++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552

4 พันศพที่ภาคใต้ : รีบหยุดเงื่อนไขสงครามเชื้อชาติ

โดย สำราญ รอดเพชร 9 มิถุนายน 2552 16:41 น.
หลังคำสั่งศาล (30 พ.ค.2552)
ในขั้นตอนการไต่สวนการตายชี้ว่าผู้เสียชีวิต 78 คน
กรณีตากใบเกิดจากการขาดอากาศหายใจ ไม่พบเหตุร้ายอย่างอื่น
และเจ้าหน้าที่พนักงานที่ปฏิบัติการในวันเกิดเหตุ (25 ต.ค. 2547)
ก็เป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามปกติ...

ปรากฏว่าเหตุรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี
ยะลา นราธิวาส) ก็เกิดขึ้นถี่ยิบ..ทั้งการซุ่มยิง บุกยิงซึ่งหน้า
ซุ่มระเบิด ระเบิดในลักษณะคาร์บอมบ์

ล้มตายกันเป็นใบไม้ร่วง โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่ อ.เจาะไอร้อง
นราธิวาส เมื่อ 20.30 น. คืนวันที่ 8 มิ.ย.
ที่คนร้ายบุกยิงพี่น้องไทยมุสลิมซึ่งกำลังทำละหมาดที่มัสยิด เสียชีวิต 11
คน บาดเจ็บอีก 13 คน

ที่กล่าวมาเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าคำสั่งศาลกรณีตากใบคือเหตุปัจจัยทั้งหมด
ของความรุนแรงรอบใหม่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้
แต่ผมเชื่อว่ามันต้องเป็นส่วนหนึ่งในความรู้สึกของพี่น้องไทยมุสลิมบาง
ส่วน..

ส่วนสาเหตุจริงๆ
และหนทางการแก้ปัญหาภาคใต้คงไม่ต้องมาพูดกันตรงนี้อีกแล้ว เพราะเราศึกษา
วิจัย หมดเงินงบประมาณไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
สุดท้ายบทสรุปก็ไปจอดป้ายตรงที่ว่า...ต้องสร้างสรรค์สังคมที่เป็นธรรม
บนพื้นฐานความเข้าใจประเพณีวัฒนธรรมของสังคม - ชุมชน

ที่งดงาม ถูกต้อง
ตรงเป้าก็คือยุทธศาสตร์พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า
"เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา"

แต่เพราะความไม่ลึกซึ้ง ไม่เข้าใจ
หรือเข้าใจแต่แสร้งเป็นไม่เข้าใจเพราะผลประโยชน์หลายด้านมันเข้าตาหรือเปล่า
ก็ไม่ทราบ ทำให้ในรอบหลายปีมานี้มีรัฐบาลบางรัฐบาลโดยเฉพาะรัฐบาลทักษิณ
(2544-49) ก่อความผิดพลาดอย่างมหันต์ในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้
กลายเป็นชนวนเหตุความรุนแรงรอบใหม่ที่ยากจะเยียวยาแก้ไข..

นับแต่การยุบศูนย์อำนวยการบริหารงานจังหวัดชายแดนภาคใต้
(ศอ.บต.)และกองบัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร (พตท.) ที่ 43
ตามด้วยยุทธการอุ้มฆ่า "โจรกระจอก", ปฏิบัติการ 32 ศพกรณีกรือเซะ (28
เม.ย. 47) - กรณีตากใบ (25 ต.ค. 47) และฯลฯ

และนับตั้งแต่ 4 ม.ค. 47 วันปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4
ที่อ.เจาะไอร้อง นราธิวาส จนถึงวันนี้ 5 ปีเศษ
เราใช้งบประมาณในการพัฒนาในทุกด้านเพื่อแก้ปัญหาไปแล้ว 1 แสนล้านบาท
(ไม่รวมงบเงินเดือน) ขณะที่ทุกภาคส่วนทุกเหล่าฝ่ายทั้งพี่น้องไทยพุทธ
ไทยมุสลิม ล้มตายไปแล้ว 4 พันคน

* ยุครัฐบาลทักษิณ เมื่อรู้สึกผิดพลาดในการแก้ปัญหา 3
จังหวัดชายแดนใต้ ได้ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ
(กอส.) โดยมีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน
ในบทสรุปของการศึกษาได้เสนอวิธีแก้ไขความรุนแรงด้วยข้อเสนอสมานฉันท์สำหรับ
สังคมไทย

1.มาตรการสมานฉันท์เฉพาะหน้า : แก้ปัญหาความรุนแรงที่ชั้นบุคคล
1.1) จัดตั้งหน่วยสันติเสนา 1.2) สานเสวนากับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ
และ1.3) เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องเข้าใจลักษณะพิเศษของพื้นที่

2.มาตรการยั่งยืน : แก้ปัญหาความรุนแรงที่โครงสร้างและวัฒนธรรม

3.มาตรการการเมืองสมานฉันท์ :
เสนอพ.ร.บ.สันติสมานฉันท์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้

