++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

"อักขราทร" แนะรัฐทำความเข้าใจกรณีกัมพูชา หวั่นกลายเป็นเรื่อง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ประธานศาลปกครองสูงสุด
ชี้แก้รัฐธรรมนูญต้องฟังเสียงทุกฝ่ายไม่เมินเสียงค้าน
ชี้ปัญหาปราสาทพระวิหาร รัฐละเลยการเจรจากับกัมพูชา
ย้ำควรทำความเข้าใจคนในประเทศ หวั่นเรื่องไม่เป็นเรื่องกลายเป็นเรื่อง

วันนี้ (15 ก.ย.) นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครอง
กล่าวถึงการแก้รัฐธรรมนูญที่จะมีการประชุมร่วม 2 สภาระหว่างวันที่ 16-17
ก.ย.นี้ว่า ไม่ขอตอบว่าถึงเวลาที่บ้านเมืองต้องแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่
แต่ที่เคยเห็นมาประเทศทั้งหลายในโลกนี้ไม่มีที่ไหนที่เขาจะมาแก้กันเรื่อยๆ
เล็กๆ น้อย แต่ไม่ได้หมายความว่ามีความจำเป็นเกิดขึ้นแล้วแก้ไม่ได้
แต่จะแก้ก็ต้องดูเหตุผลว่าเกิดอะไร มีความจำเป็นอะไร
ซึ่งปัญหามีอยู่ว่าแม้ ส.ส.และ
ส.ว.จะมีสิทธิ์แก้แต่ก็ต้องพิจารณาว่าตัวเองอยู่อีกกี่ปี
แล้วอย่าคิดว่าช่วงที่ตัวเองอยู่ในอำนาจ
คนอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้มายุ่งไม่ได้
เพราะคนที่ไม่เห็นด้วยก็มีสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญที่จะคัดค้านได้
ถ้ามองว่าแก้แล้วจะเกิดความเสียหาย หรือไปขัดแย้งกับประโยชน์ต่างๆ
ดังนั้น การจะแก้รัฐธรรมนูญต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วยว่าแต่ละคนมีสิทธิ์อันชอบธรรม
ที่จะคัดค้านตามวิถีทางที่ถูกต้อง

นายอักขราทรยังขอให้ ส.ส.และส.ว.รับฟังเสียงของทุกฝ่าย
ซึ่งขณะนี้มีแนวคิดและเริ่มพูดกันว่า
ผู้ไม่มีหน้าที่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ควรมายุ่ง ทำให้รู้สึกเป็นห่วง
และอยากให้ผู้บริหารเข้าใจว่ากฎหมายในการบริหารราชการแผ่นดินแต่ละฉบับมี
ความสำคัญอย่างไร
ซึ่งต้องศึกษาให้รู้ถ่องแท้เพื่อให้การบริหารถูกต้องไม่ผิดพลาด
เพราะกฎหมายเป็นเรื่องของเหตุและผลที่อธิบายได้
แต่ขณะนี้ผู้บริหารของเรายังไม่มีตรงนี้ ประเทศไทยจึงยังมีปัญหา
จึงจำเป็นต้องแก้ให้ตรงจุด

สำหรับกรณีที่จะมีการแก้มาตรา 190
เกี่ยวกับการลงนามสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ต้องเสนอให้สภาเห็นชอบก่อนนั้น
ตนเองไม่อาจตอบได้ว่าเนื้อหาของมาตรา 190 นั้นดีหรือไม่ดี
แต่ขณะที่มีมาตรานี้อยู่ ไม่มีผลเสียหายว่ามีไว้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร
ซึ่งถ้าใช้ให้เป็นก็ไม่เกิดเรื่อง

นายอักขราทรยังกล่าวถึงกรณีมีการยื่นฟ้องของศาลยุติธรรมเพื่อขอให้
อำนาจอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหาร และพื้นที่บริเวณโดยรอบเป็นของไทย
รวมทั้งให้สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
และรมต.ต่างประเทศกัมพูชาออกจากพื้นที่ทับซ้อนว่า
เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเป็นเรื่อง
เพียงแค่รัฐบาลไทยแก้ปัญหานี้ด้วยการเปิดเจรจากับประเทศกัมพูชาว่าพื้นที่
เป็นอย่างไร เชื่อว่ากัมพูชาน่าจะยอม
การทำให้ความจริงเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณรอบปราสาทพระวิหารปรากฎน่าจะเป็น
วิธีที่ถูกต้อง

"รัฐบาลไทยต้องทำให้กัมพูชาเข้าใจ
และเห็นว่าพื้นที่บริเวณนั้นเป็นพื้นที่ของไทย
ช่วงเวลาที่ผ่านมาที่มีชาวบ้านกลุ่มนี้เข้ามาทำมาหากินมันไม่ถูกต้องอย่างไร
อย่าตั้งการ์ดเห็นเป็นศัตรูหรือเป็นคนละฝั่งกัน มันจะจบปัญหานี้ไม่ได้
ขณะที่ รมว.กลาโหมต้องทำความเข้าใจกับคนในชาติ
หากมีบางส่วนที่บอกไม่ได้ก็ต้องบอกให้คนไทยรู้ว่าเป็นสิ่งที่ต้องเก็บไว้ใช้
เจรจา ดังนั้น ควรพูดให้รู้เรื่องอย่าปล่อยปัญหาทิ้งไว้อย่างนี้"
นายอักขราทรกล่าว และว่า ปัญหาบางอย่างหากมีความเห็นไม่ตรงกัน
และยังไม่ชัดเจนว่าใครผิดถูก
คิดว่าเราสามารถพิสูจน์ความถูกต้องได้ด้วยข้อเท็จจริง
เพราะหากปล่อยไปจะกลายเป็นไทยยอมรับแผนที่
และสิ่งที่เขากันไว้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่เรามีนักกฎหมาย
นักการต่างประเทศและมีคนกลางเก่งๆ
มากที่จะออกมาช่วยรัฐบาลทำข้อเท็จจริงให้ปรากฏ ดังนั้นไม่ควรนิ่งเฉย
หรือปล่อยให้เป็นไปตามบุญตามกรรม


http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000107646

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น