มีท่านผู้ อ่านพยายามทักท้วงเรื่องที่ผมเขียนว่า 5
นักร้องเสียงหวานแห่งยุค 80 ทำไมไม่มีป้าเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์
บรรจุอยู่ในกรุนี้ด้วย
ต้องขอบอกว่ายุคนี้เป็นยุคก่อนแกรมมี่ซึ่งศิลปะของการเขียนเพลงทำเพลงและการ
คัดเลือกนักร้องมาร้องเพลงนั้นแตกต่างจากยุคป้าเบิร์ดครับ
และมันไม่ใช่ยุคที่คัดนักร้องจากดาราหรือนายแบบ
หรือเลือกนักร้องเพียงเพราะรู้จักกับ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ
แต่เป็นยุคสมัยที่นักร้องคือตัวจริงเสียงจริงร้องจริง...ร้องที่ไหนก็ได้ไม่
ต้องลิปซิงค์
ความจริงแกรมมี่ก็ไม่ได้เริ่มต้นแบบนั้นนะครับ งานชุด นันทิดา 27
เขาก็เอานักร้องระดับประกวดและนักร้องที่มีต้นทุนสูงผ่านทั้งงานหนังและงาน
เพลงดังระดับประเทศอย่าง "จำกันบ่ได้กา" หรือ "ขงเบ้งดูดาว"มาทำเพลง
แต่ก็ยังสู้กับจ้าวตลาดอย่างนิทิทัศน์ หรือ โรสซาวด์หรือ
อาร์เอสซาวด์ไม่ได้
แต่เมื่อเขาโชคดีที่บังเอิญเจอเบิร์ด คนหนุ่มหน้าตาดี
อดีตคนแบงค์ อดีตนักแสดงละครทีวี ทุกอย่างที่ผลิตจากแกรมมี่ก็เปลี่ยนไป
แกรมมี่ก็เติบโตขึ้น...
และตั้งแต่วันนั้นโฉมหน้าของการทำเพลงในประเทศนี้ก็ไม่เคยเหมือนเดิมอีกต่อไป
ไม่อยากจะให้ขำ แต่มันเป็นความจริงที่ว่า
นับตั้งแต่วันนั้นอัลบั้มเพลงก็มีค่าเท่ากับบะหมี่สำเร็จรูป 1 ซอง
ด้วยกระบวนการตลาดของแกรมมี่ก็ทำให้หูและรสนิยมของคนฟังเพลงไทย
'อะลุ่มอล่วย' กับความห่วยหลากประเภทที่นำมาวางบนแผงไงครับ
มีเรื่องจะเล่าว่าราวๆ ปี 28 ผุสรัตน์ ดารา ดาราละครจักรๆ วงศ์ๆ
ของช่อง 7 ที่ผันตัวมาร้องเพลงและถ่ายนู้ดได้เคยออกอัลบั้มเพลงชุดหนึ่ง
ผมจำได้ว่าคอลัมน์จอมแดรกของบันเทิงไทยรัฐ
อธิบายเสียงร้องของเธอว่าเหมือน "ไก่เขี่ยตีนบนสังกะสี"
พูดตามตรงผมพบว่า
เสียงของผุสรัตน์นั้นยังดีกว่านักร้องยุคนี้อย่างโฟร์-มดเลยนะครับ
เช่นเดียวกับชีวิตของผุสรัตน์ที่พอถ่ายนู้ดแล้วช่อง 7
ตัดเธอกระเด็นออกทันที
แต่ในยุคนี้ดาราที่ห้อยแตงออกมาเสียจนหมดราคาอย่างอั้มกลับถูกอุ้มได้อุ้มดี
จากช่อง 7 โดยเฉพาะคุณแดง
แต่ ณ.วันนี้โฟร์-มดก็ไปได้ดี
อั้มก็เป็นดาราสุดฮ็อตจากความจงใจโป๊ของเธอ
นี่คือความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยและความอะลุ่มอะล่วยต่อความเส็งเคร็งที่น่า
เศร้า
กลับเข้ามาที่นักร้องเสียงหล่อแห่งยุค 80 อีกคน
ที่ผมว่าเสียงแกหวาน และบวกสวยในเนื้อเสียงมากกว่าคนอื่นๆ นั่นคือคุณต้น
สุชาติ ชวางกูร คุณภาพของแกนั้นมีการันตีครับ
เมื่อไปคว้าแชมป์นักร้องสมัครเล่นแห่งเอเชีย
ซึ่งถ้าจำไม่ผิดแกคือคนไทยคนแรกเมื่อปี 2524 (ตามมาด้วยนันทิดา และ
พี่อ้วน มณีนุช สเมรสุต) ก่อนที่จะทำเพลงไทยอย่างจริงจังกับค่าย EMI
ประเทศไทยและออกแผ่นเมื่อปี 2526
พูดถึงค่ายนี้ก็ล้มหายตายจากไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งๆ
ที่สมัยก่อนพวกเขามีวงดังๆ และเพลงดังๆ พิงค์แพนเธอร์ และ จันทนีย์
