หากนับระยะทางระหว่างกรุงเทพกับอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรีแล้ว ด้วยระยะทางเพียงร้อยกิโลเมตรนั้น นับว่าไม่ไกลเกินไปหากต้องมีการขนส่งสินค้าเกษตรที่เน่าเสียง่าย เช่น ผักหลากหลายชนิดตามฤดูกาลมาขายยังตลาดค้าส่งผักสดในกรุงเทพมหานคร
เป็นความโชคดีของคนกรุงเทพฯ และผู้บริโภคบริเวณใกล้เคียงที่ได้บริโภคผักสดปลอดสารพิษชนิดต่างๆ ตามฤดูกาลที่ปลูกจากไร่นาของ นายขันติ หมูแดง หมอดินอาสาที่มีใจมุ่งมั่นเจ้ารับการอบรมในการปรับปรุงบำรุงดินของตัวเองตามแนวทางการส่งเสริมการพัฒนาที่ดินจากสถานีพัฒนาที่ดินลพบุรี
เริ่มต้นการปลูกผักโดยพัฒนาดินรอบแรกด้วยการไถพรวนให้ลึกประมาณ 10 เซนติเมตร จัดการดินให้ร่วนซุยมากที่สุดแล้วหว่านปุ๋ยหมักที่ผลิตจากสารเร่ง พด.1 ของกรมพัฒนาที่ดินเพื่อเพิ่มจุลินทรีย์ให้กับดินประมาณไร่ละ 1 ต้น และหว่านเมล็ดปุ๋ยพืชสด (ปอเทือง) โดนหว่านให้กระจายทั่วแปลงด้วยอัตราเมล็ดพันธุ์ 8 กิโลกรัมต่อไร่ ให้น้ำทุกวัน
เมื่อปอเทืองออกดอกก็ไถกลบต้นลงดินและให้น้ำทุกวันเป็นเวลา 6 วัน หลังจากนั้นไถครั้งที่ 2 เพื่อช่วยให้มรการย่อยสลายได้ดีขึ้น ทิ้งไว้ 15 วัน จึงเริ่มปลูกพืชผักได้
การปลูกผักนอกจากจะต้องมีการจัดการดินที่ดีแล้ว หลักของการปลูกคือ ให้มีผลผลิตออกไล่เรียงอายุการเก็บเกี่ยวเป็นรุ่นๆไป และต้องให้มีพื้นที่เหลือให้วัชพืชขึ้นบ้างเพื่อให้แมลงศัตรูพืชได้อพยพไปอาศัยอยู่ในช่วงเวลาที่ไถกลบซากต้นผัก มิฉะนั้นแล้วแมลงศัตรูพืชจะไม่มีที่อาศัยและอาหาร ทำให้ต้องเข้าทำลายกัดกินพืชผักที่ปลูกไว้แทน
ในฤดูหนาว เริ่มต้นการปลูกพืชผักด้วยผักที่ชอบอากาศเย็นทุกชนิด เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก มะเขือเทศ
ส่วนในฤดูร้อน บริเวณหน้าดินจะมีอุณหภูมิสูงมาก หากหว่านเมล็ดผักในช่วงนี้เลยจะทำให้เมล็ดที่งอกถูกอากาศร้อนก็จะเหี่ยวเฉา จึงได้ปลูกปอเทืองไว้เป็นแถวเพื่อพรางแสง โดยหว่านห่างกันแถวละ 50 เซนติเมตร แล้วหว่านเมล็ดผักในระหว่างแถวของปอเทืองแทนเมื่อผักที่ปลูกไว้โตขึ้นก็ให้ตัดต้นปอเทืองทิ้งนำมาคลุมหน้าดินโดยไม่ต้องไถพรวน
ในฤดูฝน ความร้อนนั้นลดลงเนื่องจากความชื้นในอากาศมีมากแต่พระอาทิตย์อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรหรือพื้นที่ประเทศไทยมากที่สุดในช่วงเดือนกรกฏาคมถึงเดือนสิงหาคม ทำให้แดดหลังฝนตกนั้นร้อนมากและฝนที่ตกในช่วงนี้เป็นฝนเม็ดใหญ่ตามฤดูมรสุม ทำให้เม็ดฝนกระแทกใบผักรุนแรงมากที่สุด การปลูกผักในช่วงนี้ถ้าเป็นผักใบ ใบจะช้ำ และเมื่อใบสัมผัสกับผิวดิน จะทำให้ใบเป็นโรคเน่าได้ง่าย ดังนั้นจึงต้องปลูกพืชคลุมดินด้วยต้นปอเทืองเพื่อไม่ให้ใบผักสัมผัสกับดิน
การจัดการอีกวิธีโดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยหมักก็คือ การปลูกพืชตระกูลถั่วก่อนการเก็บเกี่ยวผัก โดยให้เริ่มโรยเมล็ดปอเทืองเป็นแถวในที่ว่างๆ ระยะห่างประมาณ 60 เซนติเมตรระหว่างแถวผัก เมื่อเก็บเกี่ยวซากต้นผักแล้วประมาณ ระยะเวลาให้พอดีกับที่ปอเทืองจะออกดอก แล้วไถกลบเป็นพืชบำรุงดินต่อไป และในการรดน้ำให้ผสมน้ำหมักชีวภาพที่ผลิตจากสารเร่ง พด.2 ของกรมพัฒนาที่ดินด้วยทุกครั้งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตได้
นายขันติ หนูแดง
หมอดินอาสาประจำตำบลหนองแขม
19 หมู่ 8 ต.หนองแขม อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี
จากหนังสือ “ภูมิปัญญาเกษตรอินทรีย์ตามวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง”
จัดทำโดย กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กันยายน 2549
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น