น่าเสียดายที่ผลการศึกษา- เสนอแนะของ กอส.ถูกเก็บเข้าลิ้นชัก

* ยุครัฐบาลสุรยุทธ์ - เป็น ยุคหลังการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549
ที่สังคมคาดหวังว่านายกรัฐมนตรี ที่เคยเป็นผู้นำกองทัพอย่างพล.อ.สุรยุทธ์
จุลานนท์ ที่เริ่มต้นด้วยการยื่นมือออกไปสมานฉันท์โดยกล่าวคำขอโทษต่อประชาชนใน
3 - 4 จังหวัด แทนรัฐบาลทักษิณ

แต่คำตอบคือความเงียบ ในขณะที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
ในขณะนั้นได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อสอบสวนและศึกษาสถานการณ์ความไม่
สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีข้อเสนอแนะหลายประการ
รวมทั้งการเสนอให้ตรากฎหมายจัดตั้งองค์กรเพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อน
ภารกิจ 2 องค์กรคือ

1) สถาบันยุติธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นองค์กรอิสระ

2) สภาประชาชนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

* ยุครัฐบาลสมัคร - สมชาย : ไม่มีอะไรในกอไผ่
ปล่อยจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นไปตามยถากรรม

* ยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ : ใช้การเมืองนำการทหาร
พร้อมสถาปนาองค์กรขับเคลื่อนที่สำคัญ 2 องค์กร

1) คณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้
หรือครม.ภาคใต้
2) สำนักงานบริหารงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สบชต.)
เป็นสำนักงานที่มีกฎหมายรองรับมีขนาดใหญ่กว่า ศอ.บต.

กรณีรัฐบาลประชาธิปัตย์ต้องยอมรับว่าผู้นำรัฐบาลมีความมุ่งมั่น
จริงใจที่จะแก้ปัญหาภาคใต้โดยใช้หลักการเมืองนำการทหาร
แต่ผมเข้าใจว่าความแปลกแยกระหว่าง
ครม.ภาคใต้กับบทบาทของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)
ที่เป็นเจ้าภาพหลักในการแก้ปัญหายังมีอยู่มาก
รัฐบาลยังไม่กล้าพอที่จะทุบโต๊ะหรือไม่ก็ยังไม่สามารถรวบรวมงบพัฒนาให้มารวม
ศูนย์ได้ดีพอ การพัฒนาทุกวันนี้จึงยังกระจัดกระจาย ต่างคนต่างทำ
เกิดการรั่วไหล ละลายแม่น้ำ หายไปตามลำคลอง หนอง บึง..เกือบจะแบบเดิมๆ

ส่องกล้องมองสถานการณ์วันนี้ แล้วแลไปข้างหน้า
หลายปัญหายังน่าห่วง
แต่รัฐบาลประชาธิปัตย์มีภาพลักษณ์และต้นทุนสูงกว่ารัฐบาลทักษิณมาก
ดังนั้นควรจะได้เร่งมือในการพิสูจน์ฝีมือในการทำงาน..ให้เห็นเป็นที่
ประจักษ์ในหลายๆ เรื่อง อาทิ

- การให้ความเป็นธรรมในแต่ละคดี ตรงไปตรงมากับทุกฝ่าย
- จัดการกับตำรวจที่ใส่เกียร์ว่าง
จัดการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่สร้างเงื่อนไขสงครามก่อการร้าย
ดูแลเยียวยาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุ่มเท เสียสละ
- ลากคอมาเฟียยาเสพติด
กลุ่มอิทธิพลที่สมคบร่วมมือกับกลุ่มโจรมาดำเนินคดีให้มากที่สุด
อย่าดีแต่พูด
- ปรับปรุงการข่าวครั้งใหญ่ -
สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน
- กระชับ (ยุทธศาสตร์) การพัฒนาให้คมชัด ประชาชนมีส่วนร่วม
- ฯลฯ

..................

ครับ ส่งท้ายขอประณามกลุ่มคนที่บุกยิงพี่น้องไทยมุสลิมขณะกำลังละหมาด

บางกระแสข่าวคาดหมายว่าเป็นการแก้แค้นของพี่น้องไทยพุทธที่ถูกยิงตายคาสวน
ยางเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น
ผมขอภาวนาอย่าได้เป็นเช่นนั้นเลยเพราะถ้าเป็นจริงมันจะเป็นการตอกย้ำกรณีตาก
ใบ จะเป็นการเพิ่มเชื้อสงครามเชื้อชาติให้เข้มข้นมากขึ้น
แต่ก็ช่างเถอะจะเป็นใครกลุ่มไหน ก็ต้องเอาคนผิดมาลงโทษ

ความ ยุติธรรม
ความเป็นธรรมเท่านั้นจะค้ำยันจิตใจของพี่น้องไทยพุทธไทยมุสลิมและทุกเชื้อ
ชาติทุกศาสนาให้คงยิ้มต่อกัน
รักต่อกันได้ในฐานะคนไทยซึ่งล้วนต่างเป็นพสกนิกรของพ่อหลวง!!


http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000064883

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น