อุนากูร เจ้าของเพลง "สายชล"
ยุคที่พี่ต้นแกดังนี่ผมยังอยู่ ม.ต้นอยู่เลย
เงินที่จะซื้อคาสเซ็ทหรือแผ่นเสียงก็ยังไม่มี
แต่อาศัยฟังผ่านรายการวิทยุเป็นส่วนใหญ่
การฟังเพลงทางวิทยุสมัยก่อนสนุกกว่านี้ครับ
เพราะดีเจแต่ละคนนี่ไม่ถูกจำกัดรสนิยมและการคัดสรรเพลงไพเราะจาก music
director ของคลื่นในแบบทุกวันนี้
เพราะฉะนั้นความหลากหลายของการฟังเพลงจึงสูง ของให้เป็นเพลงที่เจ๋ง
เพลงที่ไพเราะ ดีเจทั้งหลายก็จะขนมาให้เราฟังกัน
พอย้อนถึงอดีตตรงนี้ ผมถามตัวเองว่าเพลงอะไรที่เป็น signature
จริงๆ ของแก อย่างป้าเบิร์ดนั้นถ้าเป็นยุคแรกก็ต้องบอกว่า
"ด้วยแรกและผูกพัน" ถ้าเป็นยุคหลังก็ต้องเป็น "แฟนจ๋า"
แต่ของพี่ต้นนี่ผมอธิบายไม่ถูก
เพราะเพลงที่เปิดในวิทยุแถมหมุนไปที่คลื่นไหนก็ต้องเจอ มันคละกันไปหมด
ไม่ว่าจะเป็น ด้วยรัก, ภวังค์รัก, ฝากรักมากับเสียงเพลง,
เหมันต์ที่ผ่านพ้นไป, ดั่งเม็ดทราย ,ใจรัก ฯลฯ
พี่ต้นเป็นคนหน้าหวาน เพลงของแกเลยเป็นเพลงประเภทฟังหวานๆ เพลินๆ
เสียเป็นส่วนใหญ่ เป็นเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะชนิดที่ฟังครั้งเดียวติดหู
และบอกถึงความรักในหัวใจของตัวเองแบบไม่มีปิดบังอำพราง
แต่แม้เพลงรักหวานช้าจะมีเยอะ
แต่แกก็มีเพลงเร็วที่ชวนให้คนลุกขึ้นมาเต้นตามได้ อาทิ ดวงฤดี
แต่ไม่ว่าเพลงของแกจะเร็วหรือช้า คุณภาพของน้ำเสียงแกไม่เคยตก
ส่วนตัวผมชอบเพลง 'เหมันต์ที่ผ่านพ้นไป' มากที่สุด
เพราะผมชอบวิธีเขียนเนื้อร้องที่เขียนเหมือนไปนั่งอยู่ในใจคนที่อกหักในหน้า
หนาว มันบ่งถึงความทุกข์อย่างหนักชนิดที่...น้ำตานั้นรินไหลท่วมใจท่วมขอบฟ้ากัน
ทีเดียว
มันอาจจะไม่ดูเป็นจริงนัก แต่ผมเชื่อว่าใครอกหักและร้องไห้
ภาพที่มองจากคลองสายตาไปก็จะเบลอใกล้เคียงกับน้ำท่วมฟ้าเหมือนกัน...คือมัน
งดงาม และมันเป็นกวีศิลป์
ลักษณะของการเขียนเพลงแบบนี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่เกิดขึ้นในยุค
80 และลักษณะที่ดีนี้มันหายไปพร้อมกับการเติบโตของแกรมมี่นั่นแหล่ะ
เขียน มาถึงตรงนี้ก็ย้ำว่า บทเพลงต่างๆ
ที่หาฟังไม่ได้รวมถึงความทรงจำดีๆ จะถูกนำมาฟื้นกันใหม่ในคอนเสิร์ต A MAN
FOR ALL SEASONS ของพี่ต้นแกในในที่ 3 ตุลาคมนี้ อย่าลืมไปนั่ง Time
Machine เพื่อรำลึกอดีตงดงามผ่านบทเพลงด้วยกันนะครับ
เหมันต์ที่ผ่านพ้นไป
เหมันต์ที่ผ่านพ้นไป ผ่านไปพร้อมใบไม้บาง
ร่วงลงพริ้วปลิวลู่ลงทาง ดูใบไม้วางอ้างว้างเอกา
เหมือนรักที่จากฉันไป จากไปเหลีอไว้แต่น้ำตา
หลั่งรินไหลท่วมใจท่วมขอบฟ้า ดังไฟรักพาฤทัย แหลกราน
(*) เพียงหวังไขว่คว้า ข้าเหลือแค่อาลัย สุดจะเอ่ยบอกใคร
ยั้งใจมิให้หลงน้ำคำ
เหมันต์ยังผ่านเช่นเคย อย่าเลยฉันกลัวบอบช้ำ อย่าตอกย้ำ
ในความทรงจำ โอ้เหมันต์อย่าผ่านมาเลย ( * )
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000106488
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ neolop@hotmail.com
ตอบลบ