ตามอัตภาพ ไม่ถึงกับประหยัดอะไรมากมาย
เพียงแต่เรารู้จักการวางแผน
และด้วยอาชีพของสื่อมวลชนที่ต้องทำหน้าที่กระจายข้อมูลข่าวสาร
พยายามนำเสนอหลักเศรษฐกิจพอเพียงให้ประชาชนได้รู้ซึ้งถึงประโยชน์ที่ได้รับ"
http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9520000104979
